คำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดีอ้างว่า TikTok "รวบรวมข้อมูลจำนวนมากจากผู้ใช้โดยอัตโนมัติ" เช่น ข้อมูลตำแหน่ง และประวัติการเรียกดู และ การค้นหา ซึ่ง "อ้างว่าจะอนุญาตให้รัฐบาลจีนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของชาวอเมริกัน และอาจทำให้จีนสามารถ ติดตามตำแหน่งของพนักงานและผู้รับเหมาของรัฐบาลกลาง , สร้างเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อแบล็กเมล์และดำเนินการจารกรรมข้อมูลขององค์กร " จึงประกาศว่า
“ห้ามบุคคล บริษัท หรือหน่วยงานใดในประเทศ ทำธุรกรรมกับแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ TikTok หรือกับ ไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ โดยมีผลบังคับใช้ 45 วันหลังออกคำสั่งนี้”
ไม่นานหลังจากออกคำสั่งเกี่ยวกับ TikTok ทรัมป์ก็ออกคำสั่งที่คล้ายกันสำหรับ WeChat ซึ่งเป็นแอพแชทของ Tencent ซึ่งเป็นบริษัทในจีน
สำหรับ WeChat ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้ทำธุรกรรมทางการเงินให้กันได้ คำสั่งระบุว่าจะห้ามทำธุรกรรมทางการเงินใดๆที่เกี่ยวข้องกับ WeChat โดยบุคคลใดๆหรือเกี่ยวกับทรัพย์สินใดๆ ภายใต้เขตอำนาจศาลของสหรัฐอเมริกากับ Tencent Holdings Ltd.
Steven Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ทำเนียบขาวว่า รัฐบาลสหรัฐฯกำลังดำเนินการทบทวนความมั่นคงแห่งชาติของ TikTok และกำลังเตรียมเสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อทรัมป์
ผู้คนที่ทำงานภายในคณะบริหารของทรัมป์คาดว่าประธานาธิบดีจะลงนามในคำสั่งบังคับให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ เพราะอาจมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ
คำสั่งดังกล่าวอ้างว่า แพลตฟอร์ม TikTok ได้มีการเผยแพร่เนื้อหาเพื่อให้สอดคล้องกับวาระของรัฐบาลจีน โดยอ้างว่า "เมื่อวิดีโอ TikTok แพร่กระจายทฤษฎีสมคบคิดที่หักล้างทฤษฎีเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัส COVID - 19 ว่าอาจจะมาจากสหรัฐอเมริกา"
TikTok กล่าวว่ายังคงยึดมั่นกับฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่ในอเมริกา
"TikTok เป็นที่รักของชาวอเมริกันกว่า 100 ล้านคน เพราะเป็นบ้านสำหรับความบันเทิงการแสดงออกและการเชื่อมต่อ"
โฆษกของบริษัท Josh Gartner กล่าวในแถลงการณ์
คำประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะปิดแพลตฟอร์มนี้เกิดขึ้นหนึ่งเดือนหลังจากแคมเปญที่ผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐอเมริกาได้ทำการป่วนรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ และทำให้มีผู้เข้าร่วมงานเพียงประปรายในเมืองทัลซา รัฐโอคลาโฮมา ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทรัมป์สั่งแบน TikTok ในเวลาต่อมา
Source : CNN
Article By : โลกไอทีวันนี้