#เทียบสเปคต่อสเปค iPhone SE vs Samsung Galaxy A51 สมาร์ทโฟนยอดฮิตแห่งปี 2020 ด้วยราคาในหลักหมื่นต้น ใครคุ้มกว่ากัน โพสนี้เรามีคำตอบให้คุณ !!!




โพสนี้เป็นการนำข้อมูลของสองสมาร์ทโฟนยอดนิยมแห่งปี 2020 ที่ต่างก็เป็นตัวขายดีของค่ายอย่าง Samsung Galaxy A51 และ Apple iPhone SE ใหม่ มาเปรียบเทียบให้ดูกันในแต่ละแง่มุมว่าเป็นเช่นไร ใครมีจุดไหนที่โดดเด่นกว่ากันครับ

ในภาพรวมเมื่อแรกเห็น

iPhone SE 2020 ของ Apple ไม่ได้เป็นการอัพเกรดที่น่าทึ่งไปกว่าของเดิมเท่าไหร่นัก เนื่องจากใช้บอดี้เดียวกับของ iPhone 8 แต่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้เพียงพอและการปรับปรุงรายละเอียดบางประการให้เทียบเท่ากับสมาร์ทโฟนในตลาดปัจจุบัน

ในขณะที่ Samsung Galaxy A51 นั้นเรียกได้ว่าเป็นการพลิกตลาด Android สมาร์ทโฟนระดับกลางครั้งใหญ่ ด้วยการออกแบบตัวเครื่องและลูกเล่นคุณสมบัติต่างๆเทียบชั้นเรือธงกันเลย


ข้อมูลจำเพาะและคุณสมบัติ ของ Samsung Galaxy A51 vs. Apple iPhone SE 2020 ก่อนการเปรียบเทียบ


สเปค Samsung Galaxy A51

หน้าจอแบบ Infinity-O Display ชนิด Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว , ความละเอียด Full HD+, รองรับระบบ Always On Display
CPU : Samsung Exynos 9611 Octa Core
GPU : Mali - G72MP3
RAM : 6 GB/8 GB
ROM : 128 GB
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ Micro SD Card
กล้องหลัง 4 ตัว (Quad Rear Camera) ความละเอียด (48 ล้านพิกเซล) , f/2.0 + (12 ล้านพิกเซล) Ultra-Wide , f/2.2 + (5 ล้านพิกเซล) Macro Lens , f/2.4 + (5 ล้านพิกเซล) Depth Sensor , f/2.2 
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล , f/2.2
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ
รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
รองรับ Bluetooth 5.0
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C
แบตเตอรี่ความจุ : 4000 mAh + 15W Adaptive Fast Charging
ระบบปฎิบัติการ : Android 10 + One UI 2.0
สี : Prism Crush Pink, Prism Crush Silver, Prism และ Crush Blue 


สเปค iPhone SE 2020

หน้าจอชนิด IPS LCD สัดส่วน 16 : 9 ขอบหนา ที่มีขนาด 4.7 นิ้ว , ความละเอียด Retina HD, แสดงผลแบบ True Tone , รองรับ HDR10+ และ​ Dolby Vision 
ชิปเซ็ต Apple A13 Bionic
RAM : 3 GB
ROM : 64 GB/128 GB/256 GB
รองรับ 1 Sim Card
กล้องหลัง​เดี่ยวความละเอียด​ 12 ล้านพิกเซล​, f/1.8, รองรับ​ OIS
กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล , f/2.2
รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K @ 60 fps
รองรับ​ LTE 2X2 MIMO, WiFi6, Sim Card คู่​ (eSim + Nano)
รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP67 
รองรับ Touch ID ที่ปุ่ม Home 
รองรับ​ NFC และ​ Apple Pay 
แบตเตอรี่ความจุ : 1820 mAh + 18W Fast Charging และ Wireless Charging 
สี : สีดำ สีขาว และ (PRODUCT)RED


เปรียบเทียบ




มิติตัวเครื่อง Samsung Galaxy A51 

158.5 x 73.6 x 7.9 mm

น้ำหนัก : 172 กรัม


มิติตัวเครื่อง Apple iPhone SE 2020


138.4 x 67.3 x 7.3 mm

น้ำหนัก : 148 กรัม


iPhone SE 2020 กับ Galaxy A51  


การออกแบบ

นับเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ Apple ละทิ้งปุ่มโฮมและนำการออกแบบใหม่ทั้งหมดสำหรับ iPhone มาใช้ แม้ว่าในปีนี้ iPhone 11 Series จะนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ เช่น โมดูลกล้องสี่เหลี่ยมและวัสดุฝาหลังแบบแก้วหลอมขึ้นรูป  แต่เมื่อหันมา ดู iPhone SE 2020 คุณจะไม่พบสิ่งเหล่านั้น

iPhone SE 2020 มีหน้าตาด้านหน้าที่เหมือนกับ iPhone 8 ทุกประการ ด้วยหน้าจออัตราส่วน 16 : 9 ขนาด 4.7 นิ้ว ที่เราน่าจะพูดได้ว่ามันเล็กเกินไปแล้วในปัจจุบัน

ส่วน Samsung ได้ทำสิ่งมหัศจรรย์กับการออกแบบ จนสามารถทำให้ Galaxy A51 มีหน้าจอแบบ Infinity O Display   ขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว เต็มๆตา มีการออกแบบฝาหลังใหม่ ที่เรียกว่า Prism Color ซึ่งสะท้อนความโดดเด่นออกมาได้อย่างสวยงาม

ผู้ชนะ : Galaxy A51 

  
หน้าจอแสดงผล




ในขณะที่ Samsung ได้เปิดตัวดีไซน์ใหม่ที่น่าทึ่งของ Galaxy A51 ขอบด้านบนและด้านล่างนั้นบางลงอย่างมาก และหน้าจอจะมีรูเล็กๆที่ด้านบน ซึ่งเรียกว่า Infinity O Display 

อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง(Screen To Body Ratio) ที่ไม่มีใครเทียบของ Samsung ดึงดูดสายตามากกว่า ด้วยความแตกต่างของขนาดหน้าจอที่เต็มตาแบบไร้ขอบอย่างชัดเจน ซึ่ง Samsung Galaxy A51 ทำได้ถึง 90.5%




และที่สำคัญคือฝั่ง Samsung นั้นใช้หน้าจอแบบ Super Amoled ซึ่งมีความละเอียดสูงสุดที่ Full HD+ (1080 x 2400 พิกเซล) ในขณะที่ฝั่ง Apple นั้นมีหน้าจอ IPS LCD ที่สีสันสดใสน้อยกว่า และมีความละเอียดสูงสุดที่ Retina HD (750 × 1334 พิกเซล)




ทำให้โดยรวม Samsung จะมีหน้าจอแสดงผลที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด การใช้พาแนล Super Amoled ไม่เพียงควบคุมอุณหภูมิสีได้อย่างแม่นยำ แต่ยังแสดงผลที่ความคมชัดกว่าได้อีก จึงนับเป็นข้อได้เปรียบด้วยขนาดจอที่ใหญ่กว่าและรายละเอียดทางเทคนิคที่มากกว่า ฝั่งของ iPhone SE 2020 ที่เป็นจอ IPS ในสั้ดส่วน 16 : 9 ที่ขนาด 4.7 นิ้ว ซึ่งแม้ว่าจะรองรับ HDR และ Dolby Vision ด้วยก็ตามที

ผู้ชนะ : Galaxy A51 

หน่วยประมวลผล




ต้องบอกว่าข้อดีอย่างเด่นและเห็นได้ชัดมากของ iPhone SE 2020 คือการนำชิปเซ็ต Apple A13 Bionic ที่เป็นตัวเดียวกับเรือธงรุ่นปัจจุบันอย่าง iPhone 11 Series มาใส่ ทำให้มันแรงจริงครับ แต่ด้วยหน้าจอขนาดเล็ก จะเอามาใช้ให้เต็มประสิทธิภาพได้นั้นมันก็ลำบากหน่อย จะดูหนัง 4K หรือ เล่นเกมส์ มันก็ไม่ได้เต็มที่




ส่วน Samsung Galaxy A51 นั้นใช้ชิปเซ็ต Samsung Exynos 9611 Octa Core ที่ถือเป็นชิปเซ็ตระดับกลาง ดังนั้นเรื่องความแรงสู้ A13 ไม่ไหวแน่นอน แต่การเล่นเกมส์ กราฟฟิคสูงๆ หรือ ดูหนังความละเอียดสูง นั้นสามารถทำได้ และดูจะเข้ากันได้ดีกับหน้าจอขนาดใหญ่ของตัวเครื่องอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ดี ในหมวดนี้ต้องยกให้ iPhone SE 2020 ชนะเต็มๆครับ

