#FullReview Redmi Note 10 สมาร์ทโฟนระดับกลางท้าชกยกตลาด #คุ้มกว่านี้มีมั้ย !!! ด้วยหน้าจอ Amoled ขนาด 6.43 นิ้ว , ชิปเซ็ต Snapdragon 678 , กล้องหลัง 4 ตัว 48 ล้านพิกเซล , ลำโพงคู่ Stereo เสียงดังกระหึ่ม, แบตเตอรี่ 5000 mAh + 33W Fast Charging ในราคาเริ่มต้นเพียง 4,999 บาท !!!!


Redmi แบรนด์ย่อยภายใต้ Xiaomi ที่เรารู้จักกันดี ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Redmi Note 10 Series โดยส่งน้องเล็ก Redmi Note 10 ที่มีสเปคโหดเกินหน้าเกินตา เกินราคาชาวบ้านไปไกล จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ลองไปดูกันครับ

สเปค Redmi Note 10

หน้าจอ Dot Display ชนิด Amoled ขนาด 6.43 นิ้ว , ความละเอียด Full HD+ พร้อมอัตรา Refresh Rate 60 Hz, ความสว่างสูงสุด 1100 nits, ช่วงสี DCI-P3 100% ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3
CPU : Qualcomm Snapdragon 678 Octa Core
GPU : Adreno 612
RAM : 4 GB/6 GB ชนิด LPDDR4X
ROM : 64 GB/128 GB ชนิด UFS 2.2
รองรับ Micro SD Card สูงสุด 512 GB
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ 4G + Dual VoLTE
กล้องหลังหลัก 48 ล้านพิกเซล
เลนส์ Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 118 องศา
เลนส์ Macro 2 ล้านพิกเซล
เลนส์ Portrait 2 ล้านพิกเซล
กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือที่ปุ่ม Power
รองรับพอร์ต IR Blaster
รองรับลำโพงคู่แบบ Stereo + Hi - Res Audio
รองรับช่องหูฟัง 3.5 mm.
รองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตราฐาน IP53
รองรับ Wi-Fi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz, Bluetooth 5, GPS / GLONASS / Beidou
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
แบตเตอรี่ความจุ : 5000 mAh + ระบบชาร์จเร็ว 33W
ระบบปฎิบัติการ : Android 11 + MIUI 12
ขนาดตัวเครื่อง : 160.46×74.5×8.3 มม.
น้ำหนัก : 178.8 กรัม

#ราคาจำหน่าย



RAM 4 GB/ROM 64 GB ราคา 4,999 บาท (เฉพาะออนไลน์)

RAM 6 GB/ROM 128 GB ราคา 5,999 บาท

โดยจะวางจำหน่ายผ่านทาง Mi store , ร้านค้าที่ร่วมรายการ และ ช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม นี้​

Unboxing

กล่องของ Redmi Note 10 ยังคงเอกลักษณ์ด้วยพื้นสีขาว เนื้อกระดาษแบบด้านสะอาดตา

ภายในกล่องประกอบด้วย



- ตัวเครื่อง Redmi Note 10 × 1 เครื่อง
- เคสใสแบบ TPU × 1 ชิ้น
- สาย USB Type C × 1 เส้น
- 33W Quick Charge × 1 ตัว
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด × 1 ชิ้น
- เอกสารและคู่มือต่างๆ × 1 ชุด

Design



Redmi Note 10 มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว , ความละเอียด Full HD+ , ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 3 มีอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 60 Hz เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะถือว่าหน้าจอค่อนข้างสวยงามมากในแง่ของสีสันและการแสดงผล และในกลุ่มราคานี้ยังยากที่จะมีใครให้หน้าจอ Amoled มาใช้งาน



และกล้องหน้าแบบรูเจาะกึ่งกลางนั้นยังพิเศษกว่าใคร โดยมีขนาดรูที่เล็กเพียง 3.54 มม. ซึ่งถือว่าเล็กที่สุดในบรรดาหน้าจอเจาะรูทั้งหมดแล้ว ทำให้ลดการรบกวนสายตา สามารถรับชมคอนเท้นต์ต่างๆได้เต็มที่



ด้านหลังมาพร้อมกับกล้อง 4 ตัว (Quad Rear Camera) วางเรียงในโมดูลทรงสี่เหลี่ยมมน โดยได้ดีไซน์อ้างอิงมาจากรุ่นเรือธงอย่าง Mi 11 ทำให้มีความสวยงามและดูพรี่เมี่ยมมากยิ่งขึ้น พร้อมฝาหลังแบบเคลือบเงา และดีไซน์การออกแบบตัวเครื่องแบบ Evol ให้ความรู้สึกทันสมัยและสวยงามมาก



ขอบบนเป็นที่อยู่ของช่องลำโพงสนทนา , ลำโพง Speaker , พอร์ต IR Blaster และ ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน



ที่ขอบด้านซ้ายมีช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ Triple Slot



ขอบด้านขวามี ปุ่มเพิ่ม/ลด ระดับเสียง และ ปุ่ม Power ซึ่งสามารถใช้งานเป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ได้ อีกทั้งยังมีการออกแบบทรงปุ่มใหม่ ให้ดูเทอะทะน้อยลง แต่ยังคงสแกนได้รวดเร็วและแม่นยำ



โดยภาพรวมแล้วการออกแบบและวัสดุประกอบตัวเครื่องของ Redmi Note 10 นั้นค่อนข้างพรีเมี่ยมและดูดีเกินราคาไปมากครับ หยิบจับขึ้นมาดูสวยสง่า กระชับมือ

Performance


ใช้งาน Qualcomm Snapdragon 678 ซึ่งถือว่าเป็นชิปเซ็ตระดับ Mid - Range รุ่นใหม่ล่าสุด ด้วยเทคโนโลยี 11 นาโนเมตร LLP ใช้ซีพียู ARM Cortex A76 ที่ได้รับการโอเวอร์คล็อกให้มีความเร็วสูงสุดถึง 2.2 GHz พร้อมชิปกราฟิก Adreno 612



โดยรุ่นที่นำมาทดสอบนี้เป็นรุ่น RAM 6 GB/ROM 128 GB


ทำงานภายใต้ระบบปฎิบัติการ Android 11 รุ่นใหม่ และ MIUI 12.1 ซึ่งจะมีเทคโนโลยี Deep System Optimizations ที่ทำให้ระบบเรียนรู้และจัดสรรค์ทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้เครื่องสามารถทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ตลอดเวลา​ อีกทั้งยังมีลูกเล่นในการปรับแต่งใหม่ๆ เช่น Control Center และ Theme อีกมากมาย


ผลทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอพพลิเคชั่น GeekBence 5.0 ได้ผลทดสอบ Single Core 489 คะแนน ส่วน Multi Core ได้ 1337 คะแนน

Gaming


มี Game Turbo 3.0 สำหรับช่วยจัดระบบระเบียบทรัพยากรภายในตัวเครื่องให้มีประสิทธิภาพดีที่สุดยามคุณอยู่ในโลกของเกมส์ และช่วยปิดการแจ้งเตือนต่างๆที่ไม่สำคัญ เพื่อป้องกันการรบกวน


โดยทดสอบด้วยเกมส์ PUBG Mobile สามารถเปิดกราฟิคได้สูงสุดระดับ HD แต่เปิด Frame rate ที่ระดับ High ได้ โดยการเล่นมีจังหวะหน้าวงบ้างเล็กน้อย แต่ภาพรวมสามารถเล่นได้ค่อนข้างลื่นไหล ไม่มีปัญหาครับ

ระบบรักษาความปลอดภัย


มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่ยังคงมีประสิทธิภาพให้การทำงานได้รวดเร็วมาก และสามารถใช้ระบบสแกนใบหน้าได้เช่นเคย

Camera


สำหรับกล้อง จุดเด่นคือ กล้องตัวหลัก 48 ล้านพิกเซล (f/1.79) ขนาด 1/1.2 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยี Pixel binning และสนับสนุนรูปแบบภาพ HEIF มีเซ็นเซอร์กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล ให้มุมกว้าง 118 องศา รวมถึง เซ็นเซอร์ Macro และ Depth 2 ล้านพิกเซล

กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มีความสามารถในการถ่าย 1080p @ 30fps พร้อม AI Beauty และ HDR



กล้องหลักดี ปรับจูนนิ่ง สมชื่อเซนเซอร์ 48 ล้านพิกเซล ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ​ Ultra​ Wide​ มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี​ มีมุมมองที่กว้างเก็บองค์ประกอบได้ครบถ้วน มีการแก้ไข​ Distort ของภาพให้ สำหรับการถ่ายในตอนกลางวันทำออกมาได้ยอดเยี่ยม แต่ตอนกลางคืนอาจจะมีอาการ Under Tone เล็กน้อย

โหมด Macro ให้รายละเอียดที่ดีครบถ้วน ในระยะโฟกัส 4 ซม.

โหมดถ่ายภาพกลางคืน​ ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี มีการประมวลผลค่อนข้างรวดเร็วมากจนตกใจ

ภาพถ่ายโหมด​บุคคล​ สามารถละลายหลังได้อย่างเป็นธรรมชาติ​ มีการตัดขอบได้เนียนตา และฉากหลังยังคงมีรายละเอียดครบถ้วน ไม่ฟุ้งเบลอมากเกินไป ซึ่งโดยส่วนตัว ยังคงยกให้ Xiaomi เป็นแบรนด์ที่ทำโหมด Portrait ได้ดีที่สุดอันดับต้นๆของวงการเลยครับ

ตัวอย่างภาพถ่าย

กล้องหลัก


โหมด Ultra Wide



กล้อง Portrait



กล้อง Macro



โหมดกลางคืน



ระบบเสียง



นี่คือไฮไลค์เด็ดที่สุดของ Redmi Note 10 นั่นคือการใส่ลำโพงคู่ Stereo มาในสมาร์ทโฟนที่ราคาต่ำกว่า 5,000 บาท ที่สำคัญคือให้มิติเสียงที่ดีด้วย มีความดังชัดเจน ้ปิดจนสุดแล้วเสียงไม่แตก แต่มีโทนเสียงในย่าน Flat ออกเสียงกลางเยอะ ไม่ได้เน้นเบสหรือเสียงแหลมมากไป

แบตเตอรี่



แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh พร้อมการสนับสนุนการชาร์จเร็ว 33W ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มในเวลาประมาณ​ ​1 ชั่วโมง ที่สำคัญคือหัวชาร์จ 33W แถมมาให้ในกล่องไม่ต้องไปหาซื้อแยกอีกด้วย

สรุป



Redmi Note 10 คือสมาร์ทโฟนที่ลงตัวและตอบโจทย์มาก สามารถเรียกว่ามันคือสมาร์ทโฟนระดับ Mid Range ที่คุ้มค่าเกินราคา ด้วยประสิทธิภาพภายในที่แลกกับมากับค่าตัวเริ่มต้นเพียง 4,999 บาท เท่านั้น จัดว่าคุ้มค่าเกินบรรยายจริงๆครับ

Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments