FullReview | vivo V40 Series 5G "พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน" ด้วยกล้อง ZEISS 50MP ทุกเลนส์ เสริมแกร่งด้วย ทนน้ำทนฝุ่น IP68 และ ลำโพงคู่ Stereo !
vivo ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน V40 Series 5G ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ประกอบด้วย vivo V40 5G และ V40 Pro 5G มาพร้อมกับสโลแกน "ZEISS Portrait So Pro หรือ พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน" โดยชูความสามารถด้านการถ่ายภาพพอร์ตเทรตอันเป็นจุดเด่นของ vivo มาตลอด ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ระดับโลกอย่าง ZEISS
Unboxing
กล่องของ vivo V40 Series 5G ทั้งสองรุ่น มีทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า โทนสีเทาดำ พร้อมด้วย Texture กล่องแบบสะท้อนแสงเป็นรูปตัวอักษร vivo และไฟวงแหวนขนาดใหญ่
ภายในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง vivo V40 Series 5G
- Adapter vivo FlashCharge 80W
- สาย USB Type - C
- เคสซิลิโคน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
🔵 สเปค vivo V40 5G (V2348)
หน้าจอ curved OLED 10bit ขนาด 6.78 นิ้ว , ความละเอียด 1.5K , อัตรารีเฟรช 120Hz , Touch Sampling Rate 480Hz , PWM Dimming 2160Hz , ความสว่างสูงสุด 4500nits , รองรับ HDR10+
CPU : Snapdragon 7 Gen 3 (4 nm)
RAM : 12GB ชนิด LPDDR4x
ROM : 256GB/512GB ชนิด UFS 2.2
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ 5G Dual Mode
กล้องหลังคู่ ความละเอียด 50 + 50 ล้านพิกเซล , f/1.88 + f/2.0 + , เซนเซอร์หลัก Samsung GNJ , รองรับ OIS , รองรับเลนส์ Ultra Wide , เซนเซอร์ Samsung JN1 และ ไฟ Aura Light
รองรับการบันทึก VDO 4K
กล้องหน้า Auto Focus 50 ล้านพิกเซล , เซนเซอร์ Samsung JN1 , มุมกว้าง 92 องศา
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ
รองรับลำโพงคู่แบบ Stereo
รองรับการทนน้ำทนฝุ่นมาตรฐาน IP68
รองรับ Wi-Fi 6 802.11 be, Bluetooth 5.4, GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS, NFC
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0
แบตเตอรี่ความจุ : 5500mAh + 80W FlashCharge
ระบบปฎิบัติการ : Android 14 + FunTouch 14
ดีไซน์ใหม่ Gemini Ring
การออกแบบของ vivo V40 Series 5G ยังคงมาพร้อมดีไซน์ที่หรูหรา และคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ที่มีสไตล์ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ , ศิลปะ พร้อมทั้งผสมผสานนวัตกรรมใหม่ สะท้อนความงานด้วยเฉดสีที่ทันสมัย กับดีไซน์โมดูลกล้องแบบ 'Gemini Ring' ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสมมาตรอันงดงามและมีเอกลักษณ์ของกลุ่มดาวราศีเมถุน
โดยสำหรับ vivo V40 5G จะมีวางจำหน่ายประกอบด้วยกัน 3 สี ได้แก่
สี Sunglow Peach
สีพีชซันโกลวคล้ายกับแสงแรกของดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในยามเช้า มอบพลังบวกผสานความรู้สึกสงบและอบอุ่น เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความหวังและการเริ่มต้นใหม่ ซึ่งต้องบอกว่าสวยหวานสุดๆครับ และสีนี้น่าจะถูกใจใครหลายๆคนกันเลยทีเดียว
