#FullReview : realme 8 5G และ realme 8 คู่หูสมาร์ทโฟนที่จะพาคุณเข้าสู่ "โลกแห่งความไร้ขีดจำกัด" !!!!ไปกับการเชื่อมต่อ 5G , สเปคดี , กล้องเทพ , แบตใหญ่ , ชาร์จไว ในราคาไม่ถึง 1 หมื่นบาท !!!!!


realme ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ realme 8 Series ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบด้วย realme 8 และ realme 8 5G ที่มาพร้อมความโดดเด่นแตกต่างกันตามการเลือกสรรค์ของผู้ใช้งาน แต่จุดร่วมคือเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อม "ความไม่มีที่สิ้นสุด" กับกล้องถ่ายภาพสุดสวยในทุกสภาวะ , รองรับการเชื่อมต่ออันไร้ขีดจำกัด และ แบตเตอรี่ความใหญ่กับระบบชาร์จไวทันใจผู้ใช้แบบสุดๆ จะน่าสนใจขนาดไหนเราลองไปดูกันครับ



เริ่มต้นที่ realme 8 5G สมาร์ทโฟนแห่งการเชื่อมต่อ ภายใต้สโลแกน "ความเร็วไร้ขีดจำกัด"

Unboxing

โดยอุปกรณ์ที่มีให้ในกล่อง realme 8 5G ประกอบด้วย


ตัวเครื่อง realme 8 5G
Adapter 18W Quick Charge
สาย USB Type-C
เคสใสแบบ TPU
เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ใบรับประกันสินค้า

สเปค realme 8 5G

หน้าจอชนิด IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว , ความละเอียด Full HD+ อัตรา Refresh Rate 90 Hz , Touch Sampling Rate 180 Hz , ความสว่างสูงสุด 600 nits , แสดงผล 16.7 ล้านสี
CPU : MediaTek Dimensity 700 Octa Core ความเร็ว 2.05 GHz
GPU : Mali - G75MC2 ความเร็ว 900 MHz
RAM : 8 GB ชนิด UFS 2.1
ROM : 128 GB ชนิด LPDDR4X
รองรับ 2 Sim Cards แบบ Triple Slot
รองรับ 5G Dual Mode
รองรับ Micro SD Card สูงสุด 1 TB
กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 48 + 2 + 2 ล้านพิกเซล , f/1.8 + f/2.4 + f/2.4 , รองรับ EIS , รองรับ Macro ระยะ 4 cm. และ B&W Lens
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล , f/2.0, รองรับ AI Beauty
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power
รองรับ WiFi 802.11 ac Dual Band
รองรับ Bluetooth 5.1
รองรับระบบระบายความร้อน Copper Liquid Cooling System
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C
แบตเตอรี่ : 5000 mAh + 18W Quick Charge
ระบบปฎิบัติการ : Android 11 + realme UI 2.0
สี : SuperSonic Black และ SuperSonic Blue

Design




realme 8 5G มาพร้อมกับดีไซน์บางเฉียบเพียง 8.5 mm. น้ำหนักเบาเพียง 185 กรัม มอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายในทุกครั้งที่ได้สัมผัส



ฝาหลังของ realme 8 5G ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นแสงไฟหน้ารถที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง จนเกิดเป็น Dynamic Speed ​​Light เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกของแสงเมื่อแสงตบกระทบไปยังตัวสมาร์ทโฟน



โดยสีในรีวิวนี้คือ Supersonic Black ซึ่งใช้กระบวนการรูปแบบ lenticular เพื่อนำเสนอเอฟเฟกต์กระจกเงาระดับพรีเมี่ยมเพื่อดึงความรู้สึกของแสงออกมาให้ดีขึ้นกว่าที่เคย



ที่มุมซ้ายบนมีกล้องหลัง​ 3 ตัว ในโมดูลทรงสี่เหลี่ยม พร้อมไฟแฟลช​ LED



เฟรมเครื่องใช้เทคโนโลยีพิเศษอย่าง Microcrack ในการหล่อ ทำให้ไร้รอยต่อและช่วยเพิ่มความแข็งแรง



ด้านขอบขวาของตัวเครื่อง​ มีปุ่ม​ Power ที่รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ



ส่วนขอบซ้ายจะมี​ปุ่ม​ Volume Up/Down และเหนือขึ้้นไปมีถาดใส่​ Sim Cards​ แบบ​ Triple Slot อยู่



ขอบล่างมีช่องหูฟัง​ 3.5 mm. , ไมโครโฟนสนทนา​, พอร์ตเชื่อมต่อ​ USB Type -​C และ​ ช่องลำโพง​ Speaker​ ตามลำดับ

หน้าจอ​ (Display)



มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Ultra Smooth ขนาด 6.5 นิ้ว มีอัตราการรีเฟรช 90 Hz และอัตรา Touch sampling rate สูงสุด 180Hz บนความละเอียด Full HD+ ให้ความสว่างหน้าจอสูงสุด 600nits พร้อมรองรับการแสดงผล 16.7 ล้านสี

ให้ความคมชัดที่ค่อนข้างดี รวมไปถึงการแสดงสีที่ค่อนข้างสว่างและสดใส ปรับความลื่นไหลให้มากยิ่งขึ้นด้วยอัตรา Refresh Rate 90 Hz อีกทั้งยังรองรับโหมดถนอมสายตาแบบ Blue light filter ด้วย

Hardware & Performance



มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700 5G Octa Core ที่ทำงานได้ความเร็วถึง 2.2GHz ใช้กระบวนการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร ซึ่งประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 28% เมื่อเทียบกับ CPU 4G

พร้อมด้วย GPU Mali - G57MC2 ที่มีความเร็ว 950 Hz ทำให้การประมวผลหน้า 90 Hz เป็นไปได้อย่างราบรื่น


มี RAM 8 GB , ROM 128 GB พร้อมรองรับ Micro SD Card สูงสุด 1 TB





และผลทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม Geekbench ทำคะแนนในโหมด Multi Core ได้ 1779 คะแนน และ Single Core ได้​ 574 คะแนน

รองรับการเชื่อมต่อ 5G

รองรับ 5G Dual SIM Dual Standby และรองรับการเชื่อมต่อ Dual Mode SA / NSA ครอบคลุมทุกเครือข่าย พร้อมเทคโนโลยี Smart 5G ที่สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมของสัญญาณโดยรอบได้อย่างชาญฉลาด และจะสลับการใช้งานระหว่าง 4G กับ 5G อย่างอัตโนมัติ ซึ่งจะประหยัดพลังงานมากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 30%

Software


มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ​ Android​ 11 ภายใต้ realme UI 2.0 เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งเป็น​ UI ของทางค่าย​ที่มีหน้าตาสวยงามและผู้ใช้ก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยหน้าตา Home screen และ AppDrawer นั้นมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ใช้งานง่าย





อีกทั้งยังรองรับการปรับแต่งได้ยืดหยุ่นหลากหลาย​ ด้วย Theme Store ที่เลือกดาวน์โหลดปรับแต่ง Wallpapers , Fonts และ Theme ได้มากมายเช่นกัน

รองรับ Dark Mode เพื่อการใช้งานในสภาวะแสงสว่างน้อย ลดการเมื่อยล้าของดวงตาได้เป็นอย่างดี

Gaming

สำหรับประสบการณ์ในการเล่นเกมส์ด้วย​ realme 8 5G นั้นพบว่าทำได้ค่อนข้างดี จากการทดสอบด้วย PUBG Mobile นั้นสามารถปรับกราฟฟิคเกมส์ได้ในระดับ HD และเฟรมเรทระดับสูงสุด (High) โดยสามารถเล่นได้ต่อเนื่องโดยที่ไม่มีอาการกระตุก เครื่องไม่ร้อน เพราะมีระบบระบายความร้อน Copper Liquid Cooling System ในตัว



พร้อมด้วยการสนับสนุนจากระบบ Game Space ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหมาะสำหรับการเล่นเกมอย่างแท้จริง​ และช่วยให้การเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี โหมดห้ามรบกวน เพื่อช่วยปฏิเสธสายเรียกเข้า และการแจ้งเตือนอื่นๆไม่ให้รบกวนในระหว่างเล่นเกม , ล็อกความสว่างของหน้าจอ โดยจะปิดใช้งานการปรับความสว่างอัตโนมัติ เพื่อให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ไหลลื่นยิ่งขึ้น

Sound System

ลำโพง Speaker​ จะเป็นแบบ​ Mono แต่ยังให้ความดังชัดเจน

Camera​ System เลนส์กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย



- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล​ , f/1.8 พร้อมระบบ AI , 6P Lens , มุมกว้าง 80 องศา

- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล , ระยะโฟกัส 4 cm. , f/2.4

- กล้อง B&W Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล , f/2.4



โดยภาพรวม การถ่ายภาพจากกล้องหลักนั้นออกมาได้ดี พร้อมระบบ AI ที่ช่วยปรับแต่งเฉดสีให้มีชีวิตชีวา สดใส ให้ให้รายละเอียดที่คมชัด โดยที่เราไม่ต้องไปปรับตั้งค่าให้วุ่นวายยุ่งยากแต่อย่างใด

