FullReview : Huawei Watch GT 2e นาฬิกาอัจฉริยะปรับดีไซน์​ใหม่​ เอาใจวัยรุ่นคอสปอร์ต ด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 14 วัน !!! พร้อมเปรียบเทียบกับ Watch GT 2 ในโพส !!!!



Huawei​ ได้เริ่มต้นลุยตลาด​ Smart​Watch​ แบบเต็มตัว​ ด้วยการส่ง Huawei​ Watch​ GT​ Series ลงสู่ตลาด​ และผลตอบรับที่ได้นั้นเรียกว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก​ ตั้งแต่รุ่นแรกจนมาถึงรุ่นที่ 2 ในปัจจุบัน ล่าสุดจึงได้ทำการส่งรุ่นสปอร์ตที่มีการปรับสเปคอย่าง​ Huawei Watch​ ​GT​ 2e มาลุยตลาดอีกครั้ง เราลองไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

Unboxing ภายในกล่องประกอบด้วย


- Huawei Watch GT 2e จำนวน​ 1 เรือน
- Magnet Charging​ Adapter จำนวน​ 1 ตัว
- สาย​ USB Type -​ C จำนวน​ 1 เส้น
- Quick Start Guide จำนวน​ 1 เล่ม

สเปค​ Huawei Watch GT 2e (HCT-B19)



หน้าปัดทรงกลมชนิด​ Amoled ขนาด​ 1.39 นิ้ว​, ความละเอียด​ 454 × 454 พิกเซล​, ครอบทับด้วยกระจก​ 3D Glass แบบ Radial Patterns Bezel

ชิปเซ็ต​ Kirin​ A1

ROM : 4 GB

รองรับ​ GPS

รองรับ​ Heart Rate Monitoring

ชุดเซนเซอร์ :

Accelerometer sensor
Gyroscope sensor
Geomagnetic sensor
Optical heart rate sensor
Ambient light sensor
Air pressure sensor
Capacitive sensor

รองรับการกันน้ำระดับ​ 5ATM

รองรับ​ Bluetooth 5.1 LE

แบตเตอรี่​ : 455 mAh

ระบบปฎิบัติการ​ : Lite​ OS

ข้อมูลเบื้องต้น




HUAWEI Watch GT 2e โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตที่มาพร้อมประสิทธิภาพอัดแน่น

ชิปเซ็ตแบบ Kirin A1 ผสานหน่วยประมวลผลและการเชื่อมต่อสัญญานบลูทูธ

ประหยัดพลังงาน ใช้งานได้นานสูงสุด 2 สัปดาห์

เป็นสมาร์ทวอชที่ใช้หน้าจอทัชสกรีน AMOLED แบบ 3 มิติ

HUAWEI TruSeen™ 2.0 และยังสามารถตรวจจับภาวะหัวใจเต้นในอัตราต่ำกว่าปกติหรือภาวะหัวใจล้มเหลวได้

ไม่พลาดทุกการแจ้งเตือน

สามารถจุเพลงไว้ในเครื่องได้มากถึง 500 เพลง และยังสามารถเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดายกับหูฟังไร้สาย HUAWEI FreeBuds 3


Design



Huawei Watch GT 2e มาพร้อมหน้าปัดนาฬิกาทรงกลมแบบ​ Amoled ขนาด​ 1.39 นิ้ว​ ที่มีขอบที่บาง พร้อมครอบทับด้วยกระจกกันรอยแบบ​ 3D Glass​ ใหม่​ ซึ่งเรียกว่า Radial Patterns Bezel ที่สามารถวางกระจกแนบชิดกับ​พาแนลของจอได้แบบไม่มีช่องว่าง และเคลือบกระจกไปครอบได้ถึง Bezel ทำให้มีความสวยงาม​ อีกทั้งหน้าจอยังมีความคมชัดสูงและสีสันสดใสมาก แม้อยู่ในกลางแจ้งก็ยังเห็นได้ดี



ตัวเรือนใช้วัสดุ Stainless Steel น้ำหนักเบา​ ด้านขอบขวาจะมีปุ่ม 2 ปุ่ม​ สำหรับควบคุมการใช้งาน​ โดยปุ่มบนเป็นปุ่มกดเข้าเมนู​ หรือ​ กลับสู่หน้า​ Home​ และปุ่มด้านล่างเป็นปุ่มอิสระ​ สามารถตั้งค่าการเข้าถึงแอพหรือเมนูต่างๆแบบ​ Quick Launch ได้​ ส่วนขอบซ้ายจะปล่อยโล่งๆไว้



ด้านหลังมีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ​ ซึ่งมีการติดตั้ง​ไว้​ 2 ประเภท​ คือแบบ​ Green Light สำหรับวัดในขณะออกกำลังกาย​ และ​ แบบ​ Infrared สำหรับวัดเวลานอน​ เพื่อไม่รบกวนสายตา​ และ​ Charging​ Pin



โดยรวมการออกแบบของ​ Huawei Watch​ GT​ 2e จะมีการปรับดีไซน์ให้แตกต่างจากรุ่น  Watch​ GT 2​ ซึ่งทำให้มีความสปอร์ตมากขึ้น

สายที่ให้มาจะเป็นสายรูพรุนแบบรังผึ้ง สี​แดง​ Lava Red​ ผลิตจากวัสดุ TPU ใส่ง่าย และ​ ปรับขนาดสายได้ละเอียดกว่าแบบปกติ

Hardware &​ Performance

Huawei Watch GT 2e มาพร้อม​ชิปเซ็ต Kirin A1 ใหม่ ใช้พลังงานต่ำและการเชื่อมต่อบลูทูธ ที่มีความเสถียรยิ่งขึ้นซึ่ง ด้วยมาตราฐาน Bluetooth 5.1 และ Bluetooth 5.1 LE ซึ่ง Huawei เคลมว่าสามารถถือได้ห่างถึง 150 เมตร​ จากโทรศัพท์ของคุณ

มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ , GPS และ Gyroscope



นาฬิการองรับการออกกำลังกายได้ถึง 15 โหมด และสามารถติดตามอัตราการเต้นของหัวใจใต้น้ำได้​ ที่ระดับ​ 5 ATM  นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการติดตามการนอนหลับที่ปรับปรุงใหม่ด้วย Huawei TruSleep 2.0

จากข้อมูล Huawei Huawei GT 2e รุ่นใหม่สามารถใช้งานได้ 14 วัน และใช้งานได้ 30 ชั่วโมง​ ในโหมด GPS มาพร้อมแบตเตอรี่ 455 mAh

ใช้ระบบปฏิบัติการ LiteOS ของ Huawei มันยังคงรองรับการเชื่อมต่อทั้งโทรศัพท์ Android และ iOS

วิธีการเชื่อมต่อ​ และ​ Software

Huawei Watch​ GT 2e รองรับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น​ HUAWEI​ Health ซึ่งจะมีติดตั้งไว้ในสมาร์ทโฟน​ Huawei ทุกรุ่นอยู่แล้ว​ แต่หากคุณใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น​ ก็สามารถดาวน์โหลดผ่าน​ Google​ Play​ S​tore มาติดตั้งได้เช่นกัน​ รวมถึงระบบ​ iOS ก็สามารถดาวน์โหลดผ่าน​ App Store ได้

โดยเมื่อเข้าแอพ​ Huawei Health แล้วให้ไปที่เมนู​ Devices​ เลือกติดตั้ง​ Smart​ Watch​ และเลือกรุ่น​ Watch​ GT​ 2 Series

จากนั้นให้กดปุ่มด้านบนเพื่อเปิดเครื่อง​ Watch​ GT​ 2 โดยเมื่อเปิดแล้วจะมีการเลือกภาษาในการแสดงผล​

จากนั้นจะเข้าสู่หน้า​ Pairing Mode ก็ให้กลับไปดูที่หน้าแอพ​ ให้กด​ Search Device จะพบชื่อ​ของ​ Watch​ GT​ 2e ให้กดเชื่อมต่อ​ จากนั้นรอเพียงไม่กี่อึดใจก็เป็นอันเสร็จสิ้น

ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อแล้ว​ ระบบจะพามาสู่หน้าหลัก​ สำหรับการตั้งค่าทั้งหมด​ดังต่อไปนี้



Watch​ Faces


สำหรับปรับเปลี่ยนหน้าจอ​ โดยมีทั้งแบบสำเร็จรูป​ และแบบ​ Custom ที่เราสามารถนำรูปในสมาร์ทโฟนมาทำเป็นหน้าปัดได้​  พร้อมการตั้งค่ารูปแบบต่างๆในการแสดงผล

Huawei TruSleep


ระบบตรวจสอบการนอนของผู้สวมใส่​ โดยคำนวณจากอัตราการหายใจ , การขยับของกล้ามเนื้อ​ แล้วสามารถวิเคราะห์ออกมาเป็นรูปแบบในการนอน​พร้อมกับปัญหาที่ควรแก้ไข


อีกทั้งยังสามารถแจงค่าสถิติรูปแบบในการนอนของแต่ละคืนออกมาได้อย่างละเอียด​ ซึ่งถือว่าน่าจะดีที่สุดในตลาดของ​ Smart​Watch​ ตอนนี้

พร้อมด้วยการแนะนำในการแก้ไขปัญหาการนอนเบื้องต้น​ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการนอนให้มากกว่าเดิม

ระบบ​ Heart Rate Monitoring

สามารถตั้งค่าวัดหัวใจได้หลายรูปแบบ​ ทั้ง


Smart​ สำหรับตั้งค่าวัดแบบอัตโนมัติ​ โดยขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ​ ณ​ เวลานั้นๆ

Real -​ Time  เป็นการวัดและเก็บข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา​ แต่ว่าจะเปลืองแบตเตอรี่

และยังสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนในกรณีที่อัตราการเต้นของหัวใจ​มีความผิดพลาด​ ไม่ว่าจะเต้นเร็วเกินไปหรือช้าเกิน​ไป​ ต่อเนื่องนานเกิน​ 10 นาที

Stress Test หรือ​ ตรวจจับความเครียด


โดยในการใช้งานครั้งแรกจะเป็นการตอบคำถามสั้น ๆประมาณ​ 12​ ข้อ เพื่อประเมินระดับความเครียดของตัวเรา หลังจากนั้นหากระดับความเครียดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งประเมินจากอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นแบบกระทันหัน​ (ยกเว้นตอนออกกำลังกาย)​ จะมีการแจ้งเตือนที่ตัวนาฬิกา และเข้าสู่โหมดการฝึกหายใจ เพื่อช่วยระบายความเครียด​ และปรับสมดุลในร่างกายให้มีสภาพที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลา

ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด  (SpO2)



เป็นหนึ่งในสัญญาณชีพที่สำคัญที่สามารถสะท้อนถึงปริมาณออกซิเจนในร่างกาย  ในความเป็นจริงระดับต่ำมากของ SpO2 อาจส่งผลให้เกิดอาการร้ายแรง เช่น​ การเหนื่อยล้าและอาการปวดหัว และ​HUAWEI WATCH GT 2e รองรับการวัดระดับ SpO2 แบบวัดได้ในครั้งเดียว ซึ่งจะช่วยให้เราตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ

นอกนั้นก็จะเป็นการตั้งค่าอื่นๆทั่วไป​ เช่น​ การตั้งปลุก​, การแจ้งเตือน​, รายชื่อในสมุดโทรศัพท์​, สภาพอากาศ, เปิดหน้าจอเมื่อยกแขนขึ้น​ และ​ การอัพเดท​

*เมื่อเปิดเครื่องใช้งานครั้งแรก​ ให้เข้าไปกดรับการอัพเดทใหญ่ก่อน​ 1 ครั้ง​ เพื่อการทำงานที่สมบูรณ์


การแสดงผลบนตัวเรือนและวิธีการควบคุม



Huawei Watch GT 2e รองรับการสัมผัสหน้าจอเพื่อสั่งงานและมีปุ่มทำงานร่วมกันอีก​ 2 ปุ่ม

โดยการสัมผัส​เลื่อนหน้าจอ​ไปซ้ายและขวา​ เพื่อเข้าสู่เมนูการทำงานต่างๆ​ ในหน้าแรกจะเป็นหน้า​ดังต่อไปนี้

Watch​ Face



เมื่อเลื่อนไปทางซ้ายจะพบกับ

Heart Rate


Stress


Weather


Music Control


Activity Status



ตามลำดับ



เมื่อปัดจากบนลงล่าง​ จะพบกับหน้าการตั้งค่าต่างๆ​ เช่น​ Do​ not  Disturb , Show Time, Find Phone, Alarm และการเข้าสู่เมนูตั้งค่าหลัก

ในหน้าการตั้งค่าหลักนั้นสามารถตั้งค่าดังต่อไปนี้



Earbuds​ สำหรับเชื่อมต่อกับหูฟัง​ Freebuds​ 3

Display​ สำหรับตั้งค่า​ Watch​ Faces

Strength  สำหรับตั้งค่าระดับในการสั่นเตือน

Do​ not Disturb สำหรับปิดการแจ้งเตือนต่างๆในขณะนอนหลับ

Down​ Button สำหรับปุ่มด้านล่างจะเป็นการเข้าสู่โหมดการออกกำลังกาย



และเมื่อปัดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นบน​ จะเป็นการเรียกหน้าต่าง​ Notifications สำหรับแสดงการเเจ้งเตือนต่างๆที่้เกิดขึ้น



แบตเตอรี่และการชาร์จ



แท่นชาร์จที่ให้มาในกล่องเป็นแบบ​ Magnet Charging​ ที่จะดูดติดกับตัวเรือนของ​ HUAWEI​ Watch​ GT​ 2e แบบอัตโนมัติ​ และชาร์จผ่าน​พอร์ต​ USB Type -​ C


โดยแบตเตอรี่ของ​ Watch​ GT​ 2e มีขนาด​ 455 mAh​ ซึ่งถือว่าค่อนข้างใหญ่​ เมื่อเทียบกับสมาร์ทวอชแบรนด์อื่นๆ​ และ​ Huawei เคลมว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 14 วัน และใช้งานได้ 30 ชั่วโมง​ ในโหมด GPS

เปรียบเทียบกับ Huawei Watch GT 2



จุดที่แตกต่างจาก Huawei Watch GT 2 คือ​


1.การไม่มีไมโครโฟนและลำโพงสนทนาในตัว​ ซึ่งทำให้มันไม่สามารถใช้รับสายและสนทนาได้ที่ตัวนาฬิกา โดยหากมีสายโทรเข้าจะขึ้นเพียงแค่การเเจ้งเตือน และมีปุ่มให้กดวางสายเท่านั้น





2.Watch Faces ที่สามารถดาวน์โหลดได้นั้นจะแตกต่าง​กับ​ Watch​ ​GT 2 โดยจะมีความเป็นสปอร์ตและวัยรุ่นมากกกว่า

3.สายนาฬิกาสามารถใช้ร่วมกันกับรุ่น Watch GT 2 ขนาดหน้าปัด 46 mm. ได้​แต่เนื่องจากลักษณะของขายึดนั้นแตกต่างกันดังภาพ



ทำให้พอนำสายของ Watch GT 2e มาใส่ใน Watch GT 2 ไม่ได้ครับ ขอบสายจะไปเกยกับฐานของขา



สรุป



Huawei Watch​ GT 2e เป็น​ Smart​Watch​ ที่มีการปรับดีไซน์​ใหม่​ และตัดฟีเจอร์ในส่วนของไมโครโฟนและลำโพงออกไป ทำให้ไม่สามารถรับสายสนทนาได้ นอกนั้นแทบไม่มีความแตกต่่างกันครับ​ ดังนั้นจุดนี้จึงขึ้นอยู่กับความชอบด้านดีไซน์ และ​ ความจำเป็นในการใช้รับสายของแต่ละบุคคลครับ



ราคาศูนย์ไทย : 4,990​ บาท

Article By : โลกไอทีวันนี้​ 

Comments