FullReview : HUAWEI Watch Fit 3 นาฬิกาอัจฉริยะ ที่เท่ก่อนใครเพื่อน ด้วยดีไซน์ใหม่หมด !!! มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 1.82 นิ้ว , โหมดออกกำลังกาย 100 รูปแบบ และ อายุใช้งานแบตเตอรี่นานสูงสุด 10 วัน !!!! ในราคาเริ่มต้นเพียง 3,990 บาท !!!!




HUAWEI Watch Fit 3 เป็นสมาร์ทวอชสายออกกำลังกายที่อัพเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างมาก ทั้งในแง่ของดีไซน์ , วัสดุตัวเรือน รวมถึงฟีเจอร์ที่อัดแน่น ด้วย หน้าจอ Amoled ขนาดใหญ่ขึ้น , โหมดการออกกำลังกายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆอีกมากมายที่น่าสนใจ แต่จะมีอะไรบ้างลองไปดูกันครับ


Unboxing

ภายในกล่องประกอบด้วย


- Huawei Watch Fit 3 จำนวน​ 1 เรือน
- Magnet Charging​ Adapter จำนวน​ 1 เส้น
- Quick Start Guide จำนวน​ 1 เล่ม



🔴 สเปค​ Huawei Watch Fit 3

การออกแบบ: ทรงสี่เหลี่ยม โครงสร้างอะลูมิเนียม

จอแสดงผล: จอแสดงผล AMOLED 1.82 นิ้ว , 480 x 480 พิกเซล, 347PPI, ความสว่างสูงสุด 1500 nits ​, แสดงผล 16.7 ล้านสี , อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 72.2% , ครอบทับด้วยกระจก​ 2.5D Glass

ปุ่ม: เม็ดมะยม รองรับปุ่มฟังก์ชั่น

เซ็นเซอร์: เซ็นเซอร์ IMU 9 แกน (มาตรความเร่ง, ไจโรสโคป, แมกนีโตมิเตอร์), เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล, เซ็นเซอร์วัดแสงโดยรอบ

ความทนทาน: กันน้ำได้ 5 ATM

สาย: หนัง , สายไนลอน และ สายฟลูออโรอีลาสโตเมอร์

การเชื่อมต่อ : WiFi 2.4 GHz, Bluetooth 5.2 รองรับ BR และ BLE , NFC (เฉพาะรุ่นสายหนัง และ สายไนลอน)

ระบบเสียง: ไมค์และลำโพง ,   การโทรผ่านบลูทูธ
ระบบ GPS ในตัว

โหมดการออกกำลังกายมากกว่า 100 แบบ
คุณสมบัติด้านสุขภาพ : การนอนหลับ , ความเครียด , SpO2 , อัตราการเต้นของหัวใจ , สุขภาพของผู้หญิง , การติดตามแคลอรี่ และอื่นๆ

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ : แบตเตอรี่ 400mAh (ใช้งานสูงสุด 10 วัน) , หมุดชาร์จแบบแม่เหล็ก
 
ขนาด : 43.2 × 36.3 × 9.9 มม

น้ำหนัก: 26 กรัม (ไม่รวมสาย)

สามารถจับคู่กับอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iOS ผ่านแอป HUAWEI Health โดยรองรับอุปกรณ์ Android 8.0 ขึ้นไป และ iOS 13 ขึ้นไป


การออกแบบ


HUAWEI Watch Fit 3 มีการออกแบบที่บางและประณีต มีปุ่มแบนทรงเรียวอยู่ทางด้านขวา​ของตัวเรือน​ เหนือขึ้นไปมีเม็ดมะยม ซึ่งเรียกว่า Rotating Crown สำหรับหมุนสั่งงานได้ โดยตัวเรือนนั้นผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยให้ทั้งความพรีเมียมและทนทาน


มีหน้าปัดและกระจกโค้ง 2.5D ครอบทับทำให้นาฬิกาดูหรูหราแบบพรีเมี่ยม โดยมีความบางเพียง 9.9 มม. และน้ำหนัก 26 กรัม (ไม่รวมสาย) ทำให้คุณแทบจะไม่รู้สึกถึงการสวมใส่บนข้อมือ​ ทำให้สวมใส่สบายเป็นพิเศษสำหรับการสวมใส่ตลอดทั้งวัน


ขอบตัวเรือนด้านขวามีปุ่ม Power สำหรับใช้เปิด/ปิดเครื่อง เมื่อกดค้าง 


และ เม็ดมะยมสำหรับหมุนสั่งงาน และ เข้าสู่หน้า App Drawer เมื่อกด 1 ครั้ง รวมไปถึงลำโพงสนทนาอยู่ใต้ปุ่ม สามารถยกตัวนาฬิกามารับสายเรียกเข้าและสนทนาได้ทันที ด้วยการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth


HUAWEI Watch Fit 3 ยังมีระบบ Watch Face แบบใหม่ที่ปรับลูกเล่นสีสันได้หลากหลายกว่าเดิมทั้ง Color Pattern , Emoji Face และ สามารถดาวน์โหลดเพิ่มผ่านแอป HUAWEI Health ได้อีกกว่า 2 หมื่นแบบ


โดยมีหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.82 นิ้ว​ ที่มีความละเอียด 480 x 480 พิกเซล​ มีความคมชัดและขอบหน้าปัดค่อนข้างบาง อัตราส่วนในรูปแบบกว้างทรงสี่เหลี่ยม เป็นตัวเลือกการออกแบบที่ยอดเยี่ยมทำให้นาฬิกาบาง​ ในขณะที่แสดงข้อมูลจำนวนมากพร้อมกันได้ในหน้าจอเดียว


เมื่อปัดจากบนลงล่าง​ จะพบกับหน้าการตั้งค่าต่างๆ​ เช่น​ Do​ not Disturb , Show Clock, Find Phone, Alarm 


และเมื่อปัดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นบน​ จะเป็นการเรียกหน้าต่าง​ Notifications สำหรับแสดงการเเจ้งเตือนต่างๆที่้เกิดขึ้น


ส่วนการปัดจากซ้ายมาขวาจะเป็นหน้า Control Center สำหรับควบคุมเครื่องเล่นเพลง และ ดูสภาพอากาศ

Software
 







นอกจากนี้ระบบปฎิบัติการ Harmony OS 4.2 ที่ใช้ยังมีการปรับ UI ใหม่ ให้สวยงาม และใช้งานสะดวกยิ่งขึ้นด้วย


สายรัดข้อมือของ HUAWEI WATCH FIT 3 โดยพื้นฐานมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ สายยางฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ (Fluoroelastomer Strap), สายไนลอน และ สายหนัง


โดยสายยางฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ ที่รีวิวอยู่นี้ ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับผิวหนัง มีการออกแบบใหม่ให้นุ่มกว่าเดิม มีความทนทานต่อน้ำและเหงื่อ เหมาะสำหรับสวมใส่เพื่อออกกำลังกายและใช้ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างดี โดยมีให้เลือกหลากหลายสี ได้แก่ สีชมพู, สีเขียว, สีขาว และ สีดำ 


คุณสมบัติและโหมดการออกกำลังกาย


จุดขายที่สำคัญของ Watch Fit 3 คือ​โหมดติดตามการออกกำลังกายและสุขภาพที่หลากหลาย​กว่า​ 100 รูปแบบ​ ซึ่งสามารถติดตามการออกกำลังกายในรูปแบบพื้นฐาน เช่น​ การเดิน, วิ่ง, ขี่จักรยาน​ และ​ ว่ายน้ำ​


ไปจนกิจกรรมเฉพาะทาง​ เช่น​ โยคะ , พิลาเต้ , สเก็ตน้ำแข็ง , ศิลปะการต่อสู้ , เต้นลาติน , เทควันโด้ , บัลเล่ย์ , การปีนหน้าผา , กระโดดเชือก , เครื่องออกกำลังกายแบบ Eliptical และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ และแสดงโซนอัตราการเต้นของหัวใจ​, เป้าหมายระหว่างออกกำลังกาย, มี GPS ในตัวสำหรับทำแผนที่การวิ่งกลางแจ้ง


และยังมีฟีเจอร์ช่วยให้คุณตรวจสอบความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) โดยการตรวจสอบ SpO2 กลายเป็นคุณลักษณะที่แพร่หลายในนาฬิกาออกกำลังกายและช่วยบ่งบอกถึงสภาพร่างกายโดยรวมของคุณ​ เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาพื้นฐานในร่างกายได้


HUAWEI TruSeen™ 5.5 และยังสามารถตรวจจับภาวะหัวใจเต้นในอัตราต่ำกว่าปกติหรือภาวะหัวใจล้มเหลวได้ โดยสามารถตั้งค่าวัดหัวใจได้หลายรูปแบบ​ ทั้ง Smart​ สำหรับตั้งค่าวัดแบบอัตโนมัติ​ โดยขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ​ ณ​ เวลานั้นๆ , Real -​ Time เป็นการวัดและเก็บข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา​ แต่ว่าจะเปลืองแบตเตอรี่ 


และยังสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนในกรณีที่อัตราการเต้นของหัวใจ​มีความผิดพลาด​ ไม่ว่าจะเต้นเร็วเกินไปหรือช้าเกิน​ไป​ ต่อเนื่องนานเกิน​ 10 นาที


ตรวจวัดคุณภาพการนอนได้แม่นยำด้วย HUAWEI TruSleep 4.0 ระบบอัจฉริยะที่ทำให้เราสามารถติดตามคุณภาพการนอนหลับได้แม่นยำ โดยจะบอกเวลารวมที่เรานอนหลับ รวมถึงบอกระยะการนอน 4 ระยะ ได้แก่ หลับลึก, หลับฝัน (REM), หลับตื้น และ ตื่น 


ซึ่งระบบตรวจสอบการนอนของผู้สวมใส่​ โดยคำนวณจากอัตราการหายใจ , การขยับของกล้ามเนื้อ​ แล้วสามารถวิเคราะห์ออกมาเป็นรูปแบบในการนอน​พร้อมกับปัญหาที่ควรแก้ไข อีกทั้งยังสามารถแจงค่าสถิติรูปแบบในการนอนของแต่ละคืนออกมาได้อย่างละเอียด​ ซึ่งถือว่าน่าจะดีที่สุดในตลาดของ​ Smart​Watch​ ตอนนี้ พร้อมด้วยการแนะนำในการแก้ไขปัญหาการนอนเบื้องต้น​ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการนอนให้มากกว่าเดิม


อีกทั้งยังมอบเป้าหมายรายวันหลายมิติและโซลูชันคําแนะนําด้านสุขภาพแก่ผู้ใช้ปลายทาง ไปกับฟีเจอร์ใหม่ HUAWEI Healthy Living Shamrock กราฟสุขภาพทางวิทยาศาสตร์ ที่สร้างงานสุขภาพทุกวันเตือนผู้ใช้ให้บรรลุเป้าหมายสุขภาพส่วนบุคคลและพัฒนานิสัยที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยให้การออกกําลังกายเป็นส่วนสําคัญในชีวิตประจําวันของคุณและกระตุ้นให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ดีต่อสุขภาพผ่านการรับรู้ความสําเร็จทางดิจิทัลที่ใช้งานง่าย


วงแหวนกิจกรรมและการจัดการแคลอรี่


สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายอย่างจริงจัง การสวม HUAWEI WATCH FIT 3 ก็สามารถกระตุ้นให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ ด้วยฟีเจอร์วงแหวนกิจกรรม Activity Rings 2.0 ที่ประกอบด้วย 3 วงแหวน ได้แก่ วงแหวนสีฟ้าสำหรับการยืน, วงแหวนสีเหลืองสำหรับการออกกำลังกาย และ วงแหวนสีแดงสำหรับปริมาณแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญ ผู้ใช้งานสามารถกำหนดเป้าหมายให้กับ 3 วงแหวน ในแต่ละวันได้ และค่อยๆ เพิ่มเป้าหมายให้มากขึ้น


HUAWEI WATCH FIT 3 ยังมีแอปใหม่ Stay Fit แสดงข้อมูลการบริโภคโปรตีน, น้ำตาล และ ไขมัน เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการควบคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกาย


โดยสามารถเลือกสรรค์เมนูอาหารที่ทานซึ่งมีให้เลือกมากกว่า 1 ล้านเมนู ใน 50 ประเทศ เพื่อสามารถบอกปริมาณแคลอรี่ที่ทานเข้าไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำ


และ HUAWEI Watch​ Fit 3 รองรับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น​ HUAWEI​ Health ซึ่งจะมีติดตั้งไว้ในสมาร์ทโฟน​ HUAWEI ทุกรุ่นอยู่แล้ว​ แต่หากคุณใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น​ ก็สามารถดาวน์โหลดผ่าน​ Google​ Play​ S​tore มาติดตั้งได้เช่นกัน​ รวมถึงระบบ​ iOS ก็สามารถดาวน์โหลดผ่าน​ App Store ได้


แบตเตอรี่และการชาร์จ


แท่นชาร์จที่ให้มาในกล่องเป็นแบบ​ Magnet Charging​ ที่จะดูดติดกับตัวเรือนของ​ HUAWEI​ Watch​ Fit 3 แบบอัตโนมัติ และมีระบบชาร์จเร็วในตัว โดยแบตเตอรี่ของ​ Watch​ Fit​ 3 เคลมว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 10 วัน ​ซึ่งจากที่ทดลองใช้มา​ 1 สัปดาห์​ ก็พบว่าแบตอึดเอาเรื่องเลยครับ​ แต่หากมีการใช้งานหนักๆก็จะได้ประมาณ 4 - 5 วัน เท่านั้นครับ


ราคาและวันวางจำหน่าย


HUAWEI Watch Fit 3 มีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีดำ  Black, สีชมพู  Pink , สีเขียว Green , สีขาว White , สีเทา Grey วางจำหน่ายในราคา 3,990 บาท และ รุ่นสายหนัง/ไนลอน ในตัวเรือนสีขาว เพิ่มการรองรับ NFC วางจำหน่ายในราคา 4,990 บาท

พร้อมโปรโมชันพิเศษเมื่อสั่งซื้อสินค้าก่อนใคร รับฟรี HUAWEI Freebuds 2 SE มูลค่า 1,499 บาท ตั้งแต่ 1 มิถุนายน ถึง 30 มิถุนายน 2567 ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee, Lazada, TikTok Shop และแอปพลิเคชัน My HUAWEI

ลิ้งค์สั่งซื้อ 



สรุป


Huawei Watch​ Fit 3 เป็น​ Smart​Watch​ ที่มีการปรับปรุงในแง่ของคุณสมบัติด้านฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์จากรุ่นก่อนให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังปรับดีไซน์ใหม่หมด พร้อมกับวัสดุที่ดีและพรีเมียมขึ้น เมื่อเทียบกับราคาเริ่มต้นเพียง 3,990 บาท​ ก็ถือว่าคุ้มค่าและเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้เลยครับ

Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments