แม้ว่า Apple จะใช้เวลาซุ่มพัฒนา iPhone Fold มานานกว่า 8 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นมือถือจอพับที่ดีที่สุด (แก้ปัญหารอยพับกลางจอ และความทนทานที่คู่แข่งเคยประสบมา) แต่สื่อต่างประเทศมองว่ายังมี "กับดัก" สำคัญที่ผู้ซื้อรุ่นแรกต้องคิดให้หนัก
1.) ราคาเปิดตัวที่สูงลิ่ว
คาดการณ์ว่าราคา iPhone Fold รุ่นแรกอาจพุ่งไปถึง 2,500USD (ประมาณ 85,000 - 90,000 บาท) ซึ่งแพงกว่า iPhone รุ่น Pro ในปัจจุบันถึง 2 เท่า
2.) สมการที่ไม่ลงตัว (ราคา vs อายุการใช้งาน)
ปกติผู้ใช้ iPhone มักเปลี่ยนเครื่องใหม่ทุก 1-2 ปี แต่ด้วยราคาที่สูงขนาดนี้ การเปลี่ยนบ่อยๆ จึงเป็นเรื่องยาก และหากเทียบกับ MacBook ที่ราคาแพงเหมือนกัน ผู้ใช้มักยอมจ่ายเพราะใช้งานได้ยาวนาน 5 ปีขึ้นไป แต่สำหรับมือถือ พฤติกรรมการใช้งานไม่ได้ยาวนานขนาดนั้น
3.) ความเสี่ยงเรื่องราคาขายต่อ
เทคโนโลยีจอพับกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มจะถูกลงอย่างรวดเร็วในอนาคต นั่นหมายความว่า iPhone Fold รุ่นแรก อาจราคาตกแรงมาก เมื่อเทียบกับรุ่นต่อๆ ไป หรือเทียบกับ iPhone รุ่นปกติที่ราคาแข็งกว่า
ดังนั้นคนซื้อ iPhone Fold รุ่นแรกจึงต้องเลือกระหว่าง "จำใจใช้ยาวๆ หลายปีเพื่อให้คุ้มทุน" หรือ "ยอมขาดทุนมหาศาล" หากต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
สรุปแล้วความท้าทายที่สุดของ iPhone Fold จึงไม่ใช่แค่การโน้มน้าวให้คนยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อซื้อเทคโนโลยีใหม่ แต่คือการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ามัน "คุ้มค่า" ที่จะลงทุน โดยที่ไม่เจ็บตัวหนักจากราคาขายต่อในอนาคตครับ
Source : 9to5Mac
Article By : โลกไอทีวันนี้

