#FullReview : Roborock S7 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมถูพื้นสุดอัจฉริยะแห่งปี 2021!!! ล้ำเหนือใครด้วยกล้องLiDAR สแกนพื้นที่แบบ 360 องศา, เทคโนโลยี HyperForce ดูดแรงทุกซอกทุกมุม + UltraSonic Sensor ตรวจจับพรม และระบบถูพื้นขั้นเทพ !!!!
ปี 2021 การจะหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นซักตัวไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไร แต่การที่จะหาตัวที่ดีมีฟังก์ชั่นครบๆทำงานได้แบบที่คนไม่ต้องเหนื่อยตามเก็บนั้นยากกว่า พูดง่ายๆคือมันต้องฉลาดมากพอครับ
วันนี้เราจึงขอพามาแนะนำทำความรู้จักกับ Roborock S7 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ล่าสุดของปี 2021 ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการถูพื้นในตัว และลูกเล่นเด็ดๆอีกมากมาย เราลองไปดูกันครับ
ข้อมูลและรายละเอียดบรรจุภัณฑ์ / Specifications
ขนาดบรรจุภัณฑ์: 48.30 x 39.90 x 14.90 เซนติเมตร
น้ำหนักบรรจุภัณฑ์: 7.0 กิโลกรัม
ต้องบอกก่อนว่าตกใจมาก เพราะแพคเกจ Roborock แน่นหนามากจริงๆ มีกล่องในกล่องและในกล่องเลยครับ เรียกได้ว่าสินค้าปลอดภัยมั่นใจในความแข็งแรงได้แน่นอน
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบด้วย
หุ่นยนต์ Roborock S7 x 1
แท่นชาร์จ (Charging Dock) x 1
สายชาร์จ (Power Cable) x 1
แผ่นรองผ้าถู (VibraRise Mop Cloth Mount) x 1
ผ้าถู (VibraRise Mop Cloth) x 1
คู่มือการใช้งาน และการเชื่อมต่อแอปฯ (Manual)
ก็เรียกได้ว่าให้มาแน่นๆครบๆจบในกล่องจริงๆครับ
ข้อมูลทางเทคนิคเกี่ยวกับหุ่นยนต์
โมเดล: Roborock S7
สีผลิตภัณฑ์: มี 2 สี สีขาว (S70) และสีดำ (S75)
ขนาดผลิตภัณฑ์: กว้าง 35.30 x ยาว 35.00 x สูง 9.65 เซนติเมตร (ขนาดของหุ่นยนต์)
น้ำหนักผลิตภัณฑ์: น้ำหนักโดยประมาณ 4.7 กิโลกรัม (น้ำหนักโดยประมาณเฉพาะตัวหุ่นยนต์)
แบตเตอรี่: 14.4V / 5,200 mAh (แบตเตอรี่ลิเธียม หรือ Rechargeable Lithium-Ion Battery) ตัวแบตเตอรี่มีระบบป้องกัน เพื่อให้มั่นใจต่อการใช้งาน
Rated Input: 20VDC 1.2A
Rated Power: 68W
รูปแบบการเชื่อมต่อ: เชื่อมต่อผ่าน WiFi ด้วยคลื่นความถี่ 2.4 GHz
ข้อมูลเกี่ยวกับแท่นชาร์จ
โมเดล: CDZ11RR หรือ CDZ12RR
สีผลิตภัณฑ์: มี 2 สี สีขาว และสีดำ (จะมีสีเดียวกับหุ่นยนต์)
ขนาดผลิตภัณฑ์: กว้าง 13.00 x ลึก 15.10 x สูง 9.80 เซนติเมตร (ขนาดของแท่นชาร์จ)
Rated Power: 28W
Rated Input: 100-240VAC
Rated Output: 20VDC 1.2A
Rated Frequency: 50-60 Hz
การชาร์จแบตเตอรี่: 14.4V / 5,200 mAh Lithium-ion Battery
แนะนำคุณสมบัติและจุดเด่นเบื้องต้นกันซัก 12 ข้อ