ผู้ชนะ : iPhone SE 2020


ระบบกล้อง




Samsung Galaxy A51




กล้องหลัง 4 ตัว(Quad Rear Camera)

- กล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล , f/2.0 , Auto Focus , ขนาดเซนเซอร์ 1/2"

- Ultra Wide Lens (เลนส์อัลตร้าไวด์) 123 องศา , ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล , f/2.2

- Macro Lens (เลนส์มาโคร) ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล , f/2.4

- Depth Sensors (เลนส์วัดระยะ) ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล , f/2.2

- รองรับ Scene Optimizer , Live Focus และ การถ่ายวิดีโอ SlowMotion , ถ่ายวิดีโอ 4K , รองรับ Super Steady 

- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล , f/2.0


iPhone SE 2020




กล้องหลังเดี่ยว (Single Rear Camera)

- Primary Lens ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล , f/1.8

- กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล , f/2.2

----------------------

โดยจุดเด่นของ Samsung Galaxy A51 คือ "กล้อง" ที่ออกมาทำตลาดปั่นป่วนกันเลย ด้วยเลนส์มากคุณสมบัติครบทุกความต้องการในเครื่องเดียว

เลนส์หลัก ความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล ด้วยขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ถึง 1/2" ทำให้การเปิดรับแสงทำได้ดีกว่าเซนเซอร์ทั่วไปค่อนข้างมาก อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดภาพได้ดี 

กล้องมุมกว้าง หรือ Ultra Wide ที่กว้างมากถึง 123 องศา ซึ่งมากเกือบที่สุดในสมาร์ทโฟนปัจจุบัน ณ จุดนี้ต้องยอมรับว่าภาพถ่ายมุมกว้างแบบนี้ กิน Samsung ได้ยากจริงๆครับ

เลนส์ Depth สำหรับทำหน้าชัดหลังเบลอ ทำให้ภาพที่ได้ออกมานั้นสมบูรณ์แบบ ในแง่ของการตัดขอบระหว่างบุคคลและฉากหลัง เป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่ดูประดิษฐ์จนเกินไป , Dynamic และ Contrast ของภาพลงตัว ที่สำคัญเรายังสามารถปรับระดับการเบลอฉากหลังได้ แม้จะถ่ายเสร็จไปแล้ว และเปลี่ยน Effect การเบลอได้ถึง 4 รูปแบบ คือ Blur , Spin , Zoom และ Color Point

เลนส์ Macro ด้วยความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ถือว่ามากที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟน พร้อมระยะการถ่าย 3 - 5 cm. ทำให้ค่อนข้างยืดหยุ่นและถ่ายง่าย

ในขณะที่ด้าน iPhone SE 2020 ใช้ชุดฮาร์ดแวร์กล้องเดิมทั้งหมดแบบยกมาจาก iPhone 8 เลย

โดยกล้องหลัง​เดี่ยวความละเอียด​ 12 ล้านพิกเซล​, f/1.8, รองรับ​ OIS ทำงานร่วมกับ Neural Engine ในชิป A13 Bionic เพื่อใช้ประโยชน์จากการประมวลผลภาพถ่ายด้วย AI ให้มากขึ้นอีก ซึ่งรวมถึงโหมดภาพถ่ายบุคคล เอฟเฟ็กต์การจัดแสงภาพทั้งหกแบบ และการควบคุมระยะชัดลึก

ส่วนกล้องหน้า

Samsung Galaxy A51 มีกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล แบบ Fixed Focus มาพร้อมฟีเจอร์ AR sticker และ Beauty mode 3 ระดับ สามารถถ่าย Live focus โดยอาศัยซอฟแวร์ได้

ส่วน iPhone SE 2020 มีกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล และลูกเล่นในการปรับแต่งค่อนข้างน้อย

ส่วนคุณภาพของรูปถ่ายที่ได้ตรงจุดนี้คงต้องขึ้นกับความชอบของแต่ละบุคคลครับ


Biometrics




เช่นเดียวกับ iPhone ในยุคก่อนหน้า มีการใช้ระบบ Touch ID ที่หายไปพร้อมกับปุ่ม Home เมื่อหลายปีก่อน นำกลับมาอีกครั้ง ถามถึงความสะดวกก็มีค่อนข้างมากทีเดียว เพราะสแกนง่ายและเร็ว




แต่ Samsung ติดกับเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือแบบใต้หน้าจอ ชนิด Optical ที่ทำให้เครื่องสวยไม่มีเซนเซอร์วางเกะกะภายนอก และยังมีตัวเลือกเป็นระบบสแกนใบหน้า (แบบ 2 มิติ) มาให้ด้วย ทำให้มีทางเลือกในการใช้งานที่หลากหลายมากกว่า

ผู้ชนะ : Galaxy A51 


สีตัวเครื่อง




iPhone SE 2020 มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Black , White และ Product (RED) เป็นพื้นผิวกระจกกึ่งอาบมัน ไม่มีการเล่นเฉดสีใดๆ สำหรับคนชอบพื้นๆ




ส่วน Galaxy A51 มี Prism Crush Pink, Prism Crush Silver, และ Prism Crush Blue ใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงสีตามลักษณะของแสงที่ส่องตกกระทบเข้ามา เรารู้ว่าคุณน่าจะใส่เคสไว้ไม่ว่าคุณจะซื้อรุ่นใด แต่เราก็กล้าพูดได้ว่า ไม่สามารถละสายตาจาก Galaxy A51 ได้มากกว่าจริงๆ 

ผู้ชนะ : Galaxy A51 


แบตเตอรี่ / การชาร์จ

Samsung Galaxy A51 : แบตเตอรี่ 4000 mAh

iPhone SE 2020 : แบตเตอรี่ 1820 mAh




ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับระบบ Fast Charge โดย Galaxy A51 ใช้งาน 15W Adaptive Fast Charging ส่วน iPhone SE 2020 รองรับ 18W PD Fast Charging แต่ในกล่องมีให้แค่ 5V/1A Adapter แตกต่างจาก Samsung ที่ให้ 15W Adapter มาในกล่องเลย 

ความแตกต่างที่ชัดเจนอีกอย่างระหว่างทั้ง 2 รุ่น ก็คือ การชาร์จแบบไร้สาย เพราะรอบนี้ iPhone SE 2020 ใส่มาให้ แต่ Galaxy A51 ไม่มี 

ทำให้ภาพรวมๆแล้ว iPhone SE 2020 เหมือนจะชนะ ด้วยระบบการชาร์จที่เร็วและครอบคลุมมากกว่า แต่ว่าแบตเตอรี่ก็น้อยมากเหลือเกิน ซึ่งจุดนี้ Galaxy A51 กินขาดที่ 4000 mAh ดังนั้นจึงขอมอบผล "เสมอ" ให้ไปในยกนี้ครับ ขาดๆเกินๆกันไปทั้งคู่ 


ราคา

Samsung Galaxy A51

- รุ่น​ RAM 6 GB/ROM 128 GB ราคา​ 10,490 บาท

- รุ่น​ RAM 8 GB/ROM 128 GB ราคา​ 10,690 บาท


iPhone SE 2020

- ความจุ 64​ GB ราคา 14,900 บาท

- ความจุ 128​ GB ราคา 16,900 บาท

- ความจุ 256​ GB ราคา 20,900 บาท

ไม่มีความคิดเห็นในเรื่องของราคา เพราะเป็นการพิจารณาตามความพึงพอใจของแต่ละบุคคลครับ 

iPhone SE 2020 กับ Samsung Galaxy A51 : บทสรุป

ทั้งสองรุ่นคือสมาร์ทโฟนที่ดีมากจากแต่ละแพลตฟอร์มที่จะมีให้ผู้ใช้ได้ในตลาดระดับกลาง แต่หากมองความยืดหยุ่นและประโยชน์ในการใช้งานที่หลากหลายกว่า จะเป็นการยากที่จะปฎิเสธว่า Samsung Galaxy A51 นั้นครอบคลุมทุกการใช้งานกว่าจริงๆครับ ไม่ว่าจะเรื่องของหน้าจอ , ระบบกล้อง และความสะดวกในการใช้งาน ในขณะที่ iPhone SE 2020 คือเหล้าใหม่ ในขวดเก่า ที่ถามว่าสมาร์ทโฟนเครื่องเล็กๆยังมีคนต้องการอยู่หรือไม่ มีแน่ๆครับ แต่ต้องถามเช่นกันว่ามันยังคงตอบโจทย์กับรูปแบบ Content ในปี 2020 อยู่หรือเปล่า อันนี้คงต้องลองคิดกันดูครับ

Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments