#FullReview : Xiaomi - Mi 9 สมาร์ทโฟนเรือธงสุดคุ้มแสนคุ้ม !!!! ด้วยหน้าจอ Amoled ขนาด 6.39 นิ้ว , ชิปเซ็ต Snapdragon 855 , ฝาหลังโฮโลแกรม , กล้องหลัง 3 ตัว Auto Focus ทุกเลนส์ , เซนเซอร์หลัก Sony IMX586 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล + TelePhoto + Wide Angle , แบตเตอรี่ 3300 mAh + 27W Fast Charging + และ 20W Fast Wireless Charging ในราคา 16,999 บาท !!!





เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงอีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามอง และได้เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยไปแล้วกับ Xiaomi - Mi 9 ซึ่งรอบนี้จะมีอะไรที่โดดเด่นและน่าสนใจบ้าง ต้องไปดูพร้อมๆกันได้เลยครับ


โดยบทความนี้จะแบ่งเนื้อหาทั้งหมดเป็น 10 ส่วน ประกอบด้วย

1.แกะกล่อง
2.การออกแบบตัวเครื่อง
3.รายละเอียดเกี่ยวกับหน้าจอ
4.ประสิทธิภาพของเครื่อง
5.คุณสมบัติของระบบกล้อง
6.ระบบเสาสัญญาณแบบใหม่
7.ระบบเสียง
8.การเชื่อมต่อ 
9.แบตเตอรี่
10.สรุป

สเปค Xiaomi - Mi 9 


หน้าจอบากทรงหยดน้ำชนิด Amoled ขนาด 6.39 นิ้ว , ความละเอียด Full HD+ , 103.8% NTSC wide color gamut, ให้ความสว่างสูงสุด 600 nit  , มีอัตราส่วนพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 90.7% , ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 6 และรองรับระบบ Always On Display

CPU : Qualcomm Snapdragon 855
GPU : Adreno 640
รองรับเทคโนโลยี Game Turbo 
RAM  6 GB
ROM : 128 GBรองรับ 2 Sim Cards 

กล้องหลัง 3 ตัว(Triple Camera) ความละเอียด 48 + 12 + 16 ล้านพิกเซล , เซนเซอร์ Sony IMX586 + TelePhoto รองรับ Optical Zoom 2 เท่า + Ultra Wide Lens กว้าง 117 องศา + รองรับถ่ายมาโครระยะ 4 ซม. 

กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล + ระบบ AI 

รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ(FOD 5th Gen) 

รองรับระบบสแกนใบหน้า

รองรับเทคโนโลยี aptX / aptX-HD

รองรับเทคโนโลยี HPUE และ 4 × 4 Mimo

ชิปขยายเสียง Smart PA + ลำโพง Linear แบบ Mono 

*ไม่รองรับช่องหูฟัง 3.5 mm.

*ไม่รองรับการกันน้ำกันฝุ่น 

รองรับ Multi - Functional NFC

รองรับ Dual Frequency GPS 
รองรับพอร์ต IR Blaster 
รองรับปุ่มเรียก Google Assistant 
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C

แบตเตอรี่ความจุ : 3300 mAh + ระบบ 27W Fast Charging และ 20W Fast Wireless Charging
ระบบปฎิบัติการ : Android 9.0 Pie + MIUI 10
สี​ : Piano Black และ​ Ocean Blue

#แกะกล่อง

ภายในกล่องของ Mi 9 นั้นประกอบไปด้วย

- ตัวเครื่อง Mi 9 × 1 เครื่อง

- สาย USB Type - C × 1 เส้น

- Adapter 18W × 1 ชิ้น

- Sim Eject Tool × 1 ชิ้น

- Adapter 3.5 mm. to Type - C × 1 ชิ้น

- TPU Case สีดำ × 1 ชิ้น

- Quick Start Guide + Waranty Card × 1 ชุด 

และตัวกล่องนั้นมีการไล่เฉดสีแบบโฮโลแกรมบนพื้นสีมุก ที่ดูแล้วค่อนข้างสวยกว่าเดิมเยอะมาก และมีความพรีเมี่ยมเยอะขึ้น

#การออกแบบตัวเครื่อง

รอบนี้ Mi 9 มีการออกแบบที่ปรับเปลี่ยนจากรุ่นก่อนอย่าง Mi 8 ค่อนข้างเยอะพอสมควร ด้วยหน้าจอหยดน้ำชนิด Amoled ขนาดใหญ่ 6.39 นิ้ว , ความละเอียด Full HD+ ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 6 ทำให้ด้านหน้านั้นดูสวยงาม และมีมุมมองหน้าจอที่กว้างขึ้น


และอย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า ขอบหน้าจอของ Mi 9 นั้นมีความบางกว่าของ Mi 8 ถึง 40% โดย Lei Jun ซีอีโอคนดัง ได้กล่าวว่า "เป็นการออกแบบขอบจอที่สวยที่สุด มีการออกแบบโครงสร้างภายในใหม่ และลดพื้นที่ขอบลงได้ถึง 1.67 มม. ด้านเส้นเสาอากาศภายนอก ก็แคบลง 1.5 มม.  ทำให้ทุกอย่างลงตัวสอดรับกัน

เฟรมเครื่องใช้ Aluminium 7000 Series ที่มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน ให้ความหรูหราพรีเมี่ยม โดยมีการจัดวางปุ่ม Power และ Volume Up + Down ไว้ที่ขอบขวา , ส่วนทางขอบซ้ายมีถาดใส่ซิมการ์ด และ ปุ่ม Google Assistant อยู่






ขอบด้านบนมีช่องไมโครโฟนตัดเสียงและพอร์ต IR Blaster ส่วนขอบด้านล่าง มี ช่องไมโครโฟนสนทนา , พอร์ต USB Type - C และ ลำโพง Speaker ตามลำดับ


ฝาด้านหลังนั้นเป็นกระจกกันรอย Gorilla Glass 5 ที่มีการไล่เฉดสีให้เป็นรูป S curved ภายใน เวลาสะท้อนกับแสง ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการออกแบบที่ค่อนข้างประทับใจมากๆครับ

ด้านกระจกของโมดูลกล้องหลัง ที่เรียงอยู่มุมซ้ายบน มีการใช้กระจกแซฟไฟร์เคลือบสีดำ เพื่อเพิ่มความหรูและทนทาน ภายใต้ชื่อ "Super Black" 

กระจกแซฟไฟร์ มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการปกป้องเลนส์กล้อง โดยกระจกแซฟไฟร์ครอบคลุมพื้นที่ทั้งสามกล้องถึง 243 ตารางมิลลิเมตร ทำให้ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเลนส์ที่จะมีรอยขีดข่วน

#ความรู้สึกยามสัมผัส

Mi 9 นั้นออกแบบบนพื้นฐานของความหรูหราแต่ว่าเรียบง่าย ด้วยกระจกและเฟรมโลหะ ให้สัมผัสที่ดีแต่ว่าตัวเครื่องค่อนข้างลื่น เพราะมีการออกแบบที่โค้งมนรอบตัว ที่สำคัญคือมันมีน้ำหนักค่อนข้างเบามาก เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนเรือธงด้วยกัน ทำให้ถือไว้นานๆแล้วไม่เกิดอาการเมื่อยมือ อันนี้ถือว่าถูกใจผมมากๆครับ

#รายละเอียดเกี่ยวกับหน้าจอ


หน้าจอของ Mi 9 จะเป็นหน้าจอชนิด Amoled ซึ่งผลิตโดย Samsung มีขนาด 6.39 นิ้ว , ความละเอียด Full HD+ ,  103.8% NTSC wide color gamut, ให้ความสว่างสูงสุด 600 nit และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 6 , มีอัตราส่วนพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 90.7% รองรับระบบ Always On Display 

ในสภาพแสงน้อย Mi 9 มีการปรับความสว่างหน้าจอด้วยระบบชดเชยโทนสี เพื่อให้แน่ใจว่ามีการแสดงโทนสีที่ถูกต้อง
Dark Mode ที่สามารถลดการใช้พลังงานโดยหน้าจอลงได้ถึง 83% ในระดับความสว่างสูงสุด 


Sunlight Mode 2.0 ปรับปรุงความคมชัดและปรับหน้าจอสีให้เหมาะสมเมื่อผู้ใช้อยู่นอกอาคาร โหมดความสว่างสูงของMi 9 ปรับการแสดงผลให้เหมาะสมเมื่ออยู่ภายใต้แสงจ้าและเพิ่มความสว่างได้มากถึง 39% เมื่อเทียบกับโหมดมาตรฐาน
เทคโนโลยีป้องกันดวงตา ได้รับใบรับรองจาก VED ในโหมดอ่าน 2.0 ระดับอุณหภูมิสีเพิ่มขึ้นจาก 32 เป็น 256 ระดับด้วยการเปลี่ยนความสว่างที่ราบรื่นขึ้น

มีการฝังตัวเซ็นเซอร์วัดแสงโดยรอบ ที่มีความไวสูงพร้อมเซ็นเซอร์วัดความใกล้ที่ดีขึ้น(UltraSonic Proximity Sensor)

และแน่นอนว่ารอบนี้ไม่มีเซนเซอร์สแกนนิ้วมือให้กวนสายตาที่ฝาหลัง เพราะมีการย้ายมาใช้ระบบเซนเซอร์สแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ


ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ความเร็วได้รับการปรับปรุงขึ้น เรียกว่า FOD รุ่นที่ 5 (ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ) ซึ่งได้ปรับปรุงความเร็วในการปลดล็อค 25%


ภายใต้หน้าจอ OLED เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือแบบออปติคัล ที่ประกอบด้วยเลนส์สามเลนส์ จะถูกซ่อนคล้ายกับกล้องมาโครพิกเซลเดียวสูงถึง 5μm ทำให้มีความเร็วในการอ่านลายนิ้วมือและมีความแม่นยำสูง

ประการที่สอง เราปรับปรุงอัตราการปลดล็อคความสำเร็จในสภาวะของนิ้วมือแห้ง ที่อุณหภูมิต่ำ และการอยู่ภายใต้แสงแดดโดยตรง ในเวลากลางคืนหรือในที่มีแสงสลัว และลดความไม่สบายตาที่เกิดจากการปลดล็อคทันทีที่หน้าจอสว่าง



สุดท้ายที่ขอบบนเหนือรอยบากกล้องหน้าขึ้นไปนั้น ยังเป็นที่อยู่ของลำโพงสนทนา , เซนเซอร์ต่างๆ และไฟ LED Notification ก็ไม่ได้โดนตัดออกไปแต่ย้ายไปอยู่ในตำแหน่งด้านขวามือของขอบด้านบนแทน


#ประสิทธิภาพของเครื่อง



เรื่องนี้อาจไม่ต้องพูดอธิบายอะไรมาก เพราะด้วยคะแนนผลทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม Antutu Benchmark นั้น Mi 9 สามารถทำได้ถึง 360,685 คะแนน ซึ่งสูงเป็นอันดับ 1 แล้วในขณะนี้ แม้เราจะพูดเสมอว่าคะแนนไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่ถ้ามากขนาดนี้ก็เรียกได้ว่าเหลือกินเหลือใช้ครับ การทำงานลื่นไหลมาก ตอบสนองทันใจในการเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ หรือแม้จะเปิด Multi Windows ก็สบายๆ  ส่วนเรื่องเกมส์นั้นหายห่วงเลยครับ

Mi 9 มาพร้อมกับเทคโนโลยี Game Turbo ที่จะตรวจจับประสิทธิภาพ CPU/GPU/FPS แบบเรียลไทม์ แล้วทำการวิเคราะห์  จัดสรรทรัพยากรอย่างชาญฉลาดสำหรับฉากที่ซับซ้อน เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้า และมีกล่องเครื่องมือในเกมเพื่อแสดง CPU, การใช้ GPU และเฟรมเรท ด้วย

จากที่ทำการทดสอบเล่น PUBG อย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง โดยปรับกราฟฟิคได้สูงสุดและสามารถเล่นได้แบบไม่มีอาการสะดุดหรือเฟรมเรทตกให้ได้เห็นกันเลย เรื่องระบายความร้อนขณะที่เล่นเกมส์ก็ทำได้ดี ไม่มีอาการเครื่องร้อนจัดแสดงให้เห็น



#ไฮไลค์คุณสมบัติของกล้องหลังและกล้องหน้า


- กล้องหลัง 3 ตัว (Triple Rear Camera) ประกอบด้วย


เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล , เซนเซอร์ Sony IMX 586  , f/1.75 , ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน , พื้นที้รับแสงขนาด 1/2" , กระจกเลนส์ 6 ชิ้น , รองรับ 4 in 1 Super Pixel  ได้ขนาดพิกเซล 1.6 um ซึ่งจะให้ภาพที่สว่างกว่า Single Pixel ถึง 4 เท่า + Laser Auto Focus


 เลนส์ที่ 2 TelePhoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล , f/2.2 , ขนาดพิกเซล 1.0 ไมครอน , รองรับ 2X Optical Zoom , รองรับการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ , กระจกเลนส์ 6 ชิ้น Auto Focus


 เลนส์ที่ 3 Wide Angle Lens ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล , f/2.2 , ในมุมกว้าง 117 องศา , กระจกเลนส์ 6 ชิ้น Auto Focus , รองรับการถ่ายภาพมาโครใกล้สุด 4 ซม.

กล้องสามตัวของ Xiaomi - Mi 9 ใช้มอเตอร์แบบ Close Loop VCM* บวกกับ เลเซอร์ไฮบริดโฟกัส ในครั้งนี้โฟกัสและความเร็วในการถ่ายภาพนั้นดีที่สุดใน Xiaomi คุณสามารถถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว สะอาด และ คมชัด

*Close loop VCM (มอเตอร์วงปิด) VCM เป็นมอเตอร์ที่ขับเคลื่อนเลนส์เพื่อเปลี่ยนความยาวโฟกัส เพื่อให้ได้โฟกัสเมื่อเปรียบเทียบกับมอเตอร์ open-loop ทั่วไป มอเตอร์แบบ Closed Loop จะลดจำนวนครั้งที่เลนส์เคลื่อนที่ไปมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า 


Xiaomi 9 เพิ่มฟังก์ชั่นมาโครให้กับเลนส์มุมกว้างพิเศษ ในปัจจุบันโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่สามารถโฟกัสได้ระยะน้อยกว่า 10 ซม. และ Xiaomi - Mi 9 สามารถได้รายละเอียดภายใต้มาโครที่ละเอียดอ่อนมาก ที่ระยะใกล้สุด 4 ซม.


และแน่นอนว่าเลนส์มุมกว้างพิเศษของ Mi 9 ก็สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ถึง 117 องศา ด้วย


ผู้คนมักเปรียบเทียบสำหรับกล้อง DSLR ความยาวโฟกัส 50 มม. (เลนส์มาตรฐาน) คือความยาวโฟกัสที่ใกล้เคียงกับดวงตามนุษย์มากที่สุด ทำให้ Xiaomi - Mi 9 ปรับมาใช้ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม. สำหรับเลนส์ถ่ายภาพเทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซล ที่ทำให้ได้ภาพอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด

โดยสรุป Mi 9 นั้นมีต้นทุนการผลิตในเรื่องกล้องที่สูงมาก เพราะใช้ฮาร์ดแวร์ระดับสูงทั้งหมด ดังนี้


1. เซ็นเซอร์ 48 ล้านพิกเซล ของโซนี่ ความละเอียดที่น่าทึ่ง

2. การโฟกัสด้วยเลเซอร์ทั้งสามเลนส์ เป็นมอเตอร์ Close Loop VCM การโฟกัสมีความแม่นยำ และอัตราการถ่ายภาพชั้นเลิศ

3. ทั้งสามเลนส์เป็นเลนส์กระจก 6 ชิ้น และคุณภาพของภาพยอดเยี่ยมที่สุด

4. แผ่นป้องกันเลนส์ผลิตจากกระจกแซฟไฟร์ ,ตัวยึดเลนส์แบบสแตนเลส , เคลือบสีดำ Super Black