สี Stellar Silver
สีเงินสเตลลาร์ ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับกระจก Fluorite AG มอบสัมผัสของตัวเครื่องที่หรูหรา ทันสมัย และมีระดับ
สี Nebula Purple
สีม่วงเนบิวลา เปรียบได้กับสีของท้องฟ้าเวลากลางคืนยามปกคลุมด้วยหมอกดาว มอบความรู้สึกลึกลับ น่าค้นหา น่าหลงไหลเหนือกาลเวลา
(ส่วน vivo V40 Pro 5G จะมีสีเดียวคือ สี Stellar Silver)
และที่พิเศษคือตัวเคสกันกระแทกที่แถมให้ในกล่องก็จะแตกต่างกันตามสีเครื่องด้วย โดยสี Sunglow Peach จะให้เป็นเคสใสโชว์สีเครื่อง ส่วนอีกสองสีจะเป็นเคสทึบสีตามตัวเครื่อง อย่างสวยเลยครับ
โฉบเฉี่ยว เพรียวบาง เหมาะแก่การจับถือ
vivo V40 Series 5G มีขนาด 164.16×74.93×7.58 มม. และมี น้ำหนัก 190 กรัม ถือจับสะดวกมือ บางเบา อีกทั้งยังดีไซน์เฟรมเครื่องแบบขอบโค้งมน สร้างความหวือหวาให้ดูทันสมัย
ด้านเฟรมเครื่องเป็นแบบขึ้นรูปชิ้นเดียว ความบางเพียง 2.4 มม. เท่านั้น (และรวมทั้งหมดหนาเพียง 7.58 mm.) น้ำหนัก 190 กรัม ถือจับง่ายเบาสบายมือ
ช่องและพอร์ตต่างๆก็มีมาให้ทั้ง USB Type - C , ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Duo Slot ที่ใส่ 2 ซิม พร้อมกัน
ด้านหลังจะมีกล้องวางบนกรอบโมดูลทั้ง 2 เลนส์ พร้อมไฟ Aura Light Portrait แบบใหม่ ซึ่งสีของโมดูลกล้องหลังถูกออกแบบให้กลมกลืนกับสีของฝาหลัง ดูสะอาดตา แต่ว่าโฉบเฉี่ยวและน่าดึงดูดใจสุดๆ
อีกทั้งยังผ่านการรองรับมาตรฐานทนน้ำ ทนฝุ่น IP68 ช่วยป้องกันน้ำและฝุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ
"ทั้งหมดนี้ทำให้ภาพรวมของการออกแบบ vivo V40 5G ออกมาสวยงามน่าหลงใหล บนความปราณีต และ หรูหรา ที่มองอย่างไรก็ไม่มีวันเบื่อ"
หน้าจอที่เหนือระดับกว่าใคร
vivo V40 Series 5G ทั้งสองรุ่น มาพร้อมหน้าจอขอบโค้ง 3D ชนิด AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว , ความละเอียด 1.5K (2800 × 1260 พิกเซล) , รองรับอัตรา Refresh Rate 120Hz , อัตรา Touch Sampling Rate 480Hz , HDR10+ , DCI - P3 Color Gamut แสดงผล 1.07 พันล้านสี , อัตราส่วน 20 : 9 , ความหนาแน่น 452 PPI , ความสว่างสูงสุด 4500nits , การลดแสง PWM Dimming 2160Hz
โดยจอโค้ง 3D แบบ 55 องศา ถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ทำให้จับถือถนัดมือ พร้อมทั้งมอบประสบการณ์การรับชมเสมือนจอระดับโรงภาพยนตร์ ตอบสนองรวดเร็ว
โดยภาพรวม หน้าจอของ vivo V40 Series 5G ยังคงรักษามาตรฐานหน้าจอระดับสูง ที่ให้สีสันที่คมชัด สว่างสดใส สมจริง ให้ภาพที่พิเศษสุด และมีขนาดใหญ่เต็มตา ด้วยขอบจอโค้ง 3D ที่ค่อนข้างบางมาก สามารถสู้แสงแดดได้แม้ใช้งานในสภาวะกลางแจ้งได้สบายๆ
ส่วนรูเจาะด้านบนมีกล้องหน้า ZEISS ออโต้โฟกัส ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายรายละเอียดบนใบหน้าได้อย่างคมชัดครบถ้วน
Software
vivo V40 Series 5G มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 14 ภายใต้ FunTouch OS 14 เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งเป็น UI ที่ยังคงมีหน้าตาเรียบง่ายสวยงามและใช้งานไม่ยุ่งยาก โดยหน้าตา Home screen , AppDrawer นั้นจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างมาก และยังปรับแต่งได้หลากหลาย
Hardware & Performance
vivo V40 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 3 ผลิตโดยใช้โปรเซสเซอร์ 4nm ของ TSMC มี CPU Cortex-A715 สี่คอร์ โดยหนึ่งคอร์โอเวอร์คล็อกที่ 2.63GHz และส่วนที่เหลือทำงานที่ 2.4GHz มี CPU Cortex-A510 สี่คอร์ โอเวอร์คล็อกที่ 1.8GHz มี Hexagon NPU รองรับการประมวลผล AI บนอุปกรณ์
โดยชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 3 นับเป็นรุ่นต่อของ Snapdragon 7 Gen 1 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว มี CPU เร็วกว่า Snapdragon 7 Gen 1 ถึง 15% และ Adreno 720 GPU ภายใน Snapdragon 7 Gen 3 เร็วกว่า Adreno 710 GPU ใน Snapdragon 7 Gen 1 ถึง 50%
นอกจากนี้ยังรองรับ OpenGL ES 3.2, OpenCL 2.0 FP และ Vulkan 1.3 API อีกด้วย รองรับเกม HDR เช่นกัน นอกจากนี้ ประสิทธิภาพ AI ของชิปตัวใหม่ต่อวัตต์ยังสูงกว่า Snapdragon 7 Gen 1 ถึง 60% และ Qualcomm ยังเผยว่าชิปตัวใหม่นั้นประหยัดพลังงานมากกว่า 20%
มาพร้อม RAM สูงสุด 12GB กับฟีเจอร์ Extended RAM 4.0 ที่อัปเกรดขึ้น เพื่อที่จะซัพพอร์ตหน่วยความจำ RAM ตัวหลัก มอบประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น โดยจะดึงพื้นที่ ROM มาจำนวนสูงสุด 12GB เพื่อใช้เป็นพื้นที่ RAM ให้มากขึ้น ทำให้คุณสามารถสลับการใช้งานระหว่างแอปได้รวดเร็วและไม่สะดุดมากกว่าที่เคย
Extended RAM 4.0 ทำให้แอปมีอัตราการเปิดเครื่องเร็วขึ้น ส่งผลให้แอปเริ่มเร็วขึ้น และลดโอกาสที่กระบวนการถูกยกเลิกในพื้นหลังเนื่องจากหน่วยความจำไม่เพียงพอทำให้แอปค้าง เมื่อแอปทั้งหมดโหลดพร้อมกัน เทคโนโลยีนี้ยังทำงานร่วมกับแอนิเมชั่นที่ลื่นไหลและมีคุณภาพสูง ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นแก้ผู้ใช้อีกด้วย
และผลทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม Geekbench 6.0 ทำคะแนนได้ดังนี้
Single Core : 1158 คะแนน
Multi Core : 3241 คะแนน
🔊 Gaming + ระดับลำโพงคู่ Stereo
สำหรับประสบการณ์ในการเล่นเกมส์ด้วย vivo V40 5G นั้นเรียกได้ว่าเหนือระดับสุดในรุ่น โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ Multi-Turbo ใหม่ล่าสุด ซึ่งช่วยปรับปรุงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มอบความเร็วในการทำงานของหน่วยประมวลผล และช่วยประหยัดพลังงาน
จากการทดสอบด้วย PUBG Mobile นั้นพบว่าสามารถปรับกราฟฟิคเกมได้ในระดับ HDR และ เฟรมเรทในระดับ Ultra และสามารถเล่นได้ต่อเนื่องโดยที่ไม่มีอาการกระตุกเลย
และที่เซอร์ไพรส์คือ Dual Stereo Speaker ครั้งแรกใน V Series! ที่มาพร้อมระบบเสียง 3 มิติ เพิ่มเสียงเบส ให้ดูมีชีวิตชีวาตลอดการใช้งาน มอบประสบการณ์ความบันเทิงได้อย่างเต็มอิ่มทั้งภาพและเสียง
Camera System ระบบกล้องประกอบด้วย