ตัวอย่างภาพถ่ายเลนส์หลัก



ภาพถ่ายโหมด​บุคคล

มีการละลายฉากหลังได้เป็นธรรมชาติ ตัดขอบได้เนียนตา ด้วยคุณสมบัติของเลนส์ B&W Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายบุคคล​ (Portrait Mode)



ภาพถ่าย​ Macro

ในระยะใกล้สุด​ 4 cm. ใช้งานค่อนข้างง่าย​ และ มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี

ตัวอย่างภาพถ่าย​ Macro



กล้องหน้า​


กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีการปรับแต่ง Beauty Mode ได้หลายระดับหลายรูปแบบ , รองรับ HDR ถ่ายฉากหลังคมกริบได้สบายๆ พร้อม AI Beauty ที่จะช่วยให้หน้าสวยธรรมชาติแบบอัตโนมัติ

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า



โหมดกลางคืน

สามารถเพิ่มแสงในที่มืดเพื่อให้ภาพชัดเจนขึ้น , มีรายละเอียดมากขึ้น ด้วย Engine Technology ที่รวมภาพถ่ายหลายเฟรมเข้ามาเป็นภาพเดียว พร้อม Night Filter มากถึง 5 รูปแบบ

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดกลางคืน



ระบบรักษาความปลอดภัย


ใช้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power ทำงานได้รวดเร็ว และสามารถลงทะเบียนได้หลายนิ้ว สแกนติดง่าย ปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้อีกด้วย

แบตเตอรี่


มีขนาด 5000 mAh ใช้งานได้ยาวนานทั้งวันแบบสบายๆ และรองรับระบบชาร์จเร็ว 18W ที่สามารถชาร์จจาก 0 – 70% ในเวลาประมาณ 67 นาที เท่านั้น

ราคาจำหน่าย realme 8 5G


ราคา 9,999 บาท​ โดยจะเริ่มพรีอออเดอร์กันได้ระหว่างวันที่ 21 เมษายน – 3 พฤษภาคม นี้ และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 พฤษภาคม เป็นต้นไป ผ่านทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สรุป


realme​ 8 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่มาครบจบในเครื่อง​ สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการ ใช้งานได้อย่างรอบด้าน​ ไม่ว่าจะเป็น​ กการใช้งานเชื่อมต่อ 5G , การถ่ายภาพ​ หรือ​ การเล่นเกมส์​ ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆครับ

realme 8


อีกหนึ่งรุ่นได้แก่ realme 8 ก็ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นสเปคคุ้มค่าแบบที่โดนใจผู้ใช้ ใส่ใจตั้งแต่ดีไซน์ตัวเครื่องที่ออกแบบสวยงาม ภายใต้สโลแกน “เก็บภาพได้ไม่มีที่สิ้นสุด”

สเปค realme 8

หน้าจอชนิด Amoled ขนาด 6.4 นิ้ว , ความละเอียด Full HD+ อัตรา Refresh Rate 60 Hz , Touch Sampling Rate 180 Hz screen, up to 1000 nits brightness , รองรับ DC Dimming และ Blue light filter
CPU : MediaTek Helio G95 Octa Core ความเร็ว 2.05 GHz
GPU : Mali - G76MC4 ความเร็ว 900 MHz
RAM : 8 GB ชนิด UFS 2.1
ROM : 128 GB ชนิด LPDDR4X
รองรับ 2 Sim Cards แบบ Triple Slot
รองรับ 4G + DualVoLTE
รองรับ Micro SD Card สูงสุด 256 GB
กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 64 + 8 + 2 + 2 ล้านพิกเซล  , f/1.79 + f/2.3 + f/2.4 + f/2.4 , รองรับ EIS , รองรับ Ultra Wide มุมกว้าง 119 องศา , รองรับ Macro ระยะ 4 cm. และ B&W Lens
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล , f/2.45 , เซนเซอร์ Sony IMX471
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
รองรับ WiFi 802.11 ac Dual Band
รองรับ ระบบเสียง Hi - Res Audio
รองรับระบบระบายความร้อน Copper Liquid Cooling System
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C
แบตเตอรี่ : 5000 mAh + 30W DART Charge
ระบบปฎิบัติการ : Android 11 + realme UI 2.0
สี : Cyber Black และ Cyber Blue

Unboxing

โดยอุปกรณ์ที่มีให้ในกล่อง realme 8 ประกอบด้วย



ตัวเครื่อง realme 8
Adapter 30W Dart Charge
สาย USB Type-C
เคสใสแบบ TPU
เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ใบรับประกันสินค้า

Display



realme 8 มาพร้อมหน้าจอ Super Amoled ขนาด 6.4 นิ้ว , ความละเอียด Full HD+ แบบ Punch Hole , รองรับอัตรา Touch Sampling Rate 180 Hz สำหรับตอบสนองคอเกมส์ ให้ความสว่างสูงสุด 1,000 nits มองเห็นได้ดีแม้อยู่กลางแจ้ง พร้อมฟีเจอร์ลดแสงแบบ DC Dimming และ โหมดถนอมสายตา อีกทั้งรองรับระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และ Always On Display อีกด้วย

Design


ด้านเฟรมเครื่อง มาพร้อมกับความบางเฉียบเพียง​ 7.7 mm. มีความจับถนัดมือ โดยช่องและพอร์ตต่างๆก็มีมาให้ครบถ้วน ทั้ง USB Type - C , ช่องหูฟัง 3.5 mm. , ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot ที่ใส่ 2 ซิม พร้อมกับ 1 Micro SD Card ได้



ด้านหลังของตัวเครื่องสีดำ ดีไซน์แบบเคลือบเงา ในสี Cyber Black เป็นครั้งแรกในการนำเสนอการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความเป็นยุคดิจิทัลและความล้ำสมัย และมีการออกแบบแบบแยกส่วนและการประกบกัน โดยฝาหลังของตัวเครื่องจะถูก แบ่งออกเป็น 2 ส่วน นั่นคือส่วนของความเป็นดิจิทัล ที่มีความแวววาวสื่อถึงความล้ำสมัยยิ่งขึ้น โดยที่มุมด้านซ้ายจะมีกล้องวางเรียงบนกรอบโมดูลทั้ง 4 เลนส์ ด้วยขนาดที่สมมาตรกันทั้งหมด

Hardware & Performance


มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Helio G95 Octa Core ที่ทำงานได้ความเร็วถึง 2.05 GHz ใช้กระบวนการผลิตขนาด 12 นาโนเมตร

พร้อมด้วย GPU Mali - G76 ที่มีความเร็ว 900 Hz

มี RAM 8 GB , ROM 128 GB พร้อมรองรับ Micro SD Card สูงสุด 256 GB







และผลทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม Geekbench ทำคะแนนในโหมด Multi Core ได้ 1669 คะแนน และ Single Core ได้​ 527 คะแนน

Software




realme 8 เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ realme UI 2.0 บนพื้นฐาน Android 11 ตั้งแต่แกะกล่อง ซึ่งช่วยให้การใช้งานมีความรวดเร็ว ลื่นไหล และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น




จุดเด่นที่สำคัญของ realme UI 2.0 อีกหนึ่งอย่างคือสามารถที่จะปรับแต่งได้อย่างสร้างสรรค์  โดยรองรับรายการที่ปรับแต่งได้มากกว่า 100 รายการ ประกอบด้วย Global Theme Color,  Dark Mode 3 สไตล์ , Icon Customization และคุณสมบัติที่น่าสนใจและมีประโยชน์อีกมากมาย

การปรับปรุงประสิทธิภาพ ได้ปรับปรุงความราบรื่นอย่างมากบน realme UI 2.0 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้มากขึ้น โดยได้ปรับปรุงการใช้ทรัพยากรระบบ 45% ซึ่งส่งผลให้ความเร็วของระบบเพิ่มขึ้น 32% และความเสถียรของอัตราเฟรมเพิ่มขึ้น 17%

เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว ได้ปรับปรุงความเร็วในการเปิดตัวแอพ realme UI 2.0 ที่มีวิธีการก่อนการเปิด AI ให้เหลือเวลาสั้นๆเพียง 23.63% สำหรับการเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น

Camera ระบบกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย



- กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล​ , f/1.79 พร้อมระบบ AI , เทคโนโลยี Quad Bayer Array

- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล , f/2.25 , มุมกว้าง 119 องศา

- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล , ระยะโฟกัส 4 cm. , f/2.4

- กล้อง B&W Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล , f/2.4

กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล , ความกว้าง 78 องศา

โดยภาพรวมการถ่ายภาพความละเอียดสูง​ 64 ล้านพิกเซล​ ให้รายละเอียดที่คมชัด​ และ​ มี​ Dynamic​ ของภาพที่​ดี​ ภายใต้สภาวะกลางวันทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ย​ม

ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ​ Ultra​ Wide​ 119 องศา​ มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี​ มีอาการ​ Distort ของภาพให้เห็นบ้าง​เล็กน้อย​

