เปิดตัว HUAWEI Pura 80 Ultra ราชันแห่งสมาร์ทโฟนเรือธงสายกล้อง !!! ด้วยระบบเลนส์ซูมคู่แบบ Switchable Lens ในตลาด Global !!! ไทยตามมาเร็วๆนี้ !


HUAWEI เปิดตัว Pura 80 Ultra ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับกล้องสมาร์ทโฟนและคุณสมบัติระดับสูง


ในแง่การออกแบบ Pura 80 Ultra มาพร้อมกับสีสันที่สวยงามและแวววาวสะท้อนถึงรุ่งอรุณ โดยมีเลนส์สามเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ด้านหลังพร้อมลวดลายตรงกลางและวงแหวนเลนส์แบบไดนามิกสามวงที่มุม


Pura 80 Ultra มีให้เลือกสองสี ได้แก่ สีทองและสีดำ โดยมีขนาด 163 x 76.1 x 8.3 มม. และน้ำหนักเกือบ 233.5 กรัม รูปลักษณ์โดยรวมนั้นสวยงามจับใจครับ


Pura 80 Ultra ใช้หน้าจอ OLED ขนาด 6.8 นิ้ว พร้อมมุมโค้งมน มีอัตรารีเฟรชแบบปรับได้ LTPO 120Hz ความละเอียด Full HD+ (2848 x 1276 พิกเซล) รองรับการหรี่แสง PWM ความถี่สูง 1440Hz , ความหนาแน่น 460 PPI และ อัตราการสุ่มตัวอย่างการสัมผัส 300Hz ความสว่างสูงสุด 3000nits

สามารถแสดงสีได้ 1.07 พันล้านสี ด้วยขอบเขตสีกว้าง P3 นอกจากนี้ยังใช้กระจก Kunlun รุ่นที่ 2 ที่ทำจากบะซอลต์ซึ่งมีความทนทานต่อการตกกระแทกสูงกว่า 25 เท่า และทนต่อรอยขีดข่วนได้ 16 เท่า 

มี RAM 16GB และ พื้นที่เก็บข้อมูล 512GB ใช้งานชิป Kirin 9020 ตัวเดียวกับใน Mate 70 RS มีการกำหนดค่า CPU ดังนี้:

1 Taishan คอร์ขนาดใหญ่ @ 2.50GHz

3 Taishan คอร์ขนาดกลาง @ 2.15GHz

4 Taishan คอร์ขนาดเล็ก @ 1.60GHz

ชิปเซ็ตนี้ยังจับคู่กับ GPU Maleoon 920 ความถี่ 840MHz 

มีแบตเตอรี่ขนาด 5700mAh พร้อมการชาร์จเร็ว 100W , การชาร์จแบบไร้สาย 80W , การชาร์จแบบย้อนกลับแบบมีสาย 18W และการชาร์จไร้สายย้อนกลับ

มีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 โดยกันน้ำได้ลึก 2 เมตร และระดับ IP69 สำหรับอุณหภูมิสูงและแรงดันสูงผ่านเครื่องฉีดน้ำ

HUAWEI ได้อัปเกรด Ark Engine สำหรับ Pura 80 Ultra ซึ่งอ้างว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น 36% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า สามารถโหลดแอปได้เร็วขึ้นและทำงานได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง


ในเรื่องระบบกล้อง Pura 80 Ultra มาพร้อมกล้องหลังอันทรงพลัง 4 ตัว ประกอบด้วย

• กล้องหลัก Ultra-high dynamic range 1 นิ้ว 50MP (รูรับแสงปรับได้ f/1.6-f/4.0 + OIS) เซนเซอร์ RYYB 

• เลนส์เทเลโฟโต้ขนาดใหญ่พิเศษ 50MP (f/2.4 + ระบบกันสั่นไหวแบบเลื่อนเซ็นเซอร์) รองรับการซูมแบบออปติคอล 3.7x และ 9.4x โดยใช้หลักการเลื่อนกระจกเลนส์ในเซนเซอร์ตัวเดียวกัน , รองรับซูมแบบดิจิทัล 100x

• กล้อง Ultra Wide 40MP

• กล้องมัลติสเปกตรัม 1.5MP


โดยกล้องหลักรองรับการถ่ายภาพกลางวันและกลางคืนได้อย่างง่ายดายควบคู่ไปกับสภาพแวดล้อมที่มีแสงและความมืด มีช่วงไดนามิกสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า 15 เท่า ด้วยความช่วยเหลือของเลนส์มัลติสเปกตรัม จึงให้สีสันที่เหมือนธรรมชาติได้อย่างง่ายดาย


อีกด้านหนึ่ง เซ็นเซอร์เทเลโฟโต้คู่ขนาดใหญ่พิเศษช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้อย่างง่ายดายจากระยะไกลด้วยความคมชัดสูงสุด และความสดใสมากขึ้น

ด้านหน้ามีกล้องเซลฟี่ 13MP (f/2.0 + ออโต้โฟกัส) 

โดยระบบกล้องยังมาพร้อมเทคโนโลยีฟิวชั่นแบบเรียลไทม์ ซึ่ง HUAWEI ได้ใช้เทคโนโลยีฟิวชั่นแบบเรียลไทม์สามเท่าที่ช่วยให้สามารถถ่ายวิดีโอแบบไดนามิกได้สูงแม้ในบริเวณที่มืด กล้องยังรองรับการจัดองค์ประกอบอัจฉริยะด้วยความช่วยเหลือของ AI และการสลับความยาวโฟกัสอัตโนมัติเพื่อการถ่ายภาพที่สวยงาม

🟥 สเปค HUAWEI Pura 80 Ultra


หน้าจอ OLED LTPO ขนาด 6.8 นิ้ว , ความละเอียด 2848 × 1276 พิกเซล , อัตรารีเฟรช 120Hz , PWM Dimming 1440Hz , ความสว่างสูงสุด 3000nits , ครอบทับด้วยกระจก Kunlun Glass 2nd Generation
CPU : Hisilicon Kirin 9020 Octa Core
GPU : Maleoon 920 (840 MHz) 
RAM : 16GB
ROM : 512GB
รองรับ 2 Sim Cards
กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 50 + 50 + 40 + 1.5 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย

• กล้องหลัก Ultra-high dynamic range 1 นิ้ว 50MP (รูรับแสงปรับได้ f/1.6-f/4.0 + OIS) เซนเซอร์ RYYB 

• เลนส์เทเลโฟโต้ขนาดใหญ่พิเศษ 50MP (f/2.4 + ระบบกันสั่นไหวแบบเลื่อนเซ็นเซอร์) รองรับการซูมแบบออปติคอล 3.7x และ 9.4x โดยใช้หลักการเลื่อนกระจกเลนส์ในเซนเซอร์ตัวเดียวกัน , รองรับซูมแบบดิจิทัล 100x

• กล้อง Ultra Wide 40MP

• กล้องมัลติสเปกตรัม 1.5MP

กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (f/2.0 + ออโต้โฟกัส) 
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับลำโพงคู่ Stereo
รองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตราฐาน IP68 + IP69
รองรับ Wi-Fi 7 802.11ax, Bluetooth 5.3 , NFC , IR Blaster
พอร์ต USB Type - C 3.0 Gen 2
แบตเตอรี่ความจุ : 5700mAh + 100W Super Charge และ 80W Wireless Charging , รองรับ การชาร์จแบบย้อนกลับแบบมีสาย 18W และ การชาร์จไร้สายย้อนกลับ
ระบบปฎิบัติการ : Android 12 + EMUI 15 
ตัวเลือกสี : Gold / Black 

ราคาและการวางจำหน่าย


HUAWEI Pura 80 Ultra มาในตัวเลือกสี Prestige Gold และ Golden Black ในราคา 1,499 ยูโร (ประมาณ 56,800 บาท) สำหรับรุ่น 16GB + 512GB 

โดยราคาโซนยุโรปจะแพงกว่าบ้านเราประมาณ 15 - 20% (คาดการณ์ว่าไทยน่าจะ 46,900 บาท) และจะเปิดตัวภายในเดือนนี้ครับ 😁

Source : FoneArena 
Article By : โลกไอทีวันนี้ 

Comments