กล้องหลัก ZEISS 50 ล้านพิกเซล OIS , f/1.88
กล้อง Ultra Wide Angle ZEISS 50 ล้านพิกเซล , f/2.2
กล้องหน้า ZEISS 50 ล้านพิกเซล , f/2.0
พร้อมไฟวงแหวน Aura Light Portrait
ในเรื่องของระบบกล้อง ถือว่าเป็นการอัปเกรดที่น่าสนใจมาก เพราะรอบนี้ vivo V40 5G ได้กล้อง ZEISS เหมือนกัน จากเดิมที่ vivo V30 ไม่มี ZEISS แล้วไปมีแค่รุ่น Pro จัดว่าน่าสนใจมากๆครับ
โดยจุดเด่นสำคัญของ vivo V40 5G อยู่ที่ กล้องหลัก 50MP ZEISS OIS Main Camera ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL GNJ ขนาด 1/1.56 นิ้ว เพิ่มการรับแสงได้มากขึ้น 2.8 เท่า พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS (Optical Image Stabilization) ช่วยลดความเบลอที่เกิดจากการสั่นของมือได้อย่างดีเยี่ยม มาพร้อมกับกล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide-Angle Camera ที่มีจำนวนพิกเซลมากกว่ากล้องมุมกว้างมาตรฐาน 8 ล้านพิกเซล ถึง 6.5 เท่า
จะมีกล้องหน้า Auto Focus ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล , f/2.0 , มุมกว้าง 92⁰ พร้อม Autofocus
ซึ่งเซ็นเซอร์ภาพหลัก ISOCELL GNJ ที่มีขนาดใหญ่ 1/1.56" จะรับแสงได้มากขึ้น โฟกัสเร็วขึ้น ช่วยการรับแสงและเก็บรายละเอียดให้คมชัดในทุกองค์ประกอบ เพื่อคุณภาพการบันทึกภาพที่ดีเยี่ยมแม้ในที่แสงน้อย พร้อมด้วยเทคโนโลยีกันสั่น OIS และ EIS ที่ช่วยป้องกันการสั่นของกล้องและเพิ่มแสงมากขึ้น
สำหรับการถ่าย VDO นั้นรองรับความละเอียดสูงสุดที่ 4K @ 30 fps ซูมได้สูงสุด 10 เท่า และยังมี Movie โบเก้ของ ZEISS ให้ใช้งานอีกด้วย
Studio - Quality Aura Light Portrait
vivo V40 Series 5G ยังมีจุดเด่นคือ ‘Aura Light Portrait’ ที่นำเสนอวงแหวนออร่าขนาดเล็กลง แต่กลับมอบความสว่างและคมชัดยิ่งขึ้นถึง 33% เพื่อภาพพอร์ตเทรตที่สวยงามและสมบูรณ์แบบอย่างเป็นธรรมชาติ
โดยเทคโนโลยี “Aura Light Portrait System” หรือระบบแสงออร่าพอร์ตเทรตเพื่อเข้ามาเป็นตัวช่วยสำหรับสายถ่ายภาพ โดยผสานการทำงานของ “วงแหวนออร่า” หรือไฟแฟลชรูปทรงกลมพร้อมความสามารถในการตรวจจับสภาวะแสงและปรับอุณหภูมิสีให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมอย่างอัจฉริยะ ควบคู่กับนวัตกรรมการถ่ายภาพของ vivo ที่จะช่วยเพิ่มมิติและความโดดเด่นให้กับภาพถ่ายบุคคล มอบผลลัพธ์ภาพพอร์ตเทรตกลางคืนที่คมชัด สีสันสมจริง และเป็นธรรมชาติในทุกมุมมอง
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันอุณหภูมิสีอัจฉริยะที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับให้เหมาะสมกับทุกสภาพแวดล้อม ทำให้สามารถเก็บช่วงเวลายามค่ำคืนได้อย่างมีชีวิตชีวาและสมบูรณ์แบบในทุกมิติไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะแสงโทนเย็นหรือโทนร้อน
และเทคโนโลยีควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ มอบแสงที่นุ่มนวลและครอบคลุมยิ่งขึ้นในภาพถ่ายระยะใกล้ และแสงที่สว่าง เพิ่มชัดเจนในภาพถ่ายระยะไกล
อีกทั้งยังพบกับครั้งแรก ใน V Series กับ AI 3D Studio Lighting! อัลกอริทึม AI เติมแสงบนใบหน้าผ่านระบบวิเคราะห์แบบ 3 มิติ มอบภาพถ่ายที่สวยสมจริง ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ZEISS Multifocal Portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคล รวมทุกระยะโฟกัสระดับมืออาชีพ
ต้องบอกว่าระบบซอฟแวร์กล้องก็ให้ ZEISS มาแบบจัดเต็มไม่แพ้รุ่นเรือธง ด้วย ZEISS Multi Focal Portrait ที่มีมาให้เลือกใช้ 3 ระยะคือ 24mm./35mm./50mm.
• 24mm สำหรับถ่ายภาพแนวท่องเที่ยวหรือเชิงสร้างสรรค์
• 35mm สำหรับถ่ายภาพบุคคลและภาพบรรยากาศ
• 50mm สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบครึ่งตัว
และยังมีโบเก้ที่เป็นเอกลักษณ์ของ ZEISS มาให้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น Biotar, B-speed, Sonnar, Planar, Distagon,Cine-flare และ Cinematic
จากการทดสอบ กล้องหลัก ZEISS ให้รายละเอียดที่คมชัดสูง โดยเฉพาะในโหมด High Resolution (ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล) และ มี Dynamic ของภาพที่ดี ภายใต้สภาวะแสงแบบต่างๆทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
โหมด Portrait ละลายหลังได้เป็นธรรมชาติ มีการตัดขอบได้ค่อนข้างเนียนตามาก สามารถปรับระดับเบลอหลังแบบ Manual ได้ และยังสามารถใส่ Filter ได้หลากหลายรูปแบบ และ ไฟวงแหวน Aura Light Portrait ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างดี ทำให้ได้โทนภาพที่ละมุนเป็นธรรมชาติอย่างมาก
ตัวอย่างภาพถ่าย
ตัวอย่างภาพถ่าย Aura Light Portrait
กล้องหน้า ZEISS 50MP
กล้องหน้า ZEISS คมชัด 50 ล้านพิกเซล จะเซลฟี่มุมไหนก็ไม่เบลอ ด้วยกล้องที่คมชัดพร้อมออโต้โฟกัส แม้จะซูมเข้าไปดู ก็ยังเห็นรายละเอียดบนใบหน้าได้อย่างครบถ้วน โดยให้คุณภาพรูปถ่ายในระดับที่สูงมาก พร้อมมุมกว้างถึง 92 องศา สามารถถ่ายได้ 3 ระยะคือ 0.8x ,1x และ 2x อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีปรับแต่งใบหน้าด้วย AI Facial Contouring Technology และ รองรับถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K @ 30 fps เช่นเดียวกับกล้องหลัง
มีการปรับแต่ง Beauty Mode ได้หลายระดับ เอฟเฟคหลายรูปแบบ ทั้งการปรับผิว , รูปหน้า การละลายฉากหลังรูปแบบต่างๆ และ Screen Sportlight
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
AI Features
ใน vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ AI ในการตกแต่งภาพถ่ายทั้ง AI erase ในการลบคนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพด้วย Smart circle แค่วงออกไปเท่านั้น และยังมี AI Photo Enhance เปลี่ยนภาพถ่ายความละเอียดต่ำให้มีความคมชัดระดับ Ultra HD ได้ทันที
🔋แบตเตอรี่
