หลังจากที่เมื่อช่วงประมาณเดือนก่อน
ทางเราได้ทำการ Quick Preview เจ้า Infinix
- Hot 7 Pro กันไปในงานเปิดตัว
ในวันนี้เราจะมาลงรายละเอียดแบบเต็มๆกันครับ ว่ามันมีอะไรเด็ดอะไรโดนกันบ้าง
หลายๆคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับแบรนด์นี้
แต่แท้จริงแล้วแบรนด์ Infinix เป็นแบรนด์อินเตอร์
ที่วางจำหน่ายไปถึง 26 ประเทศทั่วโลก (เจ้าของคือ Transsion Holdings จากประเทศจีน) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยอดนิยมในตลาดเกิดใหม่
มีจำนวนผู้ใช้มากในโซนแอฟริกา เช่น เคนยาและไนจีเรีย
อีกทั้งยังอยู่กับบ้านเรามาพักใหญ่แล้วครับ
โดยมีบริษัท อินฟินิกซ์ไทยแลนด์ คอยดูแลและทำตลาดมาโดยตลอด
แถมทำยอดจำหน่ายได้ไม่ธรรมดานะครับ
เพราะสามารถจำหน่ายได้ 100,000 เครื่อง ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา
ก็เรียกได้ว่าได้รับการตอบรับที่ดีมากทีเดียว
ทีนี้ก็มาถึงสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ประจำปีนี้อย่าง
Infinix - Hot 7 Pro กันครับ
#Unboxing
ภายในกล่องประกอบด้วย
ตัวเครื่อง × 1 เครื่อง
เคสกันกระแทกเนื้องแข็ง × 1 ชิ้น
ฟิล์มกันรอยหน้าจอ × 1 ชิ้น
หูฟัง × 1 ชุด
สาย Micro USB
× 1 เส้น
Adapter × 1 ชิ้น
Warranty Card & Manual × 1
ชุด
สเปค Infinix
- Hot 7 Pro
หน้าจอบากชนิด IPS LCD ขนาด 6.2 นิ้ว , อัตราส่วน
19 : 9 , ความละเอียด HD+ ครอบทับด้วยกระจกโค้ง
2.5D
CPU : MediaTek Helio P22
Octa-core ความเร็ว 2.0 GHz
GPU : PowerVR GE8320
RAM : 6 GB
ROM : 64 GB
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ 4G LTE
รองรับ Micro SD Card สูงสุด 512 GB
กล้องหลังคู่(Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล + AI
Beauty
กล้องหน้าคู่(Dual Front Camera)ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล ,
f/1.8 + AI Beauty
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือ
รองรับช่องหูฟัง 3.5 mm.
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB
แบตเตอรี่ความจุ : 4000 mAh
ระบบปฎิบัติการ : Android 9.0 Pie + XOS
มิติตัวเครื่อง : 155 x 74.8 x 8 mm.
น้ำหนัก : 165 กรัม
สี : Midnight
Black และ Mocha Brown
#Design
ว่าด้วยเรื่องของดีไซน์ Infinix - Hot 7 Pro มาพร้อมกับหน้าจอบาก
FullView Display ขนาด 6.2 นิ้ว พร้อมกล้องหน้าคู่(Dual
Front Camera) ที่ให้ไฟแฟลช LED มาด้วย
มีการออกแบบตัวเครื่อง Unibody ด้วยวัสดุฝาหลังโลหะ ผสมเฟรมโพลีคาร์บอเนต
มีน้ำหนักเบาและทนทาน ด้านหลังมีกล้องคู่(AI Dual Camera) พร้อมไฟแฟลช
Dual LED และเซนเซอร์สแกนนิ้วมือ
ทางด้านขอบเครื่องข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด
/ ปิด ส่วนขอบเครื่องด้านซ้ายมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple
Slot และขอบล่างมี ลำโพง Speaker , พอร์ต Micro
USB , ไมโครโฟนสนทนา และ ช่องหูฟัง 3.5 mm.
มีน้ำหนัก 165 กรัม ซึ่งถือว่ากำลังดี
โดยรวมแล้วค่อนข้างถือจับถนัดมือ
วัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่องมีความสวยงามและแน่นหนาคุณภาพดี
ที่สำคัญคือมันดูสวยหรูเกินราคาพอสมควรครับ
#Software
ตัวUser
Interface ของ Infinix มีชื่อว่า XOS
Humming Bird หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันก็คงเหมือน Stock Rom ทั่วๆไปที่ไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไร บอกเลยครับว่าคิดผิด เพราะ Infinix
เขามี EcoSystem ที่จัดมาให้อย่างดี
ทั้งซอฟแวร์ดูแลระบบในเครื่อง , ทั้ง Theme ที่มีอัพเดทใหม่ตลอด แถมลูกเล่นเฉพาะตัวก็มีมากมาย เช่น
ระบบ Smart
Group สำหรับจัดหมวดหมู่แอพให้อัตโนมัติ ,
Freezer Folder สำหรับแช่เเข็งแอพที่ไม่ใช้งาน
เพื่อลดการกินพลังงานของเครื่อง และสามารถ Active App ขึ้นมาใหม่ได้อย่างง่ายมาก
เพียงแค่กดไปที่แอพนั้นๆใน Freezer Folder
X Club (คล้ายๆ Mi
Community) สำหรับติดตามข่าวสารรวมถึงพูดคุยกับแฟนๆของ Infinix
ทั่วโลก
CalCare เป็นแอพ Service
Online Center เพื่อติดต่อขอเข้ารับบริการรวมไปถึงติดตามงานซ่อม เพราะฉะนั้นในเรื่องของงานบริการหลังการขายเอย
ประกันเอย รับรองว่าหมดห่วงแน่นอนครับ
Intelligent Voice Broadcast ที่เป็นฟังก์ชั่นสำหรับรายงานสภาพอากาศ
หรือ ตารางนัดหมายที่เราตั้งไว้ หรือแม้แต่การอ่านแจ้งเตือน Facebook ,
Messenger , Instagram ให้ฟังเวลาตั้งปลุก โดยจะรองรับ 3 ภาษา
ได้แก่ อังกฤษ , ฝรั่งเศส และ ฮินดู
Smart Panel คล้ายๆกับ Edge
Screen ใน Samsung โดยการเพิ่มแถบ Quick
Panel ที่หน้าจอ
สำหรับรูดแล้วเลือกแอพหรือเครื่องมือที่ใช้งานบ่อยๆมาใส่ไว้เป็น Shortcuts ซึ่งสะดวกมาก
และนอกจากนี้ยังมีลูกเล่นอื่นๆอีกมากมาย
บอกเลยว่าประทับใจสุดๆ เพราะ UI ออกแบบได้ดี และยังทำงานได้ลื่นไหลมากๆด้วยครับ แถมระบบปฎิติการก็เป็น Android
9.0 Pie ที่ไม่แถมแพนะ เพราะเปิดเครื่องปุ๊ป
ก็ได้รับอัพเดท Security Patch ประจำเดือน พฤษภาคม
ซึ่งเป็นตัวใหม่ล่าสุดทันทีเลย
โดยสรุป เราค่อนข้างถูกใจ UI ของ Infinix มากๆ
สวยและใช้งานง่าย มีลูกเล่นเยอะ
#Hardware
ต้องบอกว่าหน้าจอ FullScreen ขนาด 6.2 นิ้ว ของ Infinix - Hot 7 Pro นั้นมันดูเต็มตามากๆครับ
แถมยังรับกับขนาดของตัวเครื่องดีจริงๆ
มีอัตราส่วนพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องที่สูง
ซึ่งเอามาเล่นเกมส์ดูหนังก็ไม่ผิดหวังเลย
ภายใต้ Infinix - Hot 7 Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต
MediaTek Helio P22 พร้อมด้วยโปรเซสเซอร์ Octa Core และสถาปัตยกรรม CPU 64 บิต มีความเร็วมาตรฐาน 2.0
GHz
มาพร้อมกับ RAM สูงสุด 6 GB , ROM 64
GB และรองรับ Micro SD card สูงสุด 512
GB เก็บทั้งไฟล์ทั้งแอพกันให้สะใจไปเลย
ด้านลำโพง Speaker เป็นแบบ Mono อยู่ที่ด้านล่างเครื่อง
เสียงดังฟังชัดดีครับ แต่เสียงจะติดโทนแหลมเยอะไปซักนิด
เปิดสุดอาจจะมีอาการแสบๆบ้าง ส่วนการฟังผ่านหูฟังก็อยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน
ด้าน GPS จับสัญญาณได้ดีจนน่าตกใจมากครับ อยู่ในอาคาร ช่วงกลางคืนที่ฟ้าไม่โปร่งมาก
ทดลองด้วย GPS Test จับได้ 38 ดวง มี Accuracy Rate
+-1 ถือว่าดีที่สุดตัวหนึ่งเท่าที่เคยเห็นมาเลย
แต่การใช้งานจริงก็อีกเรื่องหนึ่งครับ ต้องหาเวลาไปทดลอง
ในแง่ของการเชื่อมต่อนอกจากจะรองรับ 4G LTE และ WiFi 2.4 GHz ตามปกติแล้ว Infinix Hot 7 Pro ยังรองรับ WiFi
ที่ย่านความถี่ 5 GHz อีกด้วย ซึ่งสมาร์ทโฟนบางแบรนด์ที่มีราคาแพงกว่านี้
ยังไม่รองรับเลยก็มี เป็นอีกจุดหนึ่งที่คุ้มค่ามากครับ
#Performance
ผลทดสอบจาก Antutu Benchmark ออกมาได้ 79293 คะแนน
ก็อยู่ในเกณฑ์มาตราฐานสำหรับชิปเซ็ต Helio P22 ครับ
สามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างลื่นไหล ไม่มีติดขัดอะไร
พอพูดถึงจุดนี้
ก็คงต้องพูดถึงการเล่นเกมส์กันซักหน่อย โดยทดลองดาวน์โหลด Cyber Hunter มาเล่น ตัวระบบแนะนำให้ตั้งค่าแบบ Balanced
ซึ่งก็เหมาะสมครับ แต่ยังคงสามารถปรับ Frames เป็นระดับ
High ได้อยู่ ผลคือก็เล่นได้ครับ
มีอาการหน่วงๆให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ภาพรวมคือพอไหว
ส่วนอีกเกมส์ที่ทดลองคือ Asphalt 9 ก็สามารถเล่นได้ปกติครับ ไม่มีอาการสะดุดให้เห็น
#Camera
เรื่องของกล้องคงต้องพูดว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร
เพราะด้วยราคาคงต้องพูดว่า ผมไม่ได้คาดหวังอะไรแต่แรก ผลที่ได้ออกมาจึงทำเอาตกใจ
แต่ก็บอกเลยครับว่าในค่าตัวเท่านี้ได้กล้องหลังคู่(Dual
Camera) พร้อมไฟแฟลช Dual LED กับกล้องหน้าคู่
พร้อมไฟแฟลช อีก ก็คุ้มสุดๆครับ แถมยังรองรับทั้งการถ่าย Portrait Mode หน้าชัดหลังเบลอ และ Beauty Mode อีก
โดยกล้องหลังคู่(Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล ,
f/1.8 กับคุณภาพของรูปถ่ายที่ได้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตราฐานดีเลยครับ
ถ่ายกลางแจ้งออกมาดี
และอาจจะดีกว่ารุ่นแพงๆกว่านี้ที่เป็นแบรนด์ดังๆหลายรุ่นด้วยซ้ำ
เพราะภาพที่ได้ออกมาอยู่ในโทนสีที่เป็นธรรมชาติ , Contrast ไม่จัดจนเกินไป
การถ่ายในที่สภาวะแสงน้อยก็พอไหวครับ แต่ถ้ามืดมากๆก็หมดสิทธิ์
ส่วนกล้องหน้าก็มีลูกเล่นเยอะเหมือนกล้องหลังครับ
ทั้ว AI Cam , Beauty , Portrait และ AR Shot
#ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
#ตัวอย่างภาพถ่ายบุคคล
ขอขอบพระคุณ ร้าน Cup C Café ราชบุรี สำหรับสถานที่ถ่ายภาพ และ คุณแพร เจ้าของร้าน (รูปด้านบน) สำหรับการถ่ายภาพครับ
#ตัวอย่างภาพถ่ายย้อนแสง
#ตัวอย่างภาพถ่ายกลางคืน
#ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
#Battery
นี่คือจุดประทับใจเลยครับ
ด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 4000 mAh แถมตัวระบบก็ยังจัดการพลังงานได้ดี บวกกับชิปเซ็ตที่ไม่กินไฟมาก
ทำให้แบตอยู่ข้ามวันได้สบายๆครับ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ AI Smart Power
Saving ที่จะเรียนรู้การใช้งานของเรา และปรับระบบให้เข้ากัน ทำให้ประหยัดแบตเพิ่มขึ้นไปอีก
#สรุปคะแนน
1.Design
: 8/10
2.Hardware
: 8/10
3.Software
: 9/10
4.Performance
: 8/10
5.Camera
: 8.5/10
6.Battery
: 8.5/10
รวมคะแนน : 8.33/10
โดยรวมแล้ว Infinix - Hot 7 Pro นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่ากับราคาค่าตัวมากๆครับ
อาจจะเป็นแบรนด์น้องใหม่สำหรับใครหลายๆคน
แต่หากได้ทดลองแล้วก็ไม่ยากเลยที่จะเข้าไปนั่งอยู่ในใจเช่นกันครับ ^^
ทั้งหมดที่ว่ามา
มีราคาและความพิเศษดังต่อไปนี้ครับ
ลูกค้าที่ซื้อมือถือ Infinix ทุกรุ่นจะได้รับสิทธิพิเศษนั่นก็คือ
“ประกันจอแตก เปลี่ยนได้โดยไม่มีเงื่อนไข1 ครั้ง ใน 1 ปี"
บริการรับส่งเครื่องเสียถึงบ้านภายในระยะเวลา
7 วัน
Infinix Hot 7 Pro มีราคาจำหน่ายอยู่ที่
4,990 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะได้ RAM 6 GB และ ROM 64 GB ที่ราคานี้ในตลาดปัจจุบันยังไม่มีใครให้ครับ
พิเศษ แถม เคส ฟิล์มกันรอย หูฟัง ฟรี
ในกล่องทันที
และลูกค้า TrueMove H รับสิทธิ์เล่น RoV ฟรีไม่อั้น
+ ดู TrueID ได้ 600 GB แบบไม่ติดล๊อคซิมหรือสัญญาใดๆทั้งสิ้น
เพียงแค่นำซิม TrueMove H ที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเบอร์ใหม่
มาใส่เครื่องและกดรับสิทธิ์เท่านั้น
สำหรับผู้ใดที่สนใจสินค้า Infinix สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.facebook.com/InfinixThailand
www.infinix.mobility.com/th
Article By : โลกไอทีวันนี้
Comments
Post a Comment