โหมดถ่ายภาพกลางคืน​ Night Scape ถือเป็นจุดเด่นของแบรนด์​ เพราะใช้เวลาเพียง​ 2 วินาที​ ในการถ่ายภาพ​ ถ้าในที่พอมีแหล่งกำเนิดแสง​ จะให้ภาพที่ออกมามี Quality ที่ดี แต่ถ้ามืดมากๆ​ Noise จะขึ้นให้เห็นกันประปรายทันที

ภาพถ่ายโหมด​บุคคล​ ละลายหลังได้เป็นธรรมชาติ​ พร้อมระบบ AI Portrait แบบใหม่ ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับตัวบุคคล พร้อมตรวจจับและปรับภาพให้เหมาะสมและเป็นธรรมชาติได้มากกว่าที่เคย

ภาพถ่าย​ Macro ในระยะใกล้สุด​ 4 cm. ใช้งานค่อนข้างง่าย​ และมีประสิทธิภาพค่อนข้างดี

กล้องหน้าความละเอียด​ 16​ ล้านพิกเซล​ ใช้เซนเซอร์ชั้นดีอย่าง​ Sony​ IMX471 ​ พร้อมระบบ​ AI​ Beauty​ เป็นอะไรที่ลงตัวมาก​ โดยเฉพาะสาวๆน่าจะชื่นชอบ​ ออกมาเนียนเป็นธรรมชาติพอสมควร​ อีกทั้ง​ AI​ ​Beauty​ ยังมีตัวเลือกให้ปรับแต่งในส่วนต่างๆมากมาย เช่น ผิวเรียบ, ใบหน้าเรียว, ใบหน้าเล็ก, คาง, ตาโต, จมูกเล็ก, และ โครงหน้าแบบ​ 3 มิติ​ เป็นต้น

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัก




ตัวอย่างภาพถ่ายมุมกว้างพิเศษ


ตัวอย่างภาพถ่ายบุคคล



ตัวอย่างภาพถ่ายมาโคร



ตัวอย่างภาพถ่าย​ Night Scape



ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า



โหมดถ่ายภาพแบบ Tilt - Shift 



เปลี่ยนโลกแห่งความจริงให้กลายเป็นโลกขนาดเล็ก โดยปกติแล้วเอฟเฟกต์การเบลอนี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยเลนส์ปรับเอียงที่มีราคาแพง ซึ่งทำให้ส่วนของภาพถ่ายชัดเจนและบางส่วนเบลอ โหมด Tilt-shift Mode ยังช่วยให้สามารถปรับรูปร่าง มุม ตำแหน่ง และ ขนาดของเอฟเฟกต์เบลอได้ด้วยตนเอง สามารถเลือกและปรับแต่งเอฟเฟกต์เบลอให้เหมาะกับฉากได้อย่างง่ายดาย

การถ่ายวิดีโอ



รองรับ Dual View Video ที่ช่วยให้บันทึกภาพจากกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน

Gaming

สำหรับประสบการณ์ในการเล่นเกมส์ด้วย​ realme 8 นั้นพบว่าทำได้ดี จากการทดสอบด้วย PUBG Mobile นั้นสามารถปรับกราฟฟิคเกมส์ได้ในระดับ HD และเฟรมเรทระดับสูงสุด (High) โดยสามารถเล่นได้ต่อเนื่องโดยที่ไม่มีอาการกระตุก เครื่องไม่ร้อน เพราะมีระบบระบายความร้อนแบบ Liquid Cooper Cooling ในตัว และยังมีโหมดเพิ่มประสิทธิภาพและปิดการรบกวนอย่าง Game Space มาให้เช่นเคย

ระบบเสียง

realme 8 รองรับ Hi-Res Audio Certification มั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ภาพและเสียงคุณภาพสูงอย่างแน่นอน

ระบบรักษาความปลอดภัย


ใช้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ทำงานได้รวดเร็วและง่ายอย่างเหนือชั้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้อีกด้วย

แบตเตอรี่


มีแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็ว Dart Charge กำลังไฟ 30W ทันใจวัยรุ่นกันแบบสุดๆ กับการชาร์จ 0 - 100% ใน 65 นาที หรือหากรีบกว่านั้น เพียง 26 นาที ก็สามารถชาร์จได้เกือบ 50% แน่นอนว่าต้องมาพร้อมอัลกอริทึมความปลอดภัย 5 ชั้น การันตีการป้องกันระบบชาร์จในระดับฮาร์ดแวร์

ราคาจำหน่าย



ราคา 8,999 บาท​ โดยจะเริ่มพรีอออเดอร์กันได้ระหว่างวันที่ 21 เมษายน – 3 พฤษภาคม นี้ และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 พฤษภาคม เป็นต้นไป ผ่านทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments