โพสนี้สาระเน้นๆ !!! ว่าด้วยเรื่องของ "Apple Intelligence" ระบบ AI ของค่ายผลไม้ที่เหมือนจะมาช้ากว่าชาวบ้าน แต่ดันมีความแตกต่างและพิเศษกว่าคนอื่น 🤖 !!!


ซึ่งเกิดจากข้อได้เปรียบของแบรนด์คือ "เป็นผู้ออกแบบ Hardware และ Software ในระบบปิด" ด้วยตัวเองทั้งหมด นั่นทำให้การประมวลผลของฟังก์ชั่น AI ต่างๆเกิน 80% ล้วนเกิดขึ้นในอุปกรณ์ของเราเอง โดยไม่จำเป็นต้องโยนคำสั่งขึ้นไปยัง Cloud (เพราะในชิปเซ็ต Apple ตระกูล Bionic รุ่นใหม่ๆ และ M Series มีหน่วยประมวลผล Neural Engine ติดตั้งอยู่ภายในตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งเจ้า NE จะทำหน้าที่ประมวลผลด้าน Machine Learning และ AI ภายในตัวเครื่องโดยเฉพาะ)

เปรียบเทียบกับ AI หลายๆค่ายในตอนนี้ที่ทุกการประมวลผลทำงานผ่าน Cloud ทั้งหมด ซึ่งจะเกิดความล่าช้ากว่า และ ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว (ยกเว้น Galaxy AI ที่ 8 ใน 15 ฟีเจอร์หลัก ทำงานแบบ Local บนอุปกรณ์ของเราเช่นกัน แต่ที่เหลืออีก 7 ฟีเจอร์ก็ทำงานแบบ On Cloud)

และแม้ว่าฝั่ง Apple จะมีบางฟีเจอร์ที่ On Cloud แต่ทางแบรนด์ก็ระบุว่าเป็น Private Cloud Compute ซึ่งใช้เซิฟเวอร์ระบบปิดของทาง Apple ที่ไม่เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลใดๆภายนอก เพราะเน้นความ Private & Security ตามที่บอกไว้ในงานเปิดตัว

และดูเหมือนว่า Apple AI (ขอเรียกแบบย่อๆ) จะประกอบด้วย โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ถึง 3 ตัว


Siri ในพื้นที่ของ Apple : โมเดลสำหรับงานง่ายๆ เช่น การกำหนดประเภทคำถาม งานข้อความพื้นฐาน การเรียกใช้ฟังก์ชันในเครื่อง ฯลฯ นี่คือโมเดล 3B ขนาดเล็กที่ผลิตโดย Apple

LLM ของ Private Cloud Compute ของ Apple : จะใช้สิ่งนี้เมื่อคำสั่งผู้ใช้มีความซับซ้อนมากขึ้น การวางแผนงานที่ซับซ้อนจะขึ้นอยู่กับข้อมูลบริบทที่ส่งเข้ามา นี่เป็นโมเดลขนาดใหญ่ที่ Apple ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับสถานการณ์นี้ (โดยเซิร์ฟเวอร์ที่ประมวลผลนี้ยังใช้ชิป Apple Silicon เองด้วย)

ผสานรวม OpenAI ChatGPT ภายนอก : จะใช้สำหรับการถามและตอบแชทความรู้ทั่วไป เมื่อ Siri พิจารณาว่าคำถามของผู้ใช้เหมาะสำหรับ GPT-4o ระบบจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าพวกเขาจะอนุญาตให้ถาม OpenAI หรือไม่

Apple จึงบอกว่านี่คือ AI ที่เน้นความเป็นส่วนตัว อย่างแท้จริง

เดี๋ยวโพสหน้าจะมาสรุปว่าเจ้า Apple Intelligence นั้นทำอะไรได้บ้าง 😁

Article By : โลกไอทีวันนี้

#Apple #AppleIntelligence #WWDC #WWDC24 #iOS18
#WorldITToday

Comments