#FullReview : Huawei FreeBuds Pro หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ !!! รองรับ Bluetooth 5.2 และ ระบบ intelligent dynamic ANC ตัดเสียงรบกวนขั้นเทพ !!!
คุณกำลังมองหาหูฟังไร้สายคู่ใหม่ที่เป็นคู่หูความบันเทิงชั้นเยี่ยมสำหรับสมาร์ทโฟนหรือแล็ปท็อปของคุณอยู่หรือเปล่าครับ? วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับ Huawei Freebuds Pro รุ่นใหม่ กันครับ
Unboxing ภายในกล่องประกอบด้วย
- ชุดหูฟัง Huawei Freebuds Pro
- Ears Tip 2 คู่
- สายชาร์จแบบ USB Type - C
- คู่มือ
ซึ่งบรรจุภัณฑ์ก็ยังคงสไตล์สวยหรูเรียบ ในแบบของ Huawei ครับ
ข้อมูลจำเพาะของ HUAWEI FreeBuds Pro
Bluetooth 5.2
ไดรเวอร์ไดนามิก 11 มม.
การเชื่อมต่อพร้อมกันกับอุปกรณ์ 2 ตัว
เทคโนโลยี Hybrid Active Noise Cancelling พร้อม
ไมโครโฟน 3 ตัว และ Bone Voice Sensor สูงสุด 40dB สำหรับช่องหูประเภทต่างๆ
intelligent dynamic ANC
Low Latency 180ms สำหรับการเล่นเกม
รองรับ Gesture Control
ขนาด: 26 x 29.6 x 21.7 มม. (ต่อเอียร์บัด); 70 x 51.3 x 24.6 mm (กล่องชาร์จ)
น้ำหนัก: 6.1 ก. (ต่อเอียร์บัด), 60 ก. (เคสสำหรับชาร์จ)
แบตเตอรี่ 55mAh (ต่อ 1 ข้าง) ให้การเล่น 4h (พร้อม ANC) / 7h (ไม่มี ANC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง, 30 ชม.
เคสสำหรับชาร์จ (แบตเตอรี่ 580 mAh), USB Type-C (5 V / 1.2 A / 6 W) และการชาร์จแบบไร้สาย Qi (2W) สำหรับเคสชาร์จ
Design
เป็นการยากที่จะออกแบบหูฟังให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และในฐานะที่เป็นคนที่ใช้หูฟังไร้สายมาเป็นจำนวนมาก หูฟังส่วนใหญ่ก็มีลักษณะเหมือนกัน แต่ Huawei Freebuds Pro ก็คงทำออกมาได้ดีในแง่ดีไซน์ และนอกจากการออกแบบแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องใช้งานได้อย่างสะดวกสบายสำหรับการฟังเพลงที่ยาวนาน
Huawei Freebuds Pro มีการออกแบบ ที่สวมใส่สบาย มีไดร์เวอร์แบบไดนามิกความไวสูง พร้อมการออกแบบเฉพาะที่ให้ความคมชัดและลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีเยี่ยม
มาพร้อมกับกล่องชาร์จทรงรี ออกแบบสมมาตร ใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนต เคลือบผิวมัน พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ USB Type - C สำหรับการชาร์จเร็ว นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สาย Qi และสามารถใช้การชาร์จไร้สายแบบย้อนกลับ (Reverse Charging) บนสมาร์ทโฟนได้ด้วย
ด้านหน้ามีเเผ่นโลหะสลักโลโก้ Huawei, ด้านข้างซ้ายมีปุ่มสำหรับกดเพื่อเริ่มการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างกลืนไปกับผิวของตลับมากๆ ด้านขวาปล่อยโล่งๆไว้ ส่วนด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต USB Type - C
ตัวก้านหูฟังนั้นถูกออกแบบสรีระศาสตร์ ที่กระชับและใส่สบายกว่าหูฟังทั่วไป ส่วนชุดไดรเวอร์เป็นทรง Close Fit หรือ In buds ที่รองรับ Active Noise Canceling ด้วย
ซิลิโคนที่สอดเข้าไปในช่องหู มีการออกแบบได้ดี และไม่พบว่าหูของเราเจ็บ หลังจากทดลองฟังเพลงไปประมาณสอง ถึง สามชั่วโมง เหมือนที่เคยฟังกับตัวอื่นๆ
และหากคุณพบว่าหูฟังมีขนาดไม่พอดีกับหูของคุณ ก็ยังมีจุกซิลิโคนอีกสองขนาด ที่มาพร้อมกับหูฟังภายในกล่อง
แต่กระนั้นข้อติในด้านการออกแบบคือ ผมไม่ค่อยชอบวัสดุเคลือบผิวมัน เพราะมันเลอะเเละเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก และดูแลรักษาลำบาก เป็นรอยง่าย ถ้าใช้ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดและซื้อเคสกันกระแทกมาใส่ครับ
เมื่อเปิดฝาออกมา จะพบตัวก้านหูฟังถูกจัดเก็บไว้ในแนวตั้ง โดยตรงกลางจะมีไฟ LED บอกสถานะของแบตเตอรี่อยู่
ตัว Ear Buds มีไมโครโฟนที่หันเข้าด้านในและหันหน้าออกไปด้านนอกสำหรับตรวจจับเสียงรบกวน โดยไดรเวอร์แบบไดนามิกจะสร้างสัญญาณป้องกันเสียงรบกวนที่แม่นยำซึ่งมีเอฟเฟกต์การตัดเสียงรบกวนสูงถึง 40 dB
นอกจากนี้ยังมี ระบบ 3 ไมค์ และ Bone Voice Sensor เพื่อลดเสียงพื้นหลังและเพิ่มเสียงของมนุษย์สำหรับการโทรที่คมชัด
ในระหว่างการโทร Bone Voice Sensor จะตรวจจับและเพิ่มความคมชัดให้กับเสียงของมนุษย์โดยตีความการสั่นสะเทือนของกระดูกเพื่อให้ได้เสียงที่ชัดเจน
มาพร้อมกับที่อุดหูซิลิโคนแบบนิ่มใน 3 ขนาด และคุณสมบัติการตรวจจับความกระชับอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับแอพ AI life เพื่อวิเคราะห์ที่อุดหูที่พอดีกับหูของคุณหลังจากสวมใส่ เพื่อให้คุณสามารถเลือกขนาดที่เหมาะสมที่สุดเพื่อเพลิดเพลินกับการตัดเสียงรบกวนที่ดีขึ้น และเสียงที่สมจริงยิ่งขึ้น
การใช้งาน
เบื้องต้นเราต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่น Huawei AI Life ซึ่งสามารถหาดาวน์โหลดได้จาก Google Play Store หรือ Huawei App Gallery เพื่อทำการเชื่อมต่อและปรับตั้งค่าหูฟัง แต่ในเวลานี้จะรองรับแต่ระบบปฎิบัติการ Android เท่านั้น ส่วนฝั่ง iPhone นั้นสามารถใช้หูฟังผ่านการจับคู่อุปกรณ์ Bluetooth ตามปกติได้ แต่จะไม่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นพิเศษ เช่น ระบบตัดเสียงรบกวนได้
พอติดตั้งเสร็จ เปิดแอพขี้นมา ให้ดูที่มุมขวาบน แล้วกดเครื่องหมาย + และกด Add Device จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนไม่นานก็เป็นอันเสร็จสิ้น
หน้าแรกที่เข้ามาจะพบกับ สถานะการเชื่อมต่อ, ระดับแบตเตอรี่ในหูฟังทั้ง 2 ข้างและตัวตลับชาร์จ
ด้วยการชาร์จหูฟังเต็มหนึ่งครั้ง สามารถใช้ได้นานถึง 4 ชั่วโมง และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 20 ชั่วโมง ด้วยตลับชาร์จ
ตัวก้านหูฟังรองรับ Touch Gesture Control ทั้ง 2 ข้าง โดยเราสามารถตั้งค่า Shortcuts ได้ว่า หาก
บีบ 1 ครั้ง 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้ง บีบค้าง ให้ทำอะไร, แตะสองครั้ง (Double Tap) จะให้ทำงานอะไร โดยมีตัวเลือกได้แก่ เล่นเพลง, หยุดเพลง, ข้ามเพลง, เรียก Voice Assistant และ เปิดหรือปิด Noise Canceling หรือ สไลด์เพื่อสั่งเพิ่มและลดระดับเสียงได้ ซึ่งมีประโยชน์มาก
พร้อมกับใช้การทดสอบการตรวจจับ “Tip Fit” ซึ่งจะตรวจสอบว่าเอียร์บัดพอดีกับหูของคุณหรือไม่
ไฮไลค์คือ
FreeBuds Pro รองรับ Bluetooth 5.2 ซึ่งช่วยลดเวลาในการตอบสนองได้ถึง 180 มิลลิวินาที โดดเด่นด้วยการออกแบบเสาอากาศคู่ที่ให้สัญญาณกว้าง แม้ว่าสมาร์ทโฟนของคุณจะอยู่ในกระเป๋าก็ยังเชื่อมต่อได้ไม่มีสะดุด และ intelligent dynamic ANC ที่รับรู้เสียงรอบข้างอย่างชาญฉลาด รองรับการเชื่อมต่อพร้อมกันกับอุปกรณ์สองเครื่อง และยังช่วยให้สามารถสลับระหว่างอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว
ระบบตัดเสียงรบกวน หรือ Noise Control สามารถปรับตั้งค่าได้ในแอพ AI Life โดยในเมนูจะมีคำสั่งเปิดหรือปิดการใช้งาน และ ยังมีโหมด Awareness สำหรับเปิดรับเสียงรอบข้างได้
FreeBuds Pro ได้ใช้ ANC ที่ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปกว่ารุ่นก่อนหน้า วินาทีที่คุณใส่มันเข้าไปในหูของคุณและเปิดใช้งาน ANC มันให้ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถูกลบออกไปทั้งหมดเลย
อีกทั้งสามารถชาร์จแบบไร้สายได้ โดยไม่ต้องจับสายเคเบิลเพื่อเสียบที่เคส การมีระบบชาร์จแบบไร้สายถือเป็นสิ่งที่ดี ช้ากว่าแบบมีสายเล็กน้อย (ใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการชาร์จเคสเต็ม) แต่หากคุณต้องการชาร์จด้วยสายเคเบิล จะชาร์จได้เต็มในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
และยังมีฟังก์ชั่น Update Software ของตัวหูฟัง ที่สามารถกดตรวจสอบได้จากแอพนี้เช่นกัน
ในแง่ของคุณสมบัติเพิ่มเติม สิ่งที่ใหญ่ที่สุดที่สังเกตเห็นคือ FreeBuds Pro สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หากเรากำลังดูวิดีโอบนแล็ปท็อป จากนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงของวิดีโอที่เล่นบนแล็ปท๊อปหยุดลง และเราจะได้ยินเสียงเรียกเข้าในหูแทน มันมีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อ
คุณภาพเสียง
ชิป Kirin A1 ซึ่งเป็นชิป AI ที่สนับสนุนในการเชื่อมต่อ , การจัดการพลังงาน และที่สำคัญคือ ระบบตัดเสียงรบกวน ที่จะแยกการปิดกั้นเสียงตามความถี่ต่ำ และจะปรับการตัดเสียงให้ลดลงในย่านความถี่สูง เช่น เสียงแตรรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยยามสวมใส่บนท้องถนน นั้นถือเป็นจุดแข็งของ Huawei Freebuds Pro เป็นอย่างมาก
เริ่มต้นจากค่า Delay ที่ได้นั้นถือว่ามีดีเลย์น้อยที่สุดในหูฟัง Truely Wireless ทุกตัวในตลาดตอนนี้ที่ 180 ms. และเมื่อทดลองใช้จริงก็ให้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจ โดยจับการดีเลย์แทบไม่ได้เลยในการเล่นเกมจริงๆ
ระบบ Active Noise Cancelling
Huawei FreeBuds Pro เป็นหูฟังไร้สายที่ให้เสียงดีที่สุดเท่าที่เคยใช้มา ทุกอย่างชัดเจน, สมดุล และเบสนั้นทรงพลัง ถือว่าไม่เว่อร์เกินไป แต่สิ่งที่คุณจะได้รับคือประสบการณ์ระดับพรีเมียมพร้อมเสียงที่ยอดเยี่ยม มีตัวเลือกที่ถูกกว่าในตลาดมั้ย? แน่นอน แต่ไม่มีเลยที่จะมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมได้เท่านี้
Huawei FreeBuds Pro มีการตัดเสียงรบกวนและคุณภาพที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามเสียงเบสยังขาดความหนักแน่นเล็กน้อย เสียงกลางและเสียงสูงผ่านเกณฑ์ และการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟนั้นยอดเยี่ยมมาก
เมื่อพูดถึงคุณภาพเสียง สิ่งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือตัวแปลงสัญญาณที่ใช้ บน Android และ Windows โดย Huawei FreeBuds Pro จะสตรีมด้วยตัวแปลงสัญญาณเสียง SBC เป็นค่าเริ่มต้น แม้ว่าจะสามารถเปลี่ยนตัวแปลงสัญญาณไปเป็น AAC ได้ในการตั้งค่า Bluetooth ของสมาร์ทโฟน แต่ใน Windows จะไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้ AAC ได้
โดยรวมแล้วเราประทับใจมากกับคุณภาพเสียงและการตัดเสียงรบกวนที่ใช้งานได้จริงของ FreeBuds Pro
นอกจากนี้ Wind Shild หรือการป้องกันลมก็ทำออกมาได้ดี และเสียงสนทนาจากปลายสายก็สามารถฟังเรารู้เรื่อง แม้อยู่ในที่ๆมีลมแรงๆ
คุณภาพการเชื่อมต่อ
ถือว่าทำออกมาได้เเข็งเเรงดีมาก เมื่อเดินทางนำไปทดสอบทั้งที่ห้างสรรพสินค้า, รถไฟฟ้า หรือรถบัส ก็พบว่าตัวหูฟังแทบไม่ถูกรบกวนและไม่หลุดการเชื่อมต่อเหมือนแบบหูฟังแบรนด์อื่นๆด้วย
แบตเตอรี่
ตัวเคสมีแบตเตอรี่ขนาด 580 mAh ในขณะที่เอียร์บัดแต่ละอันมีแบตเตอรี่ 55 mAh และจะใช้งานได้นานถึง 7 ชั่วโมง ในการเล่นโดยปิด ANC ในขณะที่เปิด ANC จะได้ประมาณ 4 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
การจำหน่าย
HUAWEI FreeBuds Pro มาในสี Silver Frost, Ceramic White และ Carbon Black โดยมีราคาอยู่ที่ 5,499 บาท
วางจำหน่าย ณ Huawei Brand Shop และ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทุกสาขาทั่วประเทศ
โปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม ถึง 5 พฤศจิกายน รับฟรี ของสมนาคุณ มูลค่า 2,180 บาท ประกอบด้วย เคสกันกระแทกและ Huawei Wireless Charger Pad
และเริ่มจะเริ่มวางจำหน่ายหน้าร้าน วันที่ 6 พฤศจิกายน นี้ ณ Huawei Brand Shop และ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทุกสาขาทั่วประเทศ
สรุป
Huawei Freebuds Pro เป็นชุดหูฟังไร้สายที่มีคุณสมบัติคุ้มค่าเกินราคาไปไกลมากครับ จัดเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นๆในตลาดหูฟังไร้สายแบบ Truely Wireless ในตอนนี้แบบไม่ต้องคิดมากเลยครับ ด้วยดีไซน์ที่สวยหรู และฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนแบบใหม่ก็ถือว่าครบตอบโจทย์แล้วครับ
และหากว่าคุณกำลังมองหาหูฟังไร้สายสักคู่ นี่อาจเป็นหูฟัง TWS ระดับพรีเมียมที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เจอ
Article By : โลกไอทีวันนี้
Comments
Post a Comment