เปิดตัว OnePlus 11 ในประเทศจีน อย่างเป็นทางการ !!! มาพร้อมหน้าจอ 2.75D Flexible Curved E6 AMOLED LTPO 3.0 , ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 , RAM สูงสุด 16 GB , กล้องหลัง Hasselblad และ ระบบชาร์จ 100W SuperVOOC !!!!
OnePlus เปิดตัว OnePlus 11 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของบริษัท ในประเทศจีน โดยมีหน้าจอ 2.75D ขนาด 6.7 นิ้ว พร้อมความละเอียด 2K และใช้พาแนล Samsung LTPO 3.0 ที่รองรับอัตราการรีเฟรช 1 ถึง 120 Hz และรองรับ Dolby Vision
ใช้งานชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 พร้อมรองรับ RAM LPDDR5X สูงสุด 16 GB และ ROM UFS 4.0 สูงสุด 512 GB
มีกราไฟต์ประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ พร้อมการออกแบบเส้นทางการกระจายความร้อนใหม่ ดังนั้นประสิทธิภาพการกระจายความร้อนจึงสูงกว่าระบบกราฟีนเเบบเดิมถึง 92%
ตัวเครื่อง OnePlus 11 มีการออกแบบที่สวยงามใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหลุมดำ โดยสี Endless Black ใช้กระจก Silk Glass รุ่นที่สี่ ซึ่งให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับผ้าไหมจริงอย่างมาก
ใช้มอเตอร์สั่นแบบไบโอนิคตัวแรกของโลก ซึ่งเป็นมอเตอร์ที่มีกำลังมากกว่า 600 มม.³ พร้อมด้วยเทคโนโลยีวงจรแม่เหล็กแบบฟูลเฟส
นอกจากนี้ OnePlus 11 ยังเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกในโลก ที่มีฟีเจอร์ Graphics Engine แบบปรับแต่งพิเศษ สำหรับให้อัตราเฟรมที่สูงและคุณภาพของภาพแบบเนทีฟ ซึ่งเปิดศักราชใหม่แห่งการเล่นเกมบนมือถือ โดยไม่ว่าเกมเดิมจะรองรับเฟรมเรตเท่าใด ตัวเครื่อง OnePlus 11 จะเสนอการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้เป็น 120 fps
มีกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์ Sony IMX890 รองรับ OIS , กล้อง TelePhoto 32 ล้านพิกเซล , เซนเซอร์ IMX709 รองรับ Optical Zoom 2x ที่ให้ภาพถ่าย Portrait ที่ดีขึ้น และปริมาณแสงที่เพิ่มขึ้น 416% นอกจากนี้ยังมีกล้อง Ultra Wide 48 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์ IMX581 ที่รองรับการถ่ายภาพมาโครอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีระบบลำโพง Stereo ที่ถูกปรับปรุงใหม่ โดยใช้ลำโพงแม่เหล็กแบบวงแหวนคู่ ที่เรียกว่า Super-linear 4.0 ให้ความดังและมีมิติเสียงที่ดียิ่งขึ้น
OnePlus 11 มีแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว 100W ที่สามารถชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 10 นาที และ 100% ใน 25 นาที แต่ไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย
สเปค OnePlus 11 5G
หน้าจอ Flexible Curved E6 AMOLED LTPO 3.0 ขนาด 6.7 นิ้ว , ขอบโค้ง 2.75D , ความละเอียด Quad HD+ (3216 x 1440 พิกเซล) , อัตราการรีเฟรช 120 Hz แบบ Adaptive Sync , รองรับ HDR10+ , ความสว่างสูงสุด 1300 nits , ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Goriila Glass Victus
CPU : Snapdragon 8 Gen 2
GPU : Adreno 740
RAM : 12 GB/16 GB ชนิด LPDDR5x
ROM : 256 GB/512 GB ชนิด UFS 4.0
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ 5G Dual Mode
กล้องหลัง Hasselblad 3 ตัว ความละเอียด 50 + 48 + 32 ล้านพิกเซล , f/1.8 + f/2.2 + f/2.0 , เลนส์ 6P , เซนเซอร์ Sony IMX890 + IMX581 + IMX709 , รองรับ OIS , รองรับ Ultra Wide มุมกว้าง 115 องศา และ TelePhoto Optical Zoom 2X
กล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 8K @ 24 fps
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล , f/2.4
กล้องหน้ารองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 1080P @ 30 fps
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ
รองรับลำโพงคู่แบบ Stereo + ระบบเสียง Dolby Atmos
รองรับ Wi-Fi 6 802.11 ax 2X2 MIMO, Bluetooth 5.3, GPS (L1+L5 Dual Band) + GLONASS และ NFC
รองรับระบบระบายความร้อนแบบ Graphine Cooling
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C
แบตเตอรี่ความจุ : 5000 mAh + 100W SuperVOOC
ระบบปฎิบัติการ : Android 13 + ColorOS 13 (ในจีน) / OxygenOS 13 (ทั่วโลก)
ขนาด : 163.1×74.1×8.53 mm.
น้ำหนัก : 205 กรัม
ราคาและการวางจำหน่ายในประเทศจีน
รุ่น RAM 12 GB/ROM 256 GB ราคา 3999 หยวน (ประมาณ 19,950 บาท)
รุ่น RAM 16 GB/ROM 256 GB ราคา 4399 หยวน (ประมาณ 21,950 บาท)
รุ่น RAM 16 GB/ROM 512 GB ราคา 4899 หยวน (ประมาณ 24,430 บาท)
สามารถสั่งซื้อได้แล้วและจะวางจำหน่ายในประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม เป็นต้นไป โดยจะเปิดตัวระดับ Global ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์
Source : FoneArena
Article By : โลกไอทีวันนี้
Comments
Post a Comment