ผู้บริหาร Huawei ตอกย้ำความเชื่อมั่น เปิดเผยความพร้อมของ 5G ในยุโรป และแผนรับมือข้อขัดแย้งกับอเมริกา
ข่าวประชาสัมพันธ์
ประเด็นร้อนแรงในวงการเทคโนโลยี
นับตั้งแต่สหรัฐประกาศแบนหัวเว่ยเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม
แม้ว่าจะผ่านมาครบสัปดาห์แล้ว
สื่อหลายสำนักยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดชนิดที่เรียกว่าชั่วโมงต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
แม้ว่าข่าวส่วนใหญ่ที่ออกมาจากฝั่งสหรัฐอเมริกา
อาจจะสร้างความตระหนกให้ทั้งลูกค้าและคู่ค้าของหัวเว่ย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ในฝั่งยุโรปแล้ว ความเชื่อมั่นที่มีต่อหัวเว่ยยังคงเต็มเปี่ยม Abraham Liu, Huawei’ s Chief Representative
to the EU Institutions ตัวแทนจากหัวเว่ยยุโรป ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ 5G ในหัวข้อ “5G ตามวิถียุโรป”
ให้แก่ผู้สื่อข่าว ณ Huawei Cybersecurity
Transparency Centre ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
โดยใจความสำคัญได้กล่าวถึงโซลูชั่น 5G ที่หัวเว่ยได้พัฒนาร่วมกับยุโรปมาโดยตลอด
รวมทั้งความไม่เป็นธรรมที่หัวเว่ยได้รับจากอเมริกา และข้อกล่าวหาที่ไม่เคยได้รับโอกาสพิสูจน์
“โซลูชั่น 5G ของหัวเว่ย ซึ่งมิเพียงถือเป็นโซลูชั่นที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบัน
หากแต่ยังเรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของยุโรปด้วย เนื่องจากโซลูชั่นเหล่านี้ ใช้เทคโนโลยีหลายอย่างที่พัฒนาโดยนักวิจัยและวิทยาศาสตร์ในยุโรป
เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของยุโรป”
“หัวเว่ยดำเนินธุรกิจในยุโรปมานานเกือบ
20 ปีแล้ว โดยมีพนักงานในยุโรปกว่า 12,200 คน ซึ่ง 70%
ของพนักงานเหล่านี้ เป็นการจ้างงานในพื้นที่ และในปี พ.ศ. 2561
หัวเว่ยได้ซื้อสินค้าและบริการมูลค่ากว่า 5.6 พันล้านยูโรในยุโรป นอกจากนี้แล้ว
หัวเว่ยยังมีความร่วมมือด้านงานวิจัยกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในยุโรปถึง 140 แห่ง
ทั้งนี้
หัวเว่ยได้ประกาศความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับสหภาพยุโรป ในการเปิดตัว 5G “สหภาพยุโรปได้พิสูจน์ความสามารถในการผนวกประเทศในยุโรปเข้าด้วยกัน
เพื่อพัฒนากฎหมายที่ก้าวหน้าและครอบคลุมบางส่วน เช่น GDPR ซึ่งยุโรปควรผลักดันเรื่องนี้ต่อไป”
Liu ได้ให้ความเห็นไว้ว่า “สหภาพยุโรปควรตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของยุโรปและพลเมืองของตน”
นอกจากนี้
Liu ยังเปิดเผยว่า “หัวเว่ยปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบตามมาตรฐานที่ยุโรปและ ทั่วโลกวางไว้ทุกประการ
แต่เรากำลังตกเป็นเหยื่อที่รัฐบาลอเมริกาคอยรังแก การกระทำดังกล่าว จึงมิได้เพียงถือเป็นการโจมตีหัวเว่ยเท่านั้น
หากแต่ยังเป็นการโจมตีทำลายระบบระเบียบที่มีรากฐานอยู่บนกฎเกณฑ์และแนวคิดการค้าเสรีนิยม
สิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวเว่ยในวันนี้อาจเกิดขึ้นกับบริษัทข้ามชาติแห่งไหนก็ได้ในอนาคต”
“...หลักการอันศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า
ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่ามีความผิด...อยู่ที่ไหนกันแล้วตอนนี้”
นี่คือสิ่งที่หัวเว่ยและทั่วโลกกำลังตั้งคำถาม
“หัวเว่ยเข้าใจข้อกังวลด้านความปลอดภัยของรัฐบาลยุโรปและเราพร้อมที่จะทำงานเพิ่มเติมเพื่อคลายข้อกังวลใจนั้น
ในฐานะที่เราเป็นผู้นำในวงการและตระหนักดีถึงความสำคัญของ 5G เราจึงพร้อมที่จะเซ็นสัญญาต่อต้านจารกรรมกับรัฐบาลและลูกค้าทุกรายในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป”
เมื่อมาดูความเห็นส่วนใหญ่ของผู้นำจากยุโรปซึ่ง Liu ได้นำถ้อยแถลงของ เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่ได้กล่าวในงานประชุม
VivaTech ณ กรุงปารีสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ฝรั่งเศสไม่มีความคิดที่จะก่อ
“สงครามการค้าหรือสงครามเทคโนโลยี” แต่อย่างใด “เราไม่คิดจะขัดขวางหัวเว่ยหรือบริษัทใดๆ
ทั้งสิ้น การเผชิญหน้ากับประเทศหนึ่งประเทศใดในสงครามการค้าหรือเทคโนโลยี มิใช่เรื่องที่เหมาะสม
และมิใช่แนวทางปกป้องความมั่นคงของชาติที่ดีที่สุดแต่อย่างใด ฝรั่งเศสและยุโรปมองโลกตามความเป็นจริงและเลือกเส้นทางที่ทำได้ในเชิงปฏิบัติ
เราเชื่อมั่นในความร่วมมือและพหุภาคีนิยม” มาครงกล่าว
และในส่วนของ อังเกร่า
แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน ได้กล่าวไว้ว่า “สำหรับเรา หลักเกณฑ์ด้านความมั่นคงคือขั้นตอนแรกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
เมื่อเป็นเรื่องของการเลือกว่าจะให้ใครเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน 5G”
กล่าวโดยสรุปได้ว่า
แม้แรงกระทบจากฝั่งอเมริกาอาจจะดูยิ่งใหญ่ หากในฐานะบริษัทระดับโลกแล้วหัวเว่ย จะยังคงเดินหน้าลงทุนและดำเนินธุรกิจในยุโรปต่อไป
พร้อมความเชื่อมั่นจากพันธมิตรหลายบริษัทในหลายประเทศ รวมถึงมีการเตรียมมาตรการเชิงรุกเพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากกรณีที่เกิดขึ้น
“หัวเว่ยจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อลดผลกระทบเชิงลบจากการกระทำของอเมริกา”
Comments
Post a Comment