มาพร้อมความจุ 5500mAh ซึ่งถือว่าค่อนข้างใหญ่มากๆๆๆ เมื่อเทียบกับขนาดความบางของตัวเครื่อง โดยเป็นสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดที่ใช้แบตเตอรี่ 5500mAh ด้วยการใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ BlueVolt ทำให้ขนาดแบตเตอรี่เล็กลง 16.5% มีความหนาแน่นของประจุเพิ่มขึ้น 20% ส่งผลให้แบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนขนาดตัวเครื่องเท่าๆกันถึง 1000mAh นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบชาร์จ vivo Flash Charge ที่ให้ความเร็วในการชาร์จ 80W ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ชาร์จได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น ยังให้ความจุแบตขนาดใหญ่และอายุการใช้งานแบตที่เพิ่มขึ้นสองเท่า เมื่อเทียบกับมาตรฐานของอุตสาหกรรม จึงมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานในทุกวัน
พาร์ทรีวิว vivo V40 Pro 5G
👇👇👇
🔵 สเปค vivo V40 Pro 5G
หน้าจอ curved OLED 10bit ขนาด 6.78 นิ้ว , ความละเอียด 1.5K , อัตรารีเฟรช 120Hz , Touch Sampling Rate 480Hz , PWM Dimming 2160Hz , ความสว่างสูงสุด 4500nits , รองรับ HDR10+
CPU : MediaTek Dimensity 9200+ (4nm)
RAM : 12GB ชนิด LPDDR5X
ROM : 512GB ชนิด UFS 3.1
รองรับ 5G Dual Mode
กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 50 + 50 + 50 ล้านพิกเซล , f/1.88 + f/2.0 + f/1.85 , เซนเซอร์หลัก Sony IMX921 , รองรับ OIS , รองรับเลนส์ Ultra Wide , รองรับ TelePhoto Optical Zoom 2x , เซนเซอร์ Sony IMX816 , รองรับ OIS และ ไฟ Aura Light Portrait
รองรับการบันทึก VDO 4K
กล้องหน้า Auto Focus 50 ล้านพิกเซล , เซนเซอร์ Samsung JN1 , มุมกว้าง 92 องศา
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ
รองรับลำโพงคู่แบบ Stereo
รองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตราฐาน IP68
รองรับ Wi-Fi 7 , Bluetooth 5.4, GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS, NFC
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0
แบตเตอรี่ความจุ : 5500mAh + 80W FlashCharge
ระบบปฎิบัติการ : Android 14 + FunTouch 14
โดยรวมแล้ว vivo V40 Pro 5G จะมีส่วนคล้ายคลึงกับ vivo V40 5G อยูประมาณหนึ่ง แต่ก็เรียกได้ว่ามีการอัปเกรดที่สำคัญหลายประการครับ เริ่มต้นที่
เลนส์ซูม ZEISS Telephoto Portrait 50MP
กล้องทุกตัวของ vivo V40 Pro 5G จะมีกล้องหลัง 3 ตัว โดยเพิ่มกล้อง 50MP ZEISS OIS Telephoto Portrait เข้ามา และขยับไฟวงแหวน Aura Light Portrait ลงไปด้านล่าง เป็นจุดสังเกตุที่แตกต่างจาก vivo V40 5G
เสริมด้วยเทคโนโลยี vivo Camera-Bionic Spectrum ประมวลผลภาพให้ใกล้เคียงกับที่ตาเห็น เพิ่มความคมชัดขึ้น 25% และความแม่นยำของสีขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับกล้องมือถือปกติ ทำให้ภาพถ่ายมีความคมชัดใกล้เคียงกับที่ตาเห็น
รองรับการถ่ายภาพภาพ Portrait ในระยะที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นจากการที่มีเลนส์ TelePhto จาก ระยะ 24 มม. , ระยะ 35 มม. , ระยะ 50 มม. ที่มีอยู่ใน vivo V40 5G เพิ่มมาอีกสองระยะ คือ ระยะ 85 มม. และ ระยะ 100 มม. สำหรับถ่ายภาพที่เน้นใบหน้าบุคคล สื่ออารมณ์ได้ชัดเจน
ทางด้านการถ่าย VDO พบว่า vivo V40 Pro 5G รองรับความละเอียดสูงสุดที่ 4K @ 60 fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยทีเดียว
ตัวอย่างภาพถ่าย
ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200+
vivo V40 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 9200+ ถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 ของ TSMC ประกอบด้วย CPU แบบ 64-bit Octa Core (1 + 3 + 4) ซึ่งมีคอร์หลัก Arm Cortex-X3 ความเร็วสูงสุด 3.35GHz + คอร์ด้านประสิทธิภาพ Arm Cortex-A715 ความเร็วสูงสุด 3.0GHz + คอร์ด้านประหยัดพลังงาน Arm Cortex-A510 ความเร็วสูงสุด 2.0GHz พร้อมด้วย GPU – Arm Immortalis-G715
มาพร้อมกับ RAM ขนาด 12GB ชนิด LPDDR5 สามารถขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 12GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM โดยการยืมพื้นที่จาก ROM ขนาด 512GB ชนิด UFS 3.1 มาใช้งาน และเป็นจุดแตกต่างอีกหนึ่งจุดจาก vivo V40 5G คือ รุ่นโปรใช้ใช้ชิปหน่วยความจำมาตรฐานใหม่กว่า จึงมีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลเร็วกว่า
และจากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 6.0 พบว่า vivo V40 Pro 5G ทำได้คะแนนดังนี้
Single Core : 1579 คะแนน
Multi Core : 4809 คะแนน
ราคาและการวางจำหน่าย
vivo V40 5G เปิดราคาทางการในประเทศไทยที่
15,999 บาท ในรุ่นความจุ 12GB+256GB
17,999 บาท ในรุ่นความจุ 12GB+512GB
มีให้เลือก 3 สีได้แก่ สีพีชซันโกลว์ (Sunglow Peach) ,สีม่วงเนบิวลา (Nebula Purple) และ สีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) รับของสมนาคุณ 2 ต่อ ได้แก่ V40 Series 5G Premium Gift Box(มูลค่า 1,500 บาท) และ E-VIP รับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก มูลค่า 8,999 บาท
ส่วน vivo V40 Pro 5G ความจุ 12GB+512GB ราคา 24,999 บาท มีให้เลือกสีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) สีเดียวเท่านั้น รับของสมนาคุณ 3 ต่อ ได้แก่ V40 Series 5G Premium Gift Box(มูลค่า 1,500 บาท) , E-VIP รับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก มูลค่า 8,999 บาท และ หูฟัง vivo TWS 3e(มูลค่า 1,799 บาท)
ทั้ง 2 รุ่น จะวางจำหน่ายทางการตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2024 เป็นต้นไป
สรุป
vivo V40 Series 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ถือว่าทำออกมาตอบโจทย์คนรักการถ่ายภาพแบบพอร์ตเทรตเป็นสำคัญ และเสริมความแข็งแกร่งด้วยระบบกล้อง ZEISS ทุกตัว ไม่ว่าจะกล้องหน้าหรือกล้องหลัง บนความละเอียดที่เท่ากันทั้งหมด พร้อมไฟวงแหวน Aura Light Portrait ที่ปรับสวยสว่างได้ในทุกองศา พร้อมเสริมความแข็งแกร่งทุกด้าน ด้วยการรองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตราฐาน IP68 และ ระบบลำโพงคู่แบบ Stereo พร้อมด้วยความงามของดีไซน์ตัวเครื่อง ที่ยังคงปราณีตในทุกมุมมอง สวยสะดุดตาเกินใคร และ สเปคที่ทรงประสิทธิภาพรอบด้าน ทั้งหมดนี้ทำให้ vivo V40 Series 5G เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่น่าครอบครองเป็นเจ้าของ ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าอย่างแท้จริงครับ
Article By : โลกไอทีวันนี้
Comments
Post a Comment