#FullReview : Samsung Galaxy S20 และ S20+ สองศรีพี่น้องเรือธง ความต่างในความเหมือน กับประสบการณ์ด้านกล้องชั้นเลิศสมฉายา Super VDO Camera SmartPhone !!!
ต้องบอกว่าได้ใช้เวลาอยู่กับสองสุดยอดสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่อย่าง Samsung Galaxy S20 และ S20+ เต็มๆ 1 อาทิตย์ จนมั่นใจแล้วว่านี่คือการตอบโจทย์การใช้งานจริงๆหรือไม่ แล้วเจ้า Samsung Galaxy 20/S20+ จะเติมเต็มให้กับผู้ใช้กลุ่มใด ไปหาคำตอบได้จากโพสนี้ครับ
Design
ทั้ง 2 รุ่นจะมาในดีไซน์ที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยจอการแสดงผลแบบ Infinity-O Display ขนาดใหญ่พร้อมรูเจาะกึ่งกลาง พร้อมขอบขนาดเล็กมาก
โดย Galaxy S20+ จะมีหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ในขณะที่ Galaxy S20 ที่มีขนาดเล็กกว่าที่ 6.2 นิ้ว ตามลำดับ แม้ว่าจะมีความแตกต่างเหล่านี้ แต่อัตราการรีเฟรชจะเท่ากันที่ 120Hz พร้อมกับความละเอียดสูงสุด 3200x1440 พิกเซล (QHD+) ที่สามารถปรับลดได้อิสระ
เฟรมอลูมิเนียมที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ดูพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นที่ตั้งของลำโพงที่ด้านล่าง และปุ่มปรับระดับเสียง กับ ปุ่มเปิด / ปิดที่ด้านขวา ไม่มีปุ่ม Bixby ที่ไม่เหมือนในรุ่น S10 ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB Type - C ซึ่งใช้งานการชาร์จเร็วถึง 25W
ช่องหูฟัง 3.5 มม. ถูกตัดทิ้งไป กลายเป็นโมเดล S Series เครื่องแรกของ Samsung ที่จะไม่มีช่องหูฟัง
ด้านกล้อง Samsung ได้วางรูปแบบกล้องที่ใช้กับ Galaxy S20 ด้วยโมดูลสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่วางไว้ที่มุมซ้ายบน
เราสามารถเห็นกล้องทั้งหมด 4 ตัว ใน Samsung Galaxy S20+ และ กล้อง 3 ตัว ใน Galaxy S20 , นอกจากนั้นจะมีไฟแฟลช LED และสิ่งที่ดูเหมือนรูไมโครโฟน ซึ่งจะใช้สำหรับฟีเจอร์ Zoom in Mic
สเปค Samsung Galaxy S20+
หน้าจอชนิด Dynamic AMOLED แบบ Premium Hole infinity O Display ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด WQHD+, อัตราส่วนหน้าจอ 20 : 9 , อัตรา Refresh Rate 120 Hz
CPU : Samsung Exynos 990 Octa Core
RAM : 8 GB ชนิด LPDDR5
ROM : 128 GB
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ Micro SD Card สูงสุด 1 TB
กล้องหลัง 4 ตัว (Quad Rear Camera)
เลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล , f/1.8(OIS) , ขนาดพิกเซล 1.8 ไมครอน , Ultra Wide Lens มุมกว้าง 120° ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล , f/2.2 , Telephoto Lens ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล , f/2.0(OIS) , รองรับ Optical Zoom 3 เท่า , Digital Zoom 30 เท่า และ กล้อง Depth Vision
รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K@30 fps
กล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
รองรับการถ่ายวิดีโอกล้องหน้า 4K@60 fps
รองรับลำโพงคู่แบบ Stereo by AKG + ระบบเสียง Dolby Atmos
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Ultra Sonic
รองรับ NFC / Samsung PAY
รองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตราฐาน IP68
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C
แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh + 25W Fast Charging + 15W Fast Wireless Charging และ Power Sharing
ระบบปฎิบัติการ : Android 10 + OneUI 2.0
มิติตัวเครื่อง : 162 × 74 × 7.8 mm.
น้ำหนัก : 186 กรัม
สเปค Samsung Galaxy S20
หน้าจอชนิด Dynamic AMOLED แบบ Premium Hole infinity O Display ขนาด 6.2 นิ้ว, ความละเอียด WQHD+, อัตราส่วนหน้าจอ 20 : 9 , อัตรา Refresh Rate 120 Hz
CPU : Samsung Exynos 990 Octa Core
RAM : 8 GB ชนิด LPDDR5
ROM : 128 GB
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ Micro SD Card สูงสุด 1 TB
กล้องหลัง 3 ตัว (Triple Rear Camera)
เลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล , f/1.8(OIS) , ขนาดพิกเซล 1.8 ไมครอน , Ultra Wide Lens มุมกว้าง 120° ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล , f/2.2 , Telephoto Lens ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล , f/2.0(OIS) , รองรับ Optical Zoom 3 เท่า , Digital Zoom 30 เท่า
รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K@30 fps
กล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
รองรับการถ่ายวิดีโอกล้องหน้า 4K@60 fps
รองรับลำโพงคู่แบบ Stereo by AKG + ระบบเสียง Dolby Atmos
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Ultra Sonic
รองรับ NFC / Samsung PAY
รองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตราฐาน IP68
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C
แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh + 25W Fast Charging + 15W Fast Wireless Charging และ Power Sharing
ระบบปฎิบัติการ : Android 10 + OneUI 2.0
มิติตัวเครื่อง : 152 × 68 × 7.9 mm.
น้ำหนัก : 163 กรัม
ราคาจำหน่าย
Samsung Galaxy S20+ (RAM 8 GB/ROM 128 GB) ราคา 31,990 บาท
Samsung Galaxy S20 (RAM 8 GB/ROM 128 GB) ราคา 28,990 บาท
เริ่มเปิด Pre - Order วันที่ 14 กุมภาพันธ์ - 5 มีนาคม นี้ สำหรับผู้ที่จอง Galaxy S20+ และ S20 Ultra 5G รับฟรีหูฟัง Samsung Galaxy Buds+ ใหม่ มูลค่า 4,990 บาท ฟรี
KeyPoint ของ Samsung Galaxy S20/S20+
สุดยอดกล้องสมาร์ทโฟนแห่งยุคทั้งงานภาพนิ่งและวิดีโอ
กล้องสมาร์ทโฟนในปัจจุบันเป็นมากกว่าอุปกรณ์เพื่อการถ่ายภาพ แต่ยังรองรับการเชื่อมต่อและเป็นสื่อกลางเพื่อการสื่อสาร ผู้บริโภคจึงต้องการกล้องสมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุด คุณภาพดีที่สุด และยังต้องสามารถใช้เป็นเครื่องมือบอกเล่าเรื่องราวของผู้ใช้งานอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงเป็นที่มาของการพัฒนากล้อง โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้งานเป็นหลัก
คุณสมบัติอันโดดเด่นของกล้องใน Galaxy S20/S20+ ประกอบด้วย :
- 8K VDO SNAP สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 8K และสามารถแคปเจอร์ภาพจากวิดีโอมาเป็นรูปถ่าย Hi-resolution ได้ง่ายๆ ที่ความละเอียดสูงถึง 33 ล้านพิกเซล
- Single Take ฟีเจอร์สนุกสุดล้ำ ที่ให้คุณกดถ่ายครั้งเดียว แล้วได้ทั้งวิดีโอและภาพนิ่งในรูปแบบที่หลากหลายมากสูงสุด 14 แบบ อาทิภาพมุมกว้าง วิดีโอ Hyper lapse (ไฮเปอร์ แลปส์), Boomerang (บูมเมอแรง) ตามด้วยการสุ่ม Filters สีแบบต่างๆ ด้วยการประมวลผลและตัดสินใจของระบบ AI พร้อมแชร์ขึ้นโซเชียลได้หลายแพลตฟอร์ม
- Super Steady ระบบกันสั่นเสมือนใช้ Action Cam ในการถ่ายวิดีโอแบบใหม่ กันสั่นได้ดีมากขึ้นถึงสองเท่า เมื่อเทียบกับ S10 Series
- Bright night การถ่ายภาพในเวลากลางคืน ที่มีการปรับปรุงใหม่ ให้คมชัดมากขึ้นทั้งภาพและวิดีโอ
- Space Zoom พลังซูมเหนือระดับ ซึ่งใน Galaxy S20/S20+ จะรองรับการซูมสูงสุดที่ 30 เท่า
Performance
ผลทดสอบประสิทธิภาพด้วย Antutu Benchmark ออกมาได้สูงถึง 498,490 คะแนน สำหรับ Galaxy S20+ และ 498,418 คะแนน สำหรับ Galaxy S20 เนื่องจากทั้ง 2 รุ่นใช้ชิปเซ็ตเดียวกัน RAM และ ROM เท่ากัน คะแนนทดสอบออกมาจึงไม่แตกต่างกันครับ ก็ถือว่าสูงมากๆแล้วในขณะนี้ เพราะรั้งตำแหน่งอันดับ 2 ของตาราง Antutu Benchmark กันเลย
แต่ผมจะบอกเสมอว่าคะแนน Benchmark ไม่ใช่ทุกสิ่ง ยิ่งกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงแล้วคงไม่เห็นความต่างมากนักในการใช้งานทั่วไป เพราะฉะนั้นเรามาว่ากันในแง่ของการใช้งานก่อน
โดยทั่วไปแล้วยังสร้างความน่าประทับใจต่อเนื่องมาจาก S Series รุ่นก่อนๆ ลื่นไหลใช้งานไม่มีสะดุด One UI 2.0 ซึ่งเป็น UI ใหม่นั้นน่าประทับใจมากจริงๆ กับการจัดวาง Layout ให้มีความสะดวก สามารถใช้งานมือเดียวได้
และด้วยหน้าจอของทั้ง 2 รุ่น เป็น Dynamic Amoled แบบใหม่ที่มาพร้อมกับอัตราการ Refresh Rate สูงถึง 120 Hz ด้วยแล้ว ยิ่งเสริมการใช้งานที่ลื่นแบบไม่ต้องนึกถึงคำว่าสะดุดเลยครับ แต่ว่าเฟิร์มแวร์ปัจจุบันจะรองรับการใช้งาน 120 Hz ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD+ เท่านั้น หากปรับเป็นความละเอียด WQHD+ จะถูกลดเหลือ 60 Hz ปกติ แต่ในอนาคตจะมีอัพเดทให้สามารถใช้งานได้ครับ
Gaming
ในแง่ของการเล่นเกมส์กับชิปเซ็ตระดับนี้ คงไม่มีข้อข้องใจใดๆครับ ทดสอบการเล่นด้วย PUBG สามารถปรับกราฟฟิคในระดับสูงสุดทั้งหมด เล่นแล้วไม่มีการกระตุกใดๆ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์พิเศษอย่าง Game Booster ที่จะมี AI คอยควบคุมประสิทธิภาพและความร้อนของตัวเครื่อง รวมถึงตัดการแจ้งเตือนที่จะมารบกวนการเล่นเกมส์ให้มากที่สุด
ซึ่งเมื่อทดลองเล่นอุณหภูมิชิปเซ็ตเฉลี่ยอยู่ที่ 49 - 51 องศา และ อุณหภูมิแบตเตอรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 39 - 40 องศา ถือว่ามีความร้อนสะสมบ้างเล็กน้อย แต่ไม่มากจนเกินไป
Camera (ดูตัวอย่างภาพถ่ายด้านล่าง)
สิ่งที่ประทับใจสุดๆคือกล้องหลังแบบใหม่
เราจะมาอธิบายเจาะลึก คุณสมบัติใหม่และสเปคทั้งหมดของระบบกล้องใน Samsung Galaxy S20/S20+ ที่มาพร้อมเซนเซอร์หลัก 12 ล้านพิกเซล แต่มีเซนเซอร์รอง 64 ล้านพิกเซล , รองรับ Optical Zoom 3 เท่า , Hybrid Zoom 30 เท่า , ถ่าย VDO 8K@30fps , กันสั่น Super Steady Cam และฟีเจอร์ใหม่ๆอีกเพียบ
ข้อมูลทางเทคนิค
กล้องหลัก : ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล , เซนเซอร์ Sony IMX 555 , 1.8μm , f/1.8
กล้องสอง TelePhoto : ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล Samsung ISOCell S5KGW2 , f/2.0 , รองรับ Optical Zoom 3 เท่า , Space Zoom 30 เท่า
กล้องสาม Ultra Wide Angle : Samsung ISOCell S5K2LA , f/2.2 , มุมกว้าง 120 องศา
กล้องสี่ (เฉพาะ S20+) : Depth Vision Camera สำหรับวัดระยะตื้นลึก
กล้องหน้า : เซนเซอร์ Sony IMX 374 ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ตัวเดียวกับ Galaxy Galaxy S10 / Note 10 และรองรับการถ่าย VDO 4K 60fps
โมดูลกล้อง
สำหรับการตั้งค่ากล้อง เราสามารถเห็นเซ็นเซอร์ทั้งหมด 4 ตัว (ใน Galaxy S20+) จัดวางในโมดูลทรงสี่เหลี่ยม ทางด้านซ้ายเรามีเซ็นเซอร์กล้อง 3 ตัว กล้องเหล่านี้น่าจะเป็น , เทเลโฟโต้ , เลนส์หลัก และ อัลตร้าไวด์ ด้านขวาเรามีเซ็นเซอร์ตัวที่ 4 เป็น Depth Vision Camera ภายใต้นั้นมีรูเล็กๆ คือรูไมโครโฟนที่จะใช้สำหรับคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นและคุณสมบัติ Zoom in Mic ตามด้วยไฟแฟลช LED ส่วน Galaxy S20 จะไม่มี Depth Vision Camera นอกนั้นเหมือนกันหมด
การบันทึกวีดีโอ
การบันทึกวิดีโอ 8K @ 30fps นั้นมีอยู่ใน Galaxy S20+ อย่างแน่นอน โดย Samsung ตัดสินใจว่า 30 เฟรมต่อวินาที ซึ่งเป็นอัตราเฟรมที่ดีที่สุดสำหรับการบันทึกวิดีโอ
และสำหรับความละเอียดและความสามารถอื่นๆ ของ Galaxy S20+/S20 คือ จะสามารถบันทึกในแบบ 4K 60fps พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Super Steady Cam สำหรับกล้องด้านหน้าและด้านหลัง โดยสามารถชมตัวอย่างวิดีโอได้ที่ด้านล่างนี้ครับ
ตัวอย่างวิดีโอ
(รออัพโหลด)
Zoom in Mic ที่ฟีเจอร์ที่ประณีตของ Samsung ที่เพิ่มเข้ามา เพื่อให้เสียงเข้ากับเฟรมที่คุณกำลังบันทึก มันจะทำให้เป็นอย่างนั้นเมื่อคุณซูมเข้าในขณะที่ถ่ายทำ เสียงก็จะ“ ซูมเข้า” เพื่อโฟกัสที่วัตถุที่คุณต้องการ
Smart Selfie Angle
Samsung จะแนะนำคุณสมบัติอัจฉริยะใหม่ ที่เรียกว่า "มุมมองตัวเองอัจฉริยะ (Smart Selfie Angle)" ซึ่งจะตรวจสอบจำนวนคนที่อยู่ในกรอบและเปลี่ยนเป็นโหมดมุมกว้างในกล้องตัวเอง
โหมด Single Take Photo
สำหรับโหมดกล้อง Galaxy S20 มีสองโหมด กล้องใหม่ที่เราเคยพูดถึง เรียกว่า "Single Take Photo" สิ่งนี้จะทำให้คุณแพนโทรศัพท์ไปรอบๆ และโทรศัพท์จะถ่ายภาพและวิดีโอโดยอัตโนมัติ พร้อมกับการเลือกโหมดและฟิลเตอร์ต่างๆด้วย AI สูงสุด 14 แบบ โหมดนี้ยังใช้งานได้กับเซลฟี่ ด้านล่างคุณสามารถดูตัวอย่างโหมดที่ถ่ายโดยแหล่งที่มาของข่าว จะมีการถ่ายภาพและวิดีโอมากมาย
ทีนี้มาลงรายละเอียดกันซักหน่อย
กล้องยังคงดีตามมาตราฐาน Samsung รุ่นเรือธงครับ ทั้ง 2 รุ่น มีโมดูลกล้องหลัก 3 ตัว เหมือนกันหมด ทำให้ภาพที่ได้นั้นมีคุณภาพไม่แตกต่างกัน ลูกเล่นและฟีเจอร์ก็ทำออกมาได้เหมือนกันทุกประการ
การถ่ายภาพในเวลากลางวันนั้นชนะเลิศครับ มี Dynamic ของภาพที่สมดุลดี รวมไปถึง White Balance ที่รักษาธรรมชาติของสิ่งที่ถ่ายมาได้สมบูรณ์
ตัวอย่างภาพถ่ายเวลากลางวัน
ในแง่ของ Ultra Wide นั้น Samsung ยังคงรักษาการเป็นผู้นำได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยภาพไวด์ที่ให้มุมกว้างถึง 120 องศา แต่ว่ามีการแก้ไข Distortion ที่เป็นธรรมชาติ ทำให้ภาพออกมาสวยและสมดุลลงตัว
ตัวอย่างภาพถ่าย Ultra Wide
ในเรื่องของคุณสมบัติการ Zoom รอบนี้ Samsung ได้ใจไปเต็มๆ กับการปรับซอฟแวร์ให้จังหวะในการเปลี่ยนระยะเลนส์มีความลื่นไหลแบบไม่สะดุดเลยครับ เรื่องนี้ขอชมจริงๆ ทำให้การใช้งานซูมเสมือนกล้องใหญ่เลย โดยทั้ง 2 รุ่นรองรับ Optical Zoom 3 เท่า และ Space Zoom 30 เท่า
แต่คุณภาพที่ได้จากการซูม เบื้องต้นไม่ค่อยน่าประทับใจเมื่อต้องซูมไปยังรายละเอียดเล็กๆ เรามีตัวอย่างด้านล่างเทียบเมื่อซูมไปหาตัวอักษรบนตึกซึ่งมีขนาดใหญ่จะยังพอดูรู้เรื่อง มีอาการแตกบ้างเล็กน้อยตามประสา Digital Zoom หากพ้นระยะ 3 เท่าไปแล้ว แต่ระบบก็เกลี่ยภาพชดเชยให้ แต่หากซูมไปยังรายละเอียดเล็กๆเช่น คนบนตึกจะพบว่าทำออกมาได้ไม่ดีครับ ซอฟแวร์ไม่ช่วยปรับภาพให้ดี ทั้งนี้ต้องรอดูอัพเดทใหม่ว่าจะเป็นอย่างไรครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายการซูม 30 เท่า
ในเวลากลางคืนนั้นต้องบอกว่า Samsung ปรับอัลกอริทึมใหม่เป็น Bright Night ถือว่าดีขึ้นเยอะมากครับ ภาพมีอัตรา Noise ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และถ่ายออกมาโทนภาพกลางคืนจะออกแนวๆฟุ้งๆสไตล์เกาหลีหน่อย คนชอบสีสันจะถูกใจครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายกลางคืน
ส่วนการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือ Live Focus ก็เหมือนมีการปรับปรุงซอฟแวร์ให้ดีขึ้น ทำให้ผมประทับใจมากพอสมควรครับ จับโฟกัสเร็วถ่ายงานขึ้น เบลอฉากหลังได้เนียนขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่าย Live Focus
ซึ่งจุดแตกต่างของระบบกล้องระหว่าง Galaxy S20 และ S20+ จะอยู่ตรงนี้ครับ คือเลนส์ Depth Vision สำหรับการวัดระยะตื้นลึกเพื่อทำ Bokeh Effect แต่จากที่ลองก็ยังไม่พบความแตกต่างที่ชัดเจนครับ
ส่วนกล้องหน้า ให้รายละเอียดของภาพที่ดีมากกว่ารุ่นเดิมค่อนข้างมาก มีความเป็นธรรมชาติกว่า และสามารถใช้ฟีเจอร์เดียวกับกล้องหลัง เช่น Single Take Photo ได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
Sound
ลำโพง Speaker รอบนี้ให้เป็น Dual Speaker แบบ Stereo ซักที และยังพ่วงด้วยระบบเสียง Dolby Atmos และการปรับแต่งโดย AKG อีก หลังจากลองฟังก็พบว่าให้มิติเสียงที่น่าพอใจเป็นอย่างมากเหมือนกับ S Series ที่ผ่านมา ด้วยโทนเสียง Flat แต่ก็มีโทนทุ้มเบสแบบติดปลายนวมมาให้ ฟังแล้วฟินครับ ดูหนังฟังเพลงได้บันเทิงใจสุดๆ สอบผ่าน 100%
Battery
ความจุ 4500 mAh สำหรับ Galaxy S20+ และ 4000 mAh สำหรับ Galaxy S20 ก็ทำให้ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากครับ เพราะขนาดจอที่แตกต่างกันก็มีผลให้การใช้แบตเตอรี่แตกต่างกันด้วย เล่นหนักๆจับบ่อยหน่อยก็อยู่ได้ 10 - 12 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ค่อยได้จับก็ Stand by ยาวๆไปเลยทั้งวันสบายๆครับ
สรุป
ถ้าคุณกำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่มีประสิทธิภาพสูง ถ่ายรูปสวยเลิศ พ่วงด้วยลูกเล่นมุ้งมิ้งๆสำหรับยุคโซเชี่ยล Samsung Galaxy S20 และ S20+ เป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆแน่นอนครับ ^^
Article By : โลกไอทีวันนี้
Comments
Post a Comment