มหาศึกAI | 2 ค่ายใหญ่ ใครเจ๋งกว่ากัน !!! วัดกันป้ะหล่ะ !!! Galaxy AI 🆚 Apple intelligence สุดยอดการต่อสู้ปัญญาประดิษฐ์แห่งโลกมือถือ !


วิเคราะห์เจาะลึกแบบละเอียดทุกฟีเจอร์  !!!

AI เป็นที่พูดถึงอย่างมากมหาศาล นับตั้งแต่มีการเปิดตัว ChatGPT , Midjourney และ AI รุ่นอื่นๆ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนใช้โอกาสนี้รวมคุณสมบัติ AI เข้ากับระบบปฏิบัติการโดยตรง เพื่อสร้างบริการที่หลากหลายและแตกต่างกว่าสมาร์ทโฟนในแบบเดิมๆ ตัวอย่างที่สำคัญของ AI บนสมาร์ทโฟนคงหนีไม่พ้น Galaxy AI ของ Samsung ที่เป็นพี่ใหญ่ประเดิมรายแรกในวงการ ตามมาด้วยเพื่อนบ้านที่รักอย่าง Apple ซึ่งเปิดตัว Apple Intelligence ไปแบบเร่งรีบ เมื่อไม่นานมานี้


Apple หนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุด ล้าหลังมานานพอสมควรกับตลาด AI ดังนั้น บริษัทจึงประกาศเปิดตัวชุดคุณสมบัติ AI ที่เรียกว่า Apple Intelligence เมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณลักษณะ AI เหล่านี้ไม่มีอะไรที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็ยังมีจุดเด่นเฉพาะตัวอยู่บ้าง

ในบทความนี้ เราจะเปรียบเทียบสองค่ายที่ดีที่สุดของ AI สำหรับสมาร์ทโฟน อย่าง Galaxy AI และ Apple intelligence ตั้งแต่ความพร้อมใช้งานไปจนถึงจำนวนฟีเจอร์ ดังนั้น มาเริ่มกันเลย

🍎Apple intelligence / Galaxy AI ✨ 

ความพร้อมใช้งาน


Galaxy AI สุดยอดปัญญาประดิษฐ์ที่พร้อมใช้งานทันทีนับตั้งแต่เปิดตัวพร้อมกับ Samsung Galaxy S24 Series เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังขยายปริมาณความพร้อมใช้งานไปยังสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนหน้าที่ฮาร์ดแวร์สามารถรองรับได้เกินกว่า 10 รุ่น ทั้ง Galaxy S23 Series , Galaxy S22 Series , Galaxy S21 Series , Galaxy Z Fold6/Fold5/Flip6/Flip5 , Galaxy Tab S8 series Galaxy Tab S9 Series และรุ่นอื่นๆ จนปัจจุบันคาดว่าจะมีสมาร์ทโฟนมากกว่า 100 ล้านเครื่อง ทั่วโลก ที่สามารถใช้งานคุณสมบัติ Galaxy AI ได้ ทุกคนสามารถเริ่มใช้คุณสมบัติเหล่านี้ได้ทันที นอกจากนี้ยังมีให้บริการในหลายภาษาและทั่วทุกภูมิภาครวมถึงสหภาพยุโรปและจีนแผ่นดินใหญ่


กลับมาที่ฝั่ง Apple หลังล่าช้าในการเปิดตัว Apple intelligence มาพักใหญ่ แต่สุดท้ายก็เปิดตัวไปด้วยความไม่พร้อม เพราะปัจจุบันยังอยู่ในสถานะ Beta โดยที่ยังไม่มีกำหนดในการปล่อยตัวเต็มที่ชัดเจน อีกทั้งยังรองรับเฉพาะ iPhone 15 Pro Series ขึ้นไปเท่านั้น จึงทำให้จำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริงค่อนข้างมีจำกัด และยังรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ ภูมิภาคอเมริกาเพียงภาษาเดียวเท่านั้น ในขณะที่ Galaxy AI รองรับการใช้งานถึง 16 ภาษาทั่วโลก

คุณสมบัติ

ทั้ง Galaxy AI และ Apple Intelligence มาพร้อมกับคุณสมบัติมากมายที่กระจายอยู่ทั่วอินเทอร์เฟซและระบบปฏิบัติการ เราลองยกมาพูดถึงสิ่งที่โดดเด่นที่สุดกันซักหน่อย

Galaxy AI


1. การแปลสด (Live Translation) : ฟีเจอร์นี้จะแปลเสียงและข้อความระหว่างการโทรแบบเรียลไทม์ สนับสนุนภาษาต่างๆรวมทั้งภาษาถิ่นที่มีความซับซ้อนในหลายๆภูมิภาค


2. วงกลมเพื่อค้นหา (Circle to Search) : คุณสามารถกดแถบนำทางหรือปุ่มโฮมในแอปใดก็ได้และค้นหาอะไรก็ได้โดยการวาดวงกลม และยังสามารถแปลข้อความบนหน้าจอหรือค้นหาเพลงได้ทันที


3. Note Assist คุณสมบัตินี้สามารถให้บทสรุปที่เรียบเรียงด้วย AI ในบันทึกของผู้ใช้ โดยรองรับการสรุปบันทึกที่เขียนด้วยลายมืออีกด้วย


4. Photo Assist : คล้ายกับฟีเจอร์ Clean Up ใน Apple intelligence ซึ่งใช้ AI สำหรับการลบวัตถุและการเติมภาพอัจฉริยะ แต่ฉลาดกว่ามาก ด้วยเครื่องมือรีมาสเตอร์เพื่อเสกภาพถ่ายเก่าให้คมชัดขึ้นในพริบตา และยังสามารถลบภาพสะท้อน เบลอพื้นหลัง และย้ายวัตถุได้อย่างง่ายดาย


5. Sketch to lmage : สามารถสร้างภาพตามภาพร่างของคุณ คุณสามารถวาดอะไรก็ได้ด้วยเส้นร่างง่ายๆ และ AI จะสร้างภาพ 3 มิติสมจริงให้คุณทันที

6. Portrait Studio : สนุกกับ AI เปลี่ยนภาพบุคคลจากภาพถ่ายได้มากถึง 4 สไตล์ (Comic, 3D Cartoon, Watercolour, Sketch)


7. Composer : ตัวสร้างข้อความที่เลียนแบบสไตล์การเขียนของผู้ใช้งาน รังสรรค์ได้ไพเราะเหมือนมนุษย์เขียนเลย โดยสามารถเลือกสไตล์การเขียนได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ทางการ , โซเชียล เป็นต้น


8. Browsing Assist : ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณสามารถสรุปหรือแปลหน้าเว็บได้ง่ายๆ แค่ 2 คลิก บนแอปเบราว์เซอร์ของซัมซุง


9. Interpreter : ล่าม AI ที่ช่วยให้การแปลแบบเรียลไทม์ระหว่างคนสองคนทำให้ง่ายขึ้นสำหรับการสื่อสารในภาษาที่แตกต่างกันในระหว่างการสนทนาแบบชีวิตประจำวัน


10. Chat Assist : สามารถแปลข้อความแบบเรียลไทม์ภายในแอปการส่งข้อความหรือแอปแชทต่างๆได้

ข้ามกลับมาที่ฝั่ง 🍎 Apple intelligence ซึ่งก็มีคุณสมบัติค่อนข้างเยอะ แต่ความพร้อมใช้งานนั้นยังค่อนข้างจำกัดทั้งภาษาและอุปกรณ์ที่รองรับ แต่เราก็ต้องลองมาดูกันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง


1. Siri Integration : Siri ได้รับการปรับปรุงด้วย ChatGPT สำหรับการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยสามารถตอบคำถามเชิงลึกซึ้งได้มากกว่าที่เคยเป็น แต่ก็เพราะเนื้อในมันคือ ChatGPT นั่นแหละ


2. GenMoji : ตอนนี้คุณสามารถกำหนดอิโมจิตามความต้องการของคุณได้ โดยการป้อนคำสั่ง (Prompt) ง่ายๆ


3. Image Playground : ฟีเจอร์สำหรับ Gen ภาพด้วย AI 


4. Mail Enhancement : เรียบเรียงประโยคในอีเมลและการจัดการเรียบเรียงข้อมูลใน Mailbox 

5. Generative Text : สามารถสร้างและเขียนข้อความใหม่ในรูปแบบต่างๆได้ (คล้ายๆ Composer ของ Samsung)


6. Photo Organization : จัดระเบียบภาพถ่ายโดยอัตโนมัติโดยจดจำใบหน้าและตำแหน่งในแอปรูปภาพที่ออกแบบใหม่


7. การถอดเสียงการโทร : Apple Intelligence ช่วยให้คุณสามารถบันทึกและถอดเสียงโน้ตจากการโทรได้


8. Visual Intelligence : ตอบคำถามตามภาพที่ถ่ายโดยกล้อง (คล้ายๆ Circle to Search) แต่ดูเหมือนว่าจะใช้ได้เฉพาะกับ iPhone 16 series เท่านั้น


9. Clean Up คุณสมบัตินี้ช่วยให้คุณสามารถลบวัตถุที่ไม่พึงประสงค์ออกจากภาพของคุณได้


10. Image Wand : คล้ายกับ Sketch to image ใน Galaxy AI โดยสามารถแปลงภาพร่างคร่าวๆ ของคุณเป็นภาพที่สวยงามด้วยความช่วยเหลือของ AI


11. การแจ้งเตือนลำดับความสำคัญ : ฟีเจอร์นี้จะเรียงลำดับการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติตามรูปแบบการตอบสนองและการใช้งานของคุณและแสดงการแจ้งเตือนที่สำคัญที่สุดที่ด้านบน

🔴 โดยรวมแล้วต้องบอกว่าทั้ง Galaxy AI และ Apple intelligence นั้นมีฟีเจอร์และคุณสมบัติต่างๆที่ค่อนข้างคล้ายหรือใกล้เคียงกัน

แต่ตัวชี้วัดชัยชนะอยู่ ความพร้อมและความสามารถในการใช้งานในวงกว้างได้ เพราะปัจจุบัน

Galaxy AI

- รองรับการใช้งานถึง 16 ภาษาทั่วโลก
- รองรับการอัปเดตไปยังสมาร์ทโฟนรุ่นเก่ามากกว่า 10 รุ่น

ในขณะที่ 🍎 Apple Intelligence นั้น

- รองรับเฉพาะภาษาอังกฤษภูมิภาคอเมริกาเพียงภาษาเดียวเท่านั้น
- สมาร์ทโฟนที่ใช้งานได้จำกัดเฉพาะ iPhone 15 Pro Series และ iPhone 16 ขึ้นไปเท่านั้น

สรุป


ดังนั้นยกนี้ Galaxy AI จึงชนะแบบไร้ข้อกังขา ในการที่ทำให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงคุณสมบัติ AI ได้แบบเท่าเทียมกันอย่างเสมอภาคครับ

Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments