OPPO Find X9 Pro คือคำตอบสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนแฟลกชิปที่มอบความเป็นเลิศอย่างไร้ที่ติในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการถ่ายภาพ ด้วยการเปิดตัวครั้งแรกกับกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto และการบูรณาการ AI อัจฉริยะใน ColorOS 16 ทั้งหมดนี้ทำให้ OPPO Find X9 Pro ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ซูมดีทุกคอนเสิร์ต" และ "เที่ยวไหนก็ถ่ายสวย"
ทาง โลกไอทีวันนี้ ได้ทำการทดสอบและเจาะลึก OPPO Find X9 Pro อย่างละเอียด เพื่อนำเสนอสุดยอดสมาร์ตโฟนกล้องเทพเครื่องนี้มาให้รับชมกันครับ ลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง
Unboxing
โดยตัวกล่องของ OPPO Find X9 Pro ยังคงใช้กล่องสีเงินแบบเมทัลลิก สวยสะดุดตา มีชื่อรุ่นระบุชัดเจน ซึ่งอุปกรณ์ภายในกล่องมีมาให้ดังนี้ครับ
• ตัวเครื่อง OPPO Find X9 Pro
• เคสกันกระแทกแบบ TPU
• สายชาร์จแบบ USB-C to USB-A
• อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
• เอกสารคู่มือและการรับประกัน
• เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
สเปค OPPO Find X9 Pro 
หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2780 × 1264 พิกเซล , อัตตรารีเฟรช 120Hz, ระบบลดแสง PWM ความถี่สูงพิเศษ 3840Hz, ความสว่างสูงสุด 3600 nits, รองรับ Dolby Vision
CPU : MediaTek Dimensity 9500 3nm
GPU : Arm Mali-G1 Ultra MC12
RAM : 16GB ชนิด LPDDR5X
ROM : 512GB ชนิด UFS 4.1
รองรับ 2 Sim Cards 
รองรับ 5G Dual Mode
กล้องหลัง Hasselblad เลนส์หลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony LYT828 ขนาด 1/1.28 นิ้ว รูรับแสง f/1.5 พร้อมระบบกันสั่น OIS , กล้องอัลตร้าไวด์ 50MP เซ็นเซอร์ JN5, กล้องเทเลโฟโต้ Periscope 3x เซ็นเซอร์ Samsung HP5 ความละเอียด 200MP , รูรับแสง ƒ/2.1 , OIS, เลนส์มัลติสเปกตรัม 2 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.4
กล้องหน้า 50MP เซ็นเซอร์ JN5 ขนาด 1/2.75 นิ้ว รูรับแสง f/2.0, บันทึกวิดีโอ 4K 60fps Dolby Vision
รองรับระบบสแกนใบหน้า
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบอัลตราโซนิคบนหน้าจอ
เซ็นเซอร์อินฟราเรด
รองรับการกันฝุ่นและน้ำมาตรฐาน IP66 + IP68 + IP69
รองรับลำโพงสเตอริโอ
รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 (802.11be), Bluetooth 6.0, Beidou (B1I + B1C + B2a + B2b), GPS (L1 + L5), GLONASS (G1), Galileo (E1 + E5a + E5b), QZSS (L1 + L5), NavIC (L5), NFC
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C 3.2 Gen 1
แบตเตอรี่ความจุ 7500mAh พร้อมชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC และ ชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC
ระบบปฏิบัติการ : Android 16 + Color OS 16 
ขนาด: 161.26 × 76.46 × 8.25 มม.
น้ำหนัก: 224 กรัม
ดีไซน์และหน้าจอ ความสมมาตรที่พอดีในทุกสัมผัส
ดีไซน์ Unibody Glass ที่สง่างาม
OPPO Find X9 Pro นำเสนอปรัชญาการออกแบบที่เรียบง่าย ทันสมัย และสมมาตร ด้วยตัวเครื่องที่บางเพียง 8.25 มม. และมีน้ำหนัก 224 กรัม มอบความรู้สึกเบาแต่มั่นคงในการจับถือ  ฝาหลังเป็น Unibody Glass ที่ขึ้นรูปจากกระจกชิ้นเดียว เชื่อมต่อโมดูลกล้องเข้ากับตัวเครื่องอย่างไร้รอยต่อ มอบความสมดุลที่ลงตัวในทุกมุมมอง
สีที่วางจำหน่ายในไทย ได้แก่ Silk White (ขาว) และ Titanium Charcoal (เทา) ซึ่งสีเทา Charcoal นั้นมาในพื้นผิวแบบด้านที่เน้นความสุขุมและเป็นมืออาชีพ
ปุ่มเพื่อการควบคุมที่เหนือกว่า
รอบนี้ OPPO Find X9 Pro มาพร้อมปุ่ม Snap Key ปุ่มทางกายภาพที่ปรับแต่งได้ทางด้านซ้าย ถูกตั้งค่าเริ่มต้นไว้สำหรับฟีเจอร์ AI Mind Space (กดสั้นเพื่อจับภาพหน้าจอ, กดค้างเพื่อบันทึกเสียง)
Quick Button ปุ่มชัตเตอร์ทางด้านขวาที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ สามารถตรวจจับการปัดเพียง 0.3 มม. เพื่อควบคุมการซูมเข้า/ออกเมื่อถ่ายภาพในแนวนอน
จอแสดงผล AMOLED ขอบบางเฉียบและสบายตา
OPPO Find X9 Pro มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED แบนราบขนาด 6.78 นิ้ว (2772 × 1272, 450PPI) ที่โดดเด่นด้วยขอบจอสมมาตรที่บางที่สุดเท่าที่ OPPO เคยมีมา เพียง 1.15 มม. เท่ากันทั้งสี่ด้าน
หน้าจอมีคุณภาพระดับสูง โดยรองรับเทคโนโลยี 1-120Hz LTPO, ความลึกของสี 10-bit และครอบคลุม 100% DCI-P3 พร้อมการรองรับ HDR ชั้นนำ (Dolby Vision, HDR10+, HDR Vivid)
สามารถทำความสว่างสูงสุดกลางแจ้งได้ถึง 3600nits และใช้ระบบหรี่แสง PWM 2,160Hz ที่ความถี่สูงเป็นพิเศษ (TÜV Rheinland Intelligent Eye Care 5.0) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน้าจอที่สบายตาที่สุดสำหรับการใช้งานในที่แสงน้อย
รองรับสแกนลายนิ้วมือ 3D Ultrasonic ซึ่งเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือแบบอัลตราโซนิก 3 มิติรุ่นล่าสุด ปลดล็อกได้เร็วขึ้น 35% และน่าเชื่อถือมากขึ้น 33% แม้ในขณะที่นิ้วเปียกหรือมีคราบมัน
ระบบกล้อง Hasselblad Master 200MP Super Zoom 
และนี่คืออาวุธลับที่แท้จริงของ OPPO Find X9 Pro ที่จะเปลี่ยนทุกข้อจำกัดของการถ่ายภาพบนมือถือครับ
200MP Hasselblad Telephoto พลังซูมสู่รายละเอียดระดับ 16K
OPPO Find X9 Pro สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยการเป็นครั้งแรกของ OPPO ที่มี กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล (เซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว) โดยร่วมออกแบบกับ Hasselblad เพื่อให้ได้ภาพที่มีความคมชัดและรายละเอียดสูงสุด
Zoom into Detail เซนเซอร์ขนาดใหญ่พิเศษนี้ทำงานร่วมกับเลนส์รูรับแสงกว้าง f/2.1 และระบบโฟกัสลอยตัว (Floating Focus) ที่ทำให้สามารถทำ Lossless Zoom ได้อย่างโดดเด่นถึง 13.2x โดยการครอปภาพจากเซนเซอร์ 200MP โดยตรง ทำให้ภาพ 6x มีความละเอียดถึง 50MP Native
120x Super Zoom พร้อมอัลกอริทึม Super Resolution สำหรับการซูมระยะไกลสุดขีดถึง 120 เท่า ตอบโจทย์การถ่ายภาพคอนเสิร์ตและทิวทัศน์ระยะไกลได้อย่างไร้กังวล
ตัวอย่างภาพถ่ายเทียบระยะซูม ตั้งแต่ 0.6x - 120x 
โหมด 200MP Hi-Res 
ผู้ใช้สามารถปลดล็อกความละเอียดสูงสุดของเซนเซอร์ 200MP ได้ในโหมด Hasselblad Hi-Res เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่มีรายละเอียดความคมชัดระดับ 16K UltraHD
ตัวอย่างภาพถ่าย 200MP Hi-Res 
ครอปภาพ 👇
ครั้งแรกของโหมดภาพเคลื่อนไหวคมชัดระดับ 4K บันทึกทุกช่วงเวลาอันมีชีวิตชีวาด้วยความคมชัด 4 เท่า
โหมดภาพเคลื่อนไหวกลายเป็นหนึ่งในฟีเจอร์กล้องยอดนิยม การบันทึกวิดีโอสั้นๆ ควบคู่ไปกับภาพนิ่ง ช่วยเก็บรักษาช่วงเวลาสำคัญไว้ได้อย่างมีบริบทมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านการประมวลผล วิดีโอคลิปจึงถูกจำกัดไว้ที่ความละเอียด 2K หรือ 1080p เท่านั้น แต่ด้วย LUMO Image Engine อันทรงพลังของ Find X9 Series ได้ทลายข้อจำกัดนี้ด้วยการเปิดตัวโหมดภาพเคลื่อนไหวคมชัดระดับ 4K รุ่นแรกของโลก ช่วยให้ผู้ใช้เก็บช่วงเวลาสำคัญๆ ไว้ได้ด้วยความละเอียดที่สูงกว่าถึงสี่เท่า และหากรูปภาพหน้าปกไม่ให้ภาพที่สมบูรณ์แบบ ก็สามารถเลือกและดึงเฟรมใดๆ ออกจากคลิปวิดีโอ 4K ได้อย่างง่ายดาย โดยแต่ละเฟรมจะเป็นภาพที่คมชัดเป็นพิเศษ
LUMO Imaging Engine ขุมพลังแห่งการประมวลผล
OPPO Find X9 Pro ใช้สถาปัตยกรรมการประมวลผลภาพแบบใหม่ผ่าน LUMO Imaging Engine ที่ผสานการทำงานของ ISP, NPU, GPU และ CPU ในรูปแบบคู่ขนาน (Parallel Processing) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพและความเร็ว
50MP Ultra-Clear Native กล้องหลังทั้งสามตัว (Wide, Ultra-Wide, Telephoto) สามารถถ่ายภาพความละเอียด 50MP Native โดยอัตโนมัติ (ความคมชัดระดับ 8K) ซึ่งเป็นมาตรฐานเริ่มต้น ทำให้ภาพมีรายละเอียดเหนือกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปถึงสี่เท่า
Ultra XDR กล้องหลัก (50MP LYT-828) สามารถทำช่วงไดนามิกได้ถึง 17 สต๊อป ด้วยระบบถ่ายภาพซ้อนแบบเรียลไทม์ 3 ระดับ ช่วยรักษาทั้งรายละเอียดในส่วนเงาและไฮไลท์ได้อย่างสมบูรณ์
เอฟเฟกต์CCD และการจำลองฟิล์ม สร้างสรรค์สไตล์ในแบบของคุณ
OPPO Find X9 Pro มาพร้อมระบบแฟลชคู่ใหม่ที่ให้ความสว่างเพียงพอที่จะส่องวัตถุได้ไกลกว่าสองเมตร เพียงแตะไอคอนแฟลชและเลือก "เปิด" แฟลชจะยิงสองครั้งเพื่อสร้างแสงแฟลชที่เข้มข้นแต่มีสไตล์ตามแบบฉบับกล้องดิจิทัลยุคต้นทศวรรษ 2000 มอบเอฟเฟกต์ CCD สุดเท่ชวนให้นึกถึงอดีต นอกจากนี้ยังมีโหมดจำลอง โปรไฟล์ถึงหกโหมด รวมถึงเอฟเฟกต์ CCD ใหม่สองแบบ(Cold Flash และ Warm Flash) ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษเพื่อให้ใช้กับแฟลช สไตล์ฟิล์มเหล่านี้สามารถนำไปใช้กับทั้งภาพถ่ายแฟชั่น ภาพเคลื่อนไหว ภาพบุคคล และวิดีโอ เสริมความงามด้วยสุนทรียศาสตร์แบบย้อนยุคอันโดดเด่น
ตัวอย่างภาพถ่าย
ประสบการณ์ Hasselblad XPAN
ด้วย OPPO Find X9 Pro ได้พัฒนาโหมด Hasselblad XPAN ยอดนิยม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพพาโนรามา 65:24 ที่น่าทึ่งได้แบบภาพยนตร์ ด้วยความคมชัดระดับ 8K ที่ยอดเยี่ยม
ตัวอย่างภาพถ่าย X PAN
Hasselblad Portrait ภาพถ่ายและวิดีโอคนสวยในทุกสภาพแสง สมจริงดั่งตาเห็นด้วยกล้อง True Color
Hasselblad Portrait (Day & Night) ยกระดับการถ่ายภาพบุคคลด้วยการเลือกระยะโฟกัสได้อย่างอิสระ (1x ถึง 3.6x) พร้อมโบเก้แบบภาพยนตร์ที่สวยงาม
กล้องสีสันสมจริง กล้อง True Color 9-channel Multispectral ช่วยวิเคราะห์อุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำ ทำให้โทนสีผิวเป็นธรรมชาติและสีสันโดยรวมเที่ยงตรง แม้ในสถานการณ์ที่มีแสงนีออนหรือแสงผสม
ตัวอย่างภาพถ่าย Hasselblad Portrait 
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
วิดีโอ 4K 120fps ระดับมืออาชีพ
OPPO Find X9 Pro คือก้าวสำคัญที่สุดของ OPPO ในด้านวิดีโอบนมือถือ ซึ่งรองรับ 4K 120fps Dolby Vision LOG โดยกล้องหลัก และ Telephoto รองรับการบันทึกวิดีโอสโลว์โมชันความละเอียดสูง 4K 120fps ในมาตรฐาน Dolby Vision HDR
ACES Certification โหมดวิดีโอ PRO รองรับการบันทึก LOG เต็มรูปแบบ และได้รับการรับรองมาตรฐาน ACES (Academy Color Encoding System) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกสำหรับการจัดการสีภาพยนตร์ ทำให้สามารถผสานเข้ากับขั้นตอนการทำงานระดับมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์
ระบบปฏิบัติการ ColorOS 16 + AI ประสบการณ์ลื่นไหลที่ขับเคลื่อนด้วย Gemini 
รอบนี้ OPPO Find X9 Pro มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ ColorOS 16 ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหลและชาญฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้
Seamless Animation และ Luminous Rendering Engine เทคโนโลยีที่ช่วยเรนเดอร์องค์ประกอบภาพทั้งหมดพร้อมกัน ทำให้แอนิเมชันในระบบปฏิบัติการมีความลื่นไหลเป็นธรรมชาติ (Seamless Animation) อย่างไม่เคยมีมาก่อน แม้ในระหว่างการใช้งานแบบมัลติทาสก์ที่หนักหน่วง
หน้าจอหลัก Flux และ Aqua Dynamics
Flux ให้ความยืดหยุ่นในการปรับขนาดไอคอนและโฟลเดอร์บนหน้าจอหลัก พร้อม Quick Actions 
Aqua Dynamics คือระบบแสดงข้อมูลแบบย่อที่ช่วยให้คุณดูข้อมูลต่างๆ และโต้ตอบกับมันได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเปิดแอปพลิเคชัน ระบบนี้ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า Luminous Rendering Engine ซึ่งทำให้ภาพเคลื่อนไหว (animation) ต่างๆ ดูสวยงาม ลื่นไหล และ ตอบสนองต่อการสัมผัสของคุณได้อย่างแนบเนียน เวลาที่คุณเลื่อนหน้าจอ อินเทอร์เฟซก็จะเคลื่อนไหวตามนิ้วของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ และขยายการรองรับให้ครอบคลุมแอปพลิเคชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปฟังเพลง, แอปติดตามการเดินทาง, หรือแม้แต่แอปสั่งอาหาร แผนที่ต่างๆ ระบบก็จะแสดงกระบวนการทั้งหมดที่กำลังทำงานอยู่ให้เห็นแบบซ้อนๆ กันอย่างเป็นระเบียบ
การปรับแต่งที่ก้าวไปอีกขั้นด้วย Motion Photo และFull-Screen AOD
ColorOS 16 ได้เปลี่ยนหน้าจอล็อกของคุณให้กลายเป็นพื้นที่แสดงผลที่เคลื่อนไหวได้อย่างมีชีวิตชีวา โดยมาพร้อมกับความสามารถแรกในอุตสาหกรรมที่ให้คุณใช้ Motion Photo หรือภาพถ่ายเคลื่อนไหวที่มีเอฟเฟกต์ความลึกที่สมจริง นอกจากนี้ยังสามารถตั้งวิดีโอเป็นภาพพื้นหลัง (wallpaper) ปรับแต่งข้อความด้วย ตัวเลือกฟอนต์และการจัดวางที่หลากหลาย และรับคำแนะนำข้อความที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะปรับให้เข้ากับสีสันและสไตล์ของภาพพื้นหลังของคุณได้อย่างชาญฉลาด คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็วผ่านวิดเจ็ตขนาดเล็ก (mini widgets) ได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องปลดล็อกอุปกรณ์เลย
นอกเหนือจากความสามารถของ Always-On Display (AOD) แบบเดิมๆ แล้ว ColorOS 16 ยังนำเสนอ Full-Screen AOD ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูภาพพื้นหลังหน้าจอล็อกของตน พร้อมกับข้อมูลสำคัญ เช่น เวลา วันที่ และการแจ้งเตือนได้โดยตรงบนอินเทอร์เฟซ AOD เมื่อแตะเพียงครั้งเดียว AOD จะเปลี่ยนผ่านไปยังหน้าจอล็อกแบบเต็มได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง
AI Mind Space และ Gemini Integration ผู้ช่วย AI ส่วนตัวที่ได้รับการอัปเกรดให้ชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น
AI Mind Space ศูนย์รวมข้อมูลส่วนตัวที่สามารถบันทึกข้อมูลสำคัญบนหน้าจอ (บทความ, ย่อหน้า, ตารางเวลา, รูปภาพ, เสียง) ได้ทันทีด้วยการปัดสามนิ้ว หรือกด Snap Key ระบบจะตรวจจับและจัดเก็บข้อมูลโดยอัตโนมัติ
การบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น บทความ รูปภาพ แชท และตารางเวลาบนโทรศัพท์ของเราเป็นสิ่งจำเป็น แต่การค้นหาเนื้อหาที่บันทึกไว้ในภายหลังอาจทำให้หงุดหงิดได้ เนื่องจากมักจะกระจัดกระจายอยู่ในแอปต่างๆ ทำให้คุณต้องจำว่าแต่ละรายการถูกเก็บไว้ที่ไหน ด้วยฟีเจอร์ AI Mind Space ของ OPPO Find X9 Pro คุณสามารถรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ปัดสามนิ้วขึ้นหรือกดปุ่ม Snap Key เพื่อบันทึกเนื้อหาลงใน AI Mind Space ได้โดยตรง (เปิดใช้งานก่อนที่ การตั้งค่า > AI > AI Mind Space) ตอนนี้คุณสามารถเข้าถึงรายการที่บันทึกไว้ทั้งหมดได้ในที่เดียว หรือค้นหาสิ่งที่คุณต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบหลายแอป นอกจากนี้ AI ยังตรวจจับกิจกรรมบนหน้าจอที่อาจเป็นกิจกรรมในปฏิทินได้อย่างชาญฉลาด และแจ้งเตือนให้คุณเพิ่มกิจกรรมเหล่านั้นลงในปฏิทินของคุณ ทำหน้ำที่เสมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ AI Mind Space จะรองรับภาษาอังกฤษ โดยจะมีการเพิ่มการรองรับภาษาอื่น ๆ ในภายหลัง
การผสานรวมกับ Gemini
OPPO Find X9 Pro ได้ผสานรวม Google Gemini เข้ากับ AI Mind Space อย่างลึกซึ้ง ทำให้ Gemini สามารถใช้ข้อมูลที่คุณบันทึกไว้เป็น ฐานความรู้ส่วนตัว ในการให้คำตอบและสร้างผลลัพธ์ที่เป็นส่วนตัวและตรงตามบริบทที่สุด
AI Portrait Glow 
ฟีเจอร์ AI ที่ช่วยยกระดับภาพพอร์ตเทรตที่มีแสงไม่ดีให้ดูมีมิติและมีบรรยากาศแบบภาพยนตร์ ด้วยการปรับแสงและโทนผิวอย่างชาญฉลาด
AI Recorder และ AI Writer
เครื่องมือ AI ที่ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน โดย AI Recorder สามารถถอดเสียงและสรุปเนื้อหาการประชุมได้โดยอัตโนมัติ ในขณะที่ AI Writer ช่วยให้การเขียนแคปชั่นหรือตรวจทานพิสูจน์อักษรเป็นไปอย่างรวดเร็ว
O+ Connect เชื่อมต่อ Mac , iPhone และ Windows อย่างเป็นอิสระ
O+ Connect (Mac/Windows) ฟีเจอร์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ให้คุณสามารถเชื่อมต่อและจัดการไฟล์จากโทรศัพท์บนคอมพิวเตอร์ทั้ง Mac และ Windows ได้อย่างสมบูรณ์ รวมไปถึงการส่งไฟล์ระหว่าง OPPO Find X9 Pro กับ iPhone อย่างไร้รอยต่อ 
Screen Mirroring ผู้ใช้สามารถควบคุมแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์ได้พร้อมกันถึง ห้าแอป จากหน้าจอ PC โดยใช้เมาส์และคีย์บอร์ด
ประสิทธิภาพและแบตเตอรี่ 
ขุมพลัง MediaTek Dimensity 9500
โดย OPPO Find X9 Pro เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนรุ่นแรกๆ ที่ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9500 (3nm Process) รุ่นล่าสุด ที่มอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านพลังงานที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
และด้วยการปรับแต่งร่วมกันระหว่าง MTK และ OPPO สำหรับ MediaTek Dimensity 9500 ทำให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้นด้วยคุณสมบัติดังนี้
OPPO Trinity Engine ชุดเทคโนโลยีที่ปรับปรุงการจัดการทรัพยากรระดับชิปเซ็ตอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่องและลดการใช้พลังงาน (ลดภาระ CPU ได้ถึง 50% เมื่อใช้กล้อง)
ระบบระบายความร้อน มาพร้อม Vapor Chamber Cooling ขนาดใหญ่พิเศษ 36,344.4 ตร.มม. ซึ่งใหญ่ขึ้น 33.7% เพื่อป้องกันปัญหาความร้อนสะสมขณะใช้งานหนัก เช่น การบันทึกวิดีโอ 4K หรือ เล่นเกมที่ใช้กราฟิกหนักๆ เช่น Delta Force ที่ปรับภาพเป็นระดับสูงสุด ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล
ทำให้ผลการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ออกมาได้คะแนนสูงถึง คะแนน
แบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอน 7500 mAh ใช้งานได้ยาวนานถึง 2 วัน
ความจุแบตเตอรี่ขนาด 7500mAhเป็นความจุที่ใหญ่ที่สุดในตระกูล Find X ผสานกับประสิทธิภาพของชิปเซ็ต ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยเฉลี่ย สองวัน ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอนรุ่นที่ 3 ทำให้แบตเตอรี่สามารถรักษาความจุไว้ได้ถึง 80% แม้จะผ่านการใช้งานทั่วไปมานานถึง 5 ปี พร้อมรองรับการชาร์จไว 80W SUPERVOOC และ ชาร์จไร้สาย 50W AIRVOOC
สรุป
OPPO Find X9 Pro คือสมาร์ตโฟนที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติ ทั้งการยกระดับประสบการณ์กล้องซูมด้วยฮาร์ดแวร์ 200MP ที่ปฏิวัติวงการ การสร้างสรรค์ประสบการณ์ AI ที่เป็นส่วนตัวและชาญฉลาดใน ColorOS 16 และประสิทธิภาพที่ทรงพลังและยั่งยืนจากแบตเตอรี่ 7500mAh สำหรับผู้ที่ต้องการที่สุดแห่งนวัตกรรมและเครื่องมือสร้างสรรค์ที่ไว้ใจได้ในทุกสถานการณ์ OPPO Find X9 Pro คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างไร้ที่ติครับ
ราคาและการวางจำหน่าย
OPPO Find X9 Pro (16GB+512GB) ราคา: 42,999 บาท
OPPO Hasselblad Professional Teleconverter Set ราคา 6,999 บาท
โดยผู้ที่ทำการ Pre - Order ล่วงหน้าจะได้รับของแถมมูลค่ากว่า 28,347 บาท และ แพคเกจ Google AI Pro ฟรี 3 เดือน พร้อม Trade Up สูงสุด 10,000 บาท เมื่อนำเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ 
Article By : โลกไอทีวันนี้






































































































