เบื้องต้นหากใครยังไม่คุ้นกับชื่อแบรนด์ Roborock เราขอแนะนำซักนิดว่า Roborock เป็น Global Brand ที่เปิดตัวในปี 2016 มีการจัดจำหน่ายทั่วโลก และเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตหุ่นยนต์ทำความสะอาดและเครื่องดูดฝุ่นระดับโลก
และ Roborock S7 ที่เราจะแนะนำกันในวันนี้ ก็เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ Roborockประจำปี 2021 ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยแบบใหม่ล่าสุดมากมาย
1.Roborock S7 ใช้เทคโนโลยี HyperForce™ มีแรงดูดสูงสุด 2,500 Pa* ซึ่งมีประสิทธิภาพการดูดฝุ่นที่ดีเยี่ยม และมีการหมุนปัดของแปรงปัดหลักด้วยมอเตอร์ความเร็วสูงถึง 1,350 รอบต่อนาที* ทำให้สามารถดูดเก็บฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างดีเยี่ยม
2.Roborock S7 มีการออกแบบชุดแปรงปัดหลักใหม่ (All-New All-Rubber Brush) โดยชุดแปรงปัดหลักมีอิสระขยับหรือเคลื่อนที่ได้ 360 องศา ทำให้แปรงปัดหลักสามารถแนบราบเรียบไปกับพื้นได้อย่างดีที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดฝุ่นหรือเศษสิ่งสกปรกให้ดียิ่งขึ้น และมีการอัพเกรดแปรงปัดหลักเป็นยางแบบใหม่ เพื่อเพิ่มความทนทาน และลดการติดขัดหรือพันจากเส้นผม
3.Roborock S7 ใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์อัลตราโซนิก (Ultrasonic Sensor) ในการตรวจจับพื้นพรม ทำให้ตรวจจับพื้นพรมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งในแผนที่จะสามารถแสดงพื้นที่ของพื้นพรมให้รับทราบได้ด้วย
4.Roborock S7 ใช้เทคโนโลยี PreciSense™ LiDAR (ซึ่งเป็นเทคโนโลยี LiDAR แบบเดียวกับของรถยนต์ขับเคลื่อนเอง) มีการแสนพื้นที่รอบข้างด้วยความเร็ว 300 รอบต่อนาที* ทำให้มีการรับรู้ตำแหน่ง และพื้นที่โดยรอบได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำสูงมาก และมีระบบการคำนวณเส้นทางการทำงานที่ชาญฉลาด (AI Adaptive Route Algorithms) โดยจะหาเส้นทางการทำงานที่ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด
5.Roborock S7 สามารถตั้งค่าให้เพิ่มแรงดูดอัตโนมัติเมื่ออยู่บนพื้นพรมได้ (Carpet Boost Function)
6.Roborock S7 มีเทคโนโลยีการถูแบบสั่นสะเทือนที่ดีที่สุดในโลก ด้วยการสั่นสะเทือนที่ทรงพลังทำให้มีการขัดถูได้สูงสุด 3,000 ครั้งต่อนาที* และมีแรงกดคงที่บนพื้นประมาณ 600 กรัม* ทำให้สามารถทำความสะอาดพื้นได้อย่างสะอาดล้ำลึกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7.Roborock S7 ใช้เทคโนโลยีระบบปั๊มน้ำไฟฟ้า (SnapMop™ Electric Water Pump) ในการควบคุมการหยดไหลของน้ำได้อย่างแม่นยำและคงที่อย่างมีประสิทธิภาพ
8.Roborock S7 มีเทคโนโลยีการยกขึ้นหรือกดลงอัตโนมัติของชุดฟังก์ชั่นถู (Auto-Lifting Mop) เช่น เมื่อ S7 ตรวจจับพื้นพรม สามารถตั้งค่าให้หุ่นยนต์ยกชุดฟังก์ชั่นถูขึ้นอัตโนมัติได้ เพื่อไม่ให้หุ่นยนต์ถูเปียกบนพื้นพรม
9.Roborock S7 สามารถรองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน Roborock หรือ Mi Home ได้ โดยในแอปฯ สามารถเลือกเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์และหลายรุ่นของหุ่นยนต์ Roborock พร้อมกันได้ ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
10.Roborock S7 สามารถแสดงเส้นทางการทำงานหรือแผนที่การทำงานได้อย่างละเอียดในแอปพลิเคชัน และสามารถดูเส้นทางการทำงานได้แบบ Real-Time ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
11.Roborock S7 รองรับการตั้งค่าเสียงพูดของหุ่นยนต์เพื่อแจ้งเตือน หรือบอกสถานะต่างๆ ได้หลายภาษา เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เป็นต้น และสามารถปรับระดับความดังของเสียงพูดได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control) โดยสามารถตั้งค่าให้ทำงานได้กับ Siri, Amazon Alexa, Google Home
12.Roborock S7 สามารถทำงานครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 300 ตร.ม. ต่อการชาร์จเต็ม และสามารถทำงานได้นานสูงสุดถึง 180 นาที ต่อการชาร์จเต็ม
จริงๆมันมีเยอะกว่านี้มากๆครับ แต่อันนี้ขอหยิบที่เป็นไฮไลค์มาพูดให้เห็นภาพกันก่อน ต่อจากนี้เราจะพาไปยลโฉมเจ้า Roborock S7 กันครับ
Design
Roborock S7 เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทรงกลมมาตราฐาน ตัวเครื่องที่รีวิวคือสีขาว บริเวณด้านบนจะมี แท่นสำหรับเป็นที่อยู่ของกล้อง PreciSense Lidar สำหรับตรวจจับและสแกนพื้นที่โดยรอบ
ด้านหน้ามีปุ่มควบคุม 3 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่ม Home (กดหยุดชั่วคราวหรือกลับแท่นชาร์จ , ปุ่ม Power และ Spot Cleaning/Child Lock พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน ประกอบด้วย
สีขาว : กำลังดูดฝุ่น
สีน้ำเงิน : กำลังดูดฝุ่นและถูพื้น
สีส้ม : การแจ้งเตือนบางอย่าง
สีเขียว : อยู่ที่แท่นชาร์จ/กำลังชาร์จ
ฝาด้านบนเมื่อเปิดขึ้นมาจะเจอกันกล่องเก็บฝุ่นผงโดยความจุของกล่องเก็บฝุ่น หรือ Dustbin Capacity มีขนาด 470 มิลลิลิตร (ml)
พร้อมกันนี้ยังมีฟิลเตอร์กรองฝุ่น หรือ Washable Dust Filter ที่มีประสิทธิภาพการกรองที่ดีเยี่ยมด้วยระดับการกรอง HEPA E11 ซึ่งสามารถกรองฝุ่นได้อย่างละเอียดรวมถึงฝุ่น PM2.5, ละอองเกสรดอกไม้, เชื้อรา และสามารถล้างทำความสะอาดฟิลเตอร์กรองฝุ่นแล้วนำกลับมาใช้ต่อได้อีกด้วย
ด้านท้ายของตัวเครื่องจะเป็นถังเก็บน้ำ สำหรับใช้ตอนถูพื้น ความจุ 300 มิลลิลิตร พร้อม เพลตสำหรับติดแผ่นถูพื้นข้างใต้
ตัวถังน้ำใช้เทคโนโลยีระบบปั๊มน้ำไฟฟ้า (SnapMop™ Electric Water Pump) ในการควบคุมการหยดไหลของน้ำลงบนแผ่นถูได้อย่างแม่นยำและคงที่ โดยสามารถกำหนดระดับการหยดไหลได้ 4 แบบ ได้แก่ ปิดการหยดไหลของน้ำ - Close Mode , น้ำน้อย - Mild Mode, น้ำแบบปานกลาง - Moderate Mode และ น้ำแบบมากที่สุด - Intense Mode
โดยมีระบบ Auto-Lifting Mop ซึ่งถ้าเราไม่อยากให้ถู หรือ น้ำในถังหมด หรือ กลับแท่นชาร์จ มันจะทำการยกผ้าถูพื้นขึ้นจากพื้่นโดยอัตโนมัติ แตกต่างจากหุ่นยนต์รุ่นก่อนหน้าหรือแบรนด์อื่นๆที่ต้องถอดตัว Mop ออกหรือเทน้ำทิ้งถ้าไม่อยากใช้ฟังก์ชั่นถู ทำให้เสียเวลาถอดเข้าถอดออกอย่างมาก
ด้านล่างของตัวหุ่นยนต์ประกอบด้วยเซนเซอร์มากมายกว่า 23 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น ล้อหมุนรอบทิศทาง, แปรงปัดหลัก, แปรงปัดด้านข้าง, เซนเซอร์กันตก, เซนเซอร์ผนัง, เซนเซอร์ชาร์จ และ ไฮไลค์ทีเด็ดก็คือ
Ultrasonic Sensor ที่ใช้ในการตรวจจับพรมได้อย่างแม่นยำ พอเซนเซอร์ Detect รู้ว่าเป็นพรม ก็จะสามารถตัดสินใจได้ตามคำสั่งเราว่าจะให้ทำอย่างไรกับพรม ประกอบด้วย
1.Rise (ยกผ้าถูพื้นขึ้น เพื่อป้องกันการลากผ้าถูพื้นไปบนพรม จากนั้นให้ปีนพรมขึ้นไปดูดทำความสะอาดต่อไป)
2.Avoid (หลีกเลี่ยงการขึ้นพรม คือให้เดินอ้อมไป)
3.Ignore (ไม่สนใจ ทำความสะอาดตามปกติ ไม่ยกผ้าถูพื้นขึ้น)
พร้อมกันนี้ยังมีฟังก์ชั่น Carpet Boost ที่เพิ่มกำลังดูดในกรณี Detect เจอพรม (ต้องตั้ง Rise หรือ Avoid ไว้นะ) ซึ่งตรงนี้ชอบมากๆ เพราะพรมเป็นส่วนที่เก็บฝุ่นผงหรือขยะมากที่สุดของบ้านครับ ใช้ Carpet Boost นี่คือสะอาดแบบเห็นผลทันตา
อ้อออ ลืมพูดเรื่อง แปรงปัดหลัก เลยครับ เจ้านี่ถูกออกแบบมาใหม่ เพื่อแก้ปัญหาแสนปวดหัวของผู้ใช้ นั่นก็คือ เศษด้ายหรือเชือกเข้าไปพันในแปรง ต้องมาแกะออกวุ่นวายมาก แต่แปรงแบบใหม่นี้เป็นยางขึ้นรูปหล่อแบบชิ้นเดียวเป็นเกลียวตลอดอัน ทำให้ลดโอกาสที่เศษด้ายหรือเชือกจะเข้าไปพัน ที่สำคัญสามารถถอดล้างได้เลยครับ
การเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่น
สามารถเชื่อมต่อผ่านแอพ Roborock หรือ Mi Home ได้ทั้งคู่ ขั้นตอนการจับคู่ก็ง่ายๆครับ
และเมื่อคุณจับคู่เสร็จ พร้อมกับปล่อยให้หุ่นวิ่งออกไปครั้งแรก ต้องรอให้มันสร้างแผนที่ให้เสร็จก่อนจึงจะสามารถใช้ฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆได้
โดยเมื่อสร้างแผนที่เสร็จตัวแอพจะบอกว่า บ้านเรามีพื้นที่ในการทำความสะอาดกี่ตารางเมตร, ใช้เวลาเท่าไหร่ในการทำงาน และ เส้นทางการเดินของหุ่นเป็นอย่างไร
ทั้งนี้หลังจากสร้างแผนที่เสร็จเราสามารถกั้นห้องตามการใช้งานได้ เช่น กั้นกำแพงเสมือนไม่ต้องให้มายุ่งบริเวณพื้นที่ตรงนี้ ซึ่ง อาจเป็นสายไฟหรืออะไรที่อันตราย
หรือการแบ่งห้องตามประเภทการทำงาน เช่น ห้องนั่งเล่นดูดฝุ่นอย่างเดียว แต่ห้องครัวต้องดูดและถูพื้นด้วย แบบนี้ก็ทำได้
และการแบ่ง Floor หากบ้านคุณมีหลายชั้น ก็สามารถกำหนดตำแหน่งการทำงานได้เช่นกัน
ตัวแอพจะมี Log แจ้งเตือนการทำงานในทุกขั้นตอน ดังนั้นเราจะทราบทุกการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์และสามารถแก้ปัญหาเวลาเกิดเหตุได้ครับ
ทีเด็ดคือ สามารถเปลี่ยนเสียงรับคำสั่ง (Voice Command) เป็นภาษาไทยได้ และมีให้เลือกอีกนับสิบภาษา แถมพูดชัดถ้อยชัดคำอีกด้วยครับ
มี Maintenance โหมดสำหรับดูอายุการใช้งานของฟิลเตอร์ต่างๆในเครื่องได้ พร้อมกันนี้ตัว Voice Command ยังสามารถพูดแจ้งเตือนในกรณีที่อุปกรณ์หมดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
และยังมีโหมดบังคับแบบ Remote ด้วยเช่นกัน
การทำงานกำหนดแบบ Schedule ได้
และการ Update Firmware ก็มีให้อย่างสม่ำเสมอ
สรุป
Roborock S7 คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้นแบบ All in One ที่มีครบจบในเครื่องเดียวจริงๆครับ การทำงานทุกอย่างผสมผสานกลมกลืนกันเป็นอย่างมาก ทั้งระบบ HyperForce ที่มีแรงดูด 2,500 Pa พร้อม แปรงปัดหลักแบบพิเศษที่หมุนด้วยความเร็ว 1,650 รอบ/นาที พร้อมฟีเจอร์ Carpet Boost ดูดพรมสะอาดกว่าที่้เคย และระบบถูพื้นด้วยความถี่ Sonic Mopping 3,000 ครั้ง/นาที + Auto Lifting Mop ลดความยุ่งยากในการถอดเข้าถอดออก แถมยังสะดวกแบบไม่เคยเห็นมาก่อนในหุ่นยนต์รุ่นอื่น ฟีเจอร์พิเศษก็มีมาก แถมยังฉลาดขึ้นไปอีกขั้น บอกได้แค่ว่าคุณจะพบมิติใหม่ของการทำความสะอาดด้วยหุ่นยนต์แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อนแน่นอนครับ
ฝากทิ้งท้ายนิดว่า Roborock S7 รุ่นนี้จะรองรับการใช้กับ Auto-Empty Station ซึ่งจะมีให้เลือกซื้อเพิ่มเติมและวางจำหน่ายในช่วงกลางปีนี้
การรับประกัน
รับประกัน 2 ปีเต็มทุกชิ้นส่วน(รวมถึงเซนเซอร์ LiDAR และแบตเตอรี่ด้วย) *เงื่อนไขการรับประกันเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด
ราคาจำหน่าย : 39,900 บาท
ปัจจุบันทำโปรโมชั่นอยู่ที่ 22,900 บาท
สนใจดูรายละเอียด Roborock S7 เพิ่มเติมได้ที่
Roborock Store ที่ Central World ชั้น 4
Line Official Account : @RoborockThailand
Tel.: 0823881688
Facebook (ค้นหาว่า “Roborock Thailand”) :
https://www.facebook.com/roborocktha
Instagram (@roborockthailand) :
https://www.instagram.com/roborockthailand/
Website :
Comments
Post a Comment