และกล้องของ Mi 9 ก็สามารถคว้าคะแนนทดสอบประสิทธิภาพจาก DxOMark ไปได้สูงถึง 107 คะแนน

#ผลการใช้ถ่ายภาพจริง

สีสันของภาพยังคงเป็นโทนสไตล์ Xiaomi คือ มีไดนามิกที่ดี ให้ภาพสีที่สมจริงและไม่ฉูดฉากมาก (โทนคล้ายๆ DSLR เลย) ภาพถ่ายกลางวันและในสภาพแสงที่ดี ทำออกมาได้ชนะเลิศ การถ่ายภาพที่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล จะมีอาการหน่วงเล็กน้อย (น้อยมากๆๆๆ) แต่ก็พอจับอาการได้


ตัวอย่างภาพถ่าย 48 ล้านพิกเซล



ตัวอย่างภาพถ่ายเลนส์หลักตอนกลางวัน








การถ่ายด้วยเลนส์ Wide Angle ทำออกมาได้ค่อนข้างดี มีอาการ Distortion หรืออาการขอบเบี้ยวน้อยกว่าที่คิด บรรยากาศของภาพจึงออกมาค่อนข้างเป็นธรรมชาติ

ตัวอย่างภาพถ่ายเลนส์ Wide Angle




ส่วน TelePhoto เป็นระยะ 2 เท่า จึงไม่มีอะไรแปลกแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ 


แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ค่อยชอบเป็นการส่วนตัวคือ Portrait Mode ของ Mi 9 นั้นเปลี่ยนมาใช้ระบบการเบลอด้วยเลนส์ 2 ระยะ คือโดยปกติแล้วจะใช้ Depth sensor ในการเบลอ แต่รอบนี้ไม่มี Depth Sensor จึงต้องใช้เลนส์ TelePhoto จับคู่กับเลนส์หลักในการช่วยเบลอภาพ ผลคือเวลาเราถ่าย Portrait Mode เราจะต้องอยู่ในระยะที่ถอยห่างจากตัวแบบตามระยะเลนส์ Tele แต่ถ้าใครชินก็จะรู้สึกเฉยๆครับ แต่ผมไม่ค่อยถนัดแบบนี้เท่าไหร่ เลยไม่ค่อยชอบ

ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait Mode



ส่วนภาพถ่ายกลางคืนหรือในสภาวะแสงน้อย ต้องบอกว่าอาจไม่จัดจ้านเท่าค่าย H หรือ O แต่บอกได้ว่าออกมาสมจริงและเป็นธรรมชาติกว่าครับ แต่ถ้าที่มืดจัดๆก็ออกอาการเอาไม่อยู่บ้างเหมือนกัน แต่โดยรวมโอเคครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดกลางคืน




ตัวอย่างภาพถ่ายในสภาวะย้อนแสงหรือแสงน้อย




รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K@60 fps ด้วยนะ แถมยังมีระบบกันสั่นให้อีก รอบนี้งานวิดีโอถือว่าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ

- กล้องหน้า(Front Camera) ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รองรับระบบ AI Scene และ AI Beauty ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ครับ ทำออกมาได้ดีทีเดียว

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า




#ในด้านของระบบเสาสัญญาณ 

Xiaomi - Mi 9 ใช้เทคโนโลยีการสลับที่ชาญฉลาด ของเสาอากาศส่วนบนและล่าง และเทคโนโลยีการปรับจูนเสาอากาศอัจฉริยะเพื่อลดพื้นที่การกวาดเสาอากาศ  โดยวิศวกรเสาอากาศยังปรับการสลับเสาอากาศอัจฉริยะให้เหมาะกับหลายรูปแบบ

นอกจากนี้ Mi 9 ยังรองรับเทคโนโลยี HPUE และ 4x4 MIMO ซึ่งช่วยเพิ่มความครอบคลุมของสัญญาณโทรศัพท์มือถือในพื้นที่อ่อนแรงในโหมด Extreme อัตราการอัพโหลดที่วัดได้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับโซลูชันแบบดั้งเดิม

ในทางทฤษฎีคือตามข้างต้น ส่วนการใช้งานจริงก็ทำได้ดีครับ เกาะ WiFi ได้ไม่ค่อยหลุด จับสัญญาณได้ดี รวมไปถึงการใช้งาน Celluar ด้วย 

#ระบบเสียง

เสียงได้รับการปรับปรุงด้วย 'ลำโพง Linear ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม' ซึ่งเทียบเท่ากับลำโพงขนาดใหญ่ 0.9cc พร้อมเสียงเบสที่ลึกกว่า พร้อมชิปขยายเสียง Smart PA ที่ให้อัตราขยายแบบไดนามิกได้ 100% พร้อมควบคุมเสียงด้วย DSM Dynamic Gain Control



แต่น่าเสียดายที่มันเป็นลำโพง Mono ตัวเดียวโดดๆเลยครับ แม้ว่าเสียงที่ได้จะค่อนข้างดี มีเบสนุ่มๆมาพอประมาณ แต่ก็ทำให้ขาดมิติเสียงไปโดยปริยาย

#การเชื่อมต่อและ GPS




มี Multi - functional NFC ที่รองรับระบบการจ่ายเงินอิเล็คทรอนิคส์ (แต่บ้านเรายังไม่มีระบบรองรับทั้ง Ali Pay และ Google Pay) , รองรับ Dual Frequency GPS ที่จับสัญญาณได้ดี เร็ว แม่นยำ และพอร์ต IR Blaster ที่โดยรวมถือว่าครบครันครับ

#แบตเตอรี่



ให้มาค่อนข้างน้อยไปหน่อย ที่ความจุ 3300 mAh แต่จากการใช้งานจริง สามารถอยู่ได้ 1 วันเต็มๆสบายครับ เพราะด้วยตัวระบบ MIUI เองก็ไม่ค่อยกินไฟหรือทรัพยากรเท่าไหร่นัก บวกกับการจัดการระบบที่ดีขึ้น ทำให้ประหยัดไฟได้พอสมควร ผมใช้งานทั่วไป + บวกเล่นเกมส์ ผ่านมา 8 ชั่วโมง จากเเบตเต็ม ลดลงเหลือ 58% ถือว่าโอเคครับ


ที่สำคัญ Mi 9 รองรับระบบ 27W Fast Charging (Quick Charge 4.0) และ 20W Fast Wireless Charging (ซึ่ง Xiaomi เคลมว่าชาร์จไร้สาย 0-100% ได้ภายใน 90 นาที แต่ว่าผมไม่มี Wireless Pad 20W เลยทดลองให้ไม่ได้) ซึ่งทั้ง 2 ระบบนี้ถือว่าเป็นระบบชาร์จที่ดีอันดับต้นๆของวงการสมาร์ทโฟนแล้วครับ เรื่องเร็วและปลอดภัยหายห่วง 

#สรุป

Xiaomi - Mi 9 นั้นเป็นเรือธงที่คุ้มค่าเงินที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ครับ แม้ว่ามันอาจจะมีจุดที่ไม่สมบูรณ์บ้างอะไรบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับค่าตัวเเล้วทำให้เราต้องมองข้ามไปได้อย่างไม่คิดอะไรมาก

#คะแนน

- การออกแบบตัวเครื่อง : 8/10 คะแนน
- วัสดุ : 8/10 คะแนน
- ประสิทธิภาพ : 9/10 คะแนน
- คุณภาพกล้อง : 8.5/10 คะแนน 
- แบตเตอรี่ : 8/10 คะแนน 
#คะแนนเฉลี่ย : 8.3/10 คะแนน

#ราคาจำหน่าย 

รุ่น RAM 6 GB/ROM 128 GB ราคา 16,999 บาท พร้อมขยายระยะเวลารับประกันเป็น 15 เดือน มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ผ่านทาง Mi Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทุกสาขา รวมไปถึงการร่วมโปรโมชั่นจากทาง AIS เช่นเคย



Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments