#FullReview : Infinix - Hot 7 Pro สมาร์ทโฟนสุดคุ้มสำหรับวัยโจ๋ ที่มาพร้อม RAM 6 GB , ROM 64 GB , กล้องหน้าคู่ + หลังคู่ , บอดี้โลหะ , แบตเตอรี่ 4000 mAh และ Android 9.0 Pie ในราคาเพียง 4,990 บาท !!! และยังมีของแถมในกล่องเพียบ พร้อมความพิเศษจาก TrueMove H รับสิทธิ์เล่น RoV ฟรีไม่อั้น และ ดู TrueID ได้ 600 GB แบบไม่ติดล๊อคซิมหรือสัญญาใดๆทั้งสิ้น !!!!!
หลังจากที่เมื่อช่วงประมาณเดือนก่อน
ทางเราได้ทำการ Quick Preview เจ้า Infinix
- Hot 7 Pro กันไปในงานเปิดตัว
ในวันนี้เราจะมาลงรายละเอียดแบบเต็มๆกันครับ ว่ามันมีอะไรเด็ดอะไรโดนกันบ้าง
หลายๆคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับแบรนด์นี้
แต่แท้จริงแล้วแบรนด์ Infinix เป็นแบรนด์อินเตอร์
ที่วางจำหน่ายไปถึง 26 ประเทศทั่วโลก (เจ้าของคือ Transsion Holdings จากประเทศจีน) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยอดนิยมในตลาดเกิดใหม่
มีจำนวนผู้ใช้มากในโซนแอฟริกา เช่น เคนยาและไนจีเรีย
อีกทั้งยังอยู่กับบ้านเรามาพักใหญ่แล้วครับ
โดยมีบริษัท อินฟินิกซ์ไทยแลนด์ คอยดูแลและทำตลาดมาโดยตลอด
แถมทำยอดจำหน่ายได้ไม่ธรรมดานะครับ
เพราะสามารถจำหน่ายได้ 100,000 เครื่อง ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา
ก็เรียกได้ว่าได้รับการตอบรับที่ดีมากทีเดียว
ทีนี้ก็มาถึงสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ประจำปีนี้อย่าง
Infinix - Hot 7 Pro กันครับ
#Unboxing
ภายในกล่องประกอบด้วย
ตัวเครื่อง × 1 เครื่อง
เคสกันกระแทกเนื้องแข็ง × 1 ชิ้น
ฟิล์มกันรอยหน้าจอ × 1 ชิ้น
หูฟัง × 1 ชุด
สาย Micro USB
× 1 เส้น
Adapter × 1 ชิ้น
Warranty Card & Manual × 1
ชุด
หน้าจอบากชนิด IPS LCD ขนาด 6.2 นิ้ว , อัตราส่วน
19 : 9 , ความละเอียด HD+ ครอบทับด้วยกระจกโค้ง
2.5D
CPU : MediaTek Helio P22
Octa-core ความเร็ว 2.0 GHz
GPU : PowerVR GE8320
RAM : 6 GB
ROM : 64 GB
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ 4G LTE
รองรับ Micro SD Card สูงสุด 512 GB
กล้องหลังคู่(Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล + AI
Beauty
กล้องหน้าคู่(Dual Front Camera)ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล ,
f/1.8 + AI Beauty
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือ
รองรับช่องหูฟัง 3.5 mm.
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB
แบตเตอรี่ความจุ : 4000 mAh
ระบบปฎิบัติการ : Android 9.0 Pie + XOS
มิติตัวเครื่อง : 155 x 74.8 x 8 mm.
น้ำหนัก : 165 กรัม
สี : Midnight
Black และ Mocha Brown
#Design
ว่าด้วยเรื่องของดีไซน์ Infinix - Hot 7 Pro มาพร้อมกับหน้าจอบาก
FullView Display ขนาด 6.2 นิ้ว พร้อมกล้องหน้าคู่(Dual
Front Camera) ที่ให้ไฟแฟลช LED มาด้วย
มีการออกแบบตัวเครื่อง Unibody ด้วยวัสดุฝาหลังโลหะ ผสมเฟรมโพลีคาร์บอเนต
มีน้ำหนักเบาและทนทาน ด้านหลังมีกล้องคู่(AI Dual Camera) พร้อมไฟแฟลช
Dual LED และเซนเซอร์สแกนนิ้วมือ
ทางด้านขอบเครื่องข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด
/ ปิด ส่วนขอบเครื่องด้านซ้ายมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple
Slot และขอบล่างมี ลำโพง Speaker , พอร์ต Micro
USB , ไมโครโฟนสนทนา และ ช่องหูฟัง 3.5 mm.
มีน้ำหนัก 165 กรัม ซึ่งถือว่ากำลังดี โดยรวมแล้วค่อนข้างถือจับถนัดมือ วัสดุที่ใช้ประกอบตัวเครื่องมีความสวยงามและแน่นหนาคุณภาพดี ที่สำคัญคือมันดูสวยหรูเกินราคาพอสมควรครับ
#Software
ตัวUser
Interface ของ Infinix มีชื่อว่า XOS
Humming Bird หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันก็คงเหมือน Stock Rom ทั่วๆไปที่ไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไร บอกเลยครับว่าคิดผิด เพราะ Infinix
เขามี EcoSystem ที่จัดมาให้อย่างดี
ทั้งซอฟแวร์ดูแลระบบในเครื่อง , ทั้ง Theme ที่มีอัพเดทใหม่ตลอด แถมลูกเล่นเฉพาะตัวก็มีมากมาย เช่น
ระบบ Smart
Group สำหรับจัดหมวดหมู่แอพให้อัตโนมัติ ,
Freezer Folder สำหรับแช่เเข็งแอพที่ไม่ใช้งาน เพื่อลดการกินพลังงานของเครื่อง และสามารถ Active App ขึ้นมาใหม่ได้อย่างง่ายมาก เพียงแค่กดไปที่แอพนั้นๆใน Freezer Folder
X Club (คล้ายๆ Mi
Community) สำหรับติดตามข่าวสารรวมถึงพูดคุยกับแฟนๆของ Infinix
ทั่วโลก
CalCare เป็นแอพ Service
Online Center เพื่อติดต่อขอเข้ารับบริการรวมไปถึงติดตามงานซ่อม เพราะฉะนั้นในเรื่องของงานบริการหลังการขายเอย
ประกันเอย รับรองว่าหมดห่วงแน่นอนครับ
Intelligent Voice Broadcast ที่เป็นฟังก์ชั่นสำหรับรายงานสภาพอากาศ หรือ ตารางนัดหมายที่เราตั้งไว้ หรือแม้แต่การอ่านแจ้งเตือน Facebook , Messenger , Instagram ให้ฟังเวลาตั้งปลุก โดยจะรองรับ 3 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ , ฝรั่งเศส และ ฮินดู
Smart Panel คล้ายๆกับ Edge
Screen ใน Samsung โดยการเพิ่มแถบ Quick
Panel ที่หน้าจอ
สำหรับรูดแล้วเลือกแอพหรือเครื่องมือที่ใช้งานบ่อยๆมาใส่ไว้เป็น Shortcuts ซึ่งสะดวกมาก
และนอกจากนี้ยังมีลูกเล่นอื่นๆอีกมากมาย
บอกเลยว่าประทับใจสุดๆ เพราะ UI ออกแบบได้ดี และยังทำงานได้ลื่นไหลมากๆด้วยครับ แถมระบบปฎิติการก็เป็น Android
9.0 Pie ที่ไม่แถมแพนะ เพราะเปิดเครื่องปุ๊ป
ก็ได้รับอัพเดท Security Patch ประจำเดือน พฤษภาคม
ซึ่งเป็นตัวใหม่ล่าสุดทันทีเลย
โดยสรุป เราค่อนข้างถูกใจ UI ของ Infinix มากๆ
สวยและใช้งานง่าย มีลูกเล่นเยอะ
#Hardware
ต้องบอกว่าหน้าจอ FullScreen ขนาด 6.2 นิ้ว ของ Infinix - Hot 7 Pro นั้นมันดูเต็มตามากๆครับ
แถมยังรับกับขนาดของตัวเครื่องดีจริงๆ
มีอัตราส่วนพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องที่สูง
ซึ่งเอามาเล่นเกมส์ดูหนังก็ไม่ผิดหวังเลย
ภายใต้ Infinix - Hot 7 Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต
MediaTek Helio P22 พร้อมด้วยโปรเซสเซอร์ Octa Core และสถาปัตยกรรม CPU 64 บิต มีความเร็วมาตรฐาน 2.0
GHz
มาพร้อมกับ RAM สูงสุด 6 GB , ROM 64
GB และรองรับ Micro SD card สูงสุด 512
GB เก็บทั้งไฟล์ทั้งแอพกันให้สะใจไปเลย
ด้านลำโพง Speaker เป็นแบบ Mono อยู่ที่ด้านล่างเครื่อง เสียงดังฟังชัดดีครับ แต่เสียงจะติดโทนแหลมเยอะไปซักนิด เปิดสุดอาจจะมีอาการแสบๆบ้าง ส่วนการฟังผ่านหูฟังก็อยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน
ในแง่ของการเชื่อมต่อนอกจากจะรองรับ 4G LTE และ WiFi 2.4 GHz ตามปกติแล้ว Infinix Hot 7 Pro ยังรองรับ WiFi
ที่ย่านความถี่ 5 GHz อีกด้วย ซึ่งสมาร์ทโฟนบางแบรนด์ที่มีราคาแพงกว่านี้
ยังไม่รองรับเลยก็มี เป็นอีกจุดหนึ่งที่คุ้มค่ามากครับ
#Performance
พอพูดถึงจุดนี้
ก็คงต้องพูดถึงการเล่นเกมส์กันซักหน่อย โดยทดลองดาวน์โหลด Cyber Hunter มาเล่น ตัวระบบแนะนำให้ตั้งค่าแบบ Balanced
ซึ่งก็เหมาะสมครับ แต่ยังคงสามารถปรับ Frames เป็นระดับ
High ได้อยู่ ผลคือก็เล่นได้ครับ
มีอาการหน่วงๆให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ภาพรวมคือพอไหว
ส่วนอีกเกมส์ที่ทดลองคือ Asphalt 9 ก็สามารถเล่นได้ปกติครับ ไม่มีอาการสะดุดให้เห็น
#Camera
เรื่องของกล้องคงต้องพูดว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร เพราะด้วยราคาคงต้องพูดว่า ผมไม่ได้คาดหวังอะไรแต่แรก ผลที่ได้ออกมาจึงทำเอาตกใจ แต่ก็บอกเลยครับว่าในค่าตัวเท่านี้ได้กล้องหลังคู่(Dual Camera) พร้อมไฟแฟลช Dual LED กับกล้องหน้าคู่ พร้อมไฟแฟลช อีก ก็คุ้มสุดๆครับ แถมยังรองรับทั้งการถ่าย Portrait Mode หน้าชัดหลังเบลอ และ Beauty Mode อีก
เรื่องของกล้องคงต้องพูดว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร เพราะด้วยราคาคงต้องพูดว่า ผมไม่ได้คาดหวังอะไรแต่แรก ผลที่ได้ออกมาจึงทำเอาตกใจ แต่ก็บอกเลยครับว่าในค่าตัวเท่านี้ได้กล้องหลังคู่(Dual Camera) พร้อมไฟแฟลช Dual LED กับกล้องหน้าคู่ พร้อมไฟแฟลช อีก ก็คุ้มสุดๆครับ แถมยังรองรับทั้งการถ่าย Portrait Mode หน้าชัดหลังเบลอ และ Beauty Mode อีก
โดยกล้องหลังคู่(Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล ,
f/1.8 กับคุณภาพของรูปถ่ายที่ได้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตราฐานดีเลยครับ
ถ่ายกลางแจ้งออกมาดี
และอาจจะดีกว่ารุ่นแพงๆกว่านี้ที่เป็นแบรนด์ดังๆหลายรุ่นด้วยซ้ำ
เพราะภาพที่ได้ออกมาอยู่ในโทนสีที่เป็นธรรมชาติ , Contrast ไม่จัดจนเกินไป
การถ่ายในที่สภาวะแสงน้อยก็พอไหวครับ แต่ถ้ามืดมากๆก็หมดสิทธิ์
ส่วนกล้องหน้าก็มีลูกเล่นเยอะเหมือนกล้องหลังครับ ทั้ว AI Cam , Beauty , Portrait และ AR Shot
#ตัวอย่างภาพถ่ายบุคคล
ขอขอบพระคุณ ร้าน Cup C Café ราชบุรี สำหรับสถานที่ถ่ายภาพ และ คุณแพร เจ้าของร้าน (รูปด้านบน) สำหรับการถ่ายภาพครับ
#ตัวอย่างภาพถ่ายย้อนแสง
#ตัวอย่างภาพถ่ายกลางคืน
#ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
#Battery
นี่คือจุดประทับใจเลยครับ
ด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 4000 mAh แถมตัวระบบก็ยังจัดการพลังงานได้ดี บวกกับชิปเซ็ตที่ไม่กินไฟมาก
ทำให้แบตอยู่ข้ามวันได้สบายๆครับ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ AI Smart Power
Saving ที่จะเรียนรู้การใช้งานของเรา และปรับระบบให้เข้ากัน ทำให้ประหยัดแบตเพิ่มขึ้นไปอีก
#สรุปคะแนน
1.Design : 8/10
2.Hardware : 8/10
3.Software : 9/10
4.Performance : 8/10
5.Camera : 8.5/10
6.Battery : 8.5/10
รวมคะแนน : 8.33/10
โดยรวมแล้ว Infinix - Hot 7 Pro นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่ากับราคาค่าตัวมากๆครับ
อาจจะเป็นแบรนด์น้องใหม่สำหรับใครหลายๆคน
แต่หากได้ทดลองแล้วก็ไม่ยากเลยที่จะเข้าไปนั่งอยู่ในใจเช่นกันครับ ^^
ทั้งหมดที่ว่ามา
มีราคาและความพิเศษดังต่อไปนี้ครับ
ลูกค้าที่ซื้อมือถือ Infinix ทุกรุ่นจะได้รับสิทธิพิเศษนั่นก็คือ
“ประกันจอแตก เปลี่ยนได้โดยไม่มีเงื่อนไข1 ครั้ง ใน 1 ปี"
บริการรับส่งเครื่องเสียถึงบ้านภายในระยะเวลา 7 วัน
Infinix Hot 7 Pro มีราคาจำหน่ายอยู่ที่
4,990 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะได้ RAM 6 GB และ ROM 64 GB ที่ราคานี้ในตลาดปัจจุบันยังไม่มีใครให้ครับ
พิเศษ แถม เคส ฟิล์มกันรอย หูฟัง ฟรี ในกล่องทันที
และลูกค้า TrueMove H รับสิทธิ์เล่น RoV ฟรีไม่อั้น
+ ดู TrueID ได้ 600 GB แบบไม่ติดล๊อคซิมหรือสัญญาใดๆทั้งสิ้น
เพียงแค่นำซิม TrueMove H ที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเบอร์ใหม่
มาใส่เครื่องและกดรับสิทธิ์เท่านั้น
สำหรับผู้ใดที่สนใจสินค้า Infinix สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.facebook.com/InfinixThailand
Article By : โลกไอทีวันนี้
Comments
Post a Comment