#FullReview : Huawei Watch Fit นาฬิกาอัจฉริยะสายออกกำลังกายที่มีคุณสมบัติโดดเด่นอย่างน่าประหลาดใจ​ !!!!ด้วยหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 1.64 นิ้ว บนอัตราส่วนใหม่แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า , รองรับ Always On Display , โหมดออกกำลังกาย 96 รูปแบบ , กันน้ำ 5ATM , GPS ในตัว และ อายุใช้งานแบตเตอรี่ 10 วัน !!!! ในราคาเพียง 3,499 บาท !!!!


Huawei Watch Fit เป็นนาฬิกาออกกำลังกายที่อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติที่จะดึงดูดทุกคนที่ต้องการเริ่มต้นหรือรักษาวิถีแห่งการออกกำลังกาย​ และต้องการมองหาบางสิ่งบางอย่างที่เต็มเปี่ยมกว่า​




จอแสดงผล AMOLED ที่สดใส
สวมใส่สบาย
เต็มไปด้วยคุณสมบัติออกกำลังกายมากกว่า​ 100 รูปแบบ
Huawei กลับมาพร้อมกับอุปกรณ์สวมใส่รุ่นใหม่อย่าง Huawei Watch Fit รุ่นล่าสุด​ ด้วยราคาแสนประหยัด

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราได้เห็น Watch GT 2 และ Watch GT 2e จาก Huawei ซึ่งทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับการโหมดติดตามการออกกำลังกายที่ครบถ้วนเช่นกัน

Huawei Watch Fit ไม่ได้ปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมในด้านของซอฟต์แวร์มากนัก​ แต่เลือกจะนำเสนอจุดขายในการเป็นอุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายและสุขภาพ ในรูปแบบน้ำหนักเบา​, เข้าถึงได้ใช้งานง่าย​ และที่สำคัญที่สุดคือราคาไม่แพง

Watch Fit และมีข้อได้เปรียบอย่างมากด้วยการใช้หน้าจอแสดงผล AMOLED ในรูปแบบเพรียวบาง​ พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 10 วัน​ ทั้งหมดนี้ในราคาที่ถูกลง เราจะทดสอบและบอกเล่าในบทรีวิวฉบับเต็มด้านล่างนี้ครับ

ไฮไลค์




- Huawei Watch Fit มีให้​เลือก​ 4 สี ได้แก่​ Sakura Pink, Graphite Black, Cantaloupe Orange และ Mint Green

- มีหน้าจอ AMOLED

- GPS ในตัว

- เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

- โหมดการออกกำลังกายมากมาย

- Animate Fitness Guidance

Unboxing

ภายในกล่องประกอบด้วย




- Huawei Watch Fit จำนวน​ 1 เรือน

- Magnet Charging​ Adapter จำนวน​ 1 เส้น

- Quick Start Guide จำนวน​ 1 เล่ม


สเปค​ Huawei Watch Fit

หน้าปัดทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าชนิด​ Amoled ขนาด​ 1.64 นิ้ว​, ความละเอียด​ 456 × 280 พิกเซล​, ครอบทับด้วยกระจก​ 2.5D Glass 
รองรับ​ GPS ในตัว
ROM​ : 4 GB
รองรับ​ Heart Rate Monitoring
รองรับการกันน้ำระดับ​ 5ATM
รองรับ​ Bluetooth 5.1 LE 
ระบบปฎิบัติการ​ Lite​ OS

การออกแบบ




Huawei Watch Fit มีการออกแบบที่บางและประณีต มีปุ่มแบนทรงเรียวอยู่ทางด้านขวา​ของตัวเรือน​ มีหน้าปัดและกระจกโค้ง 2.5D ครอบทับทำให้นาฬิกาดูหรูหราแบบพรีเมี่ยม




มีความบางเพียง 10.7 มม. และน้ำหนัก 21 กรัม (รวมสายรัด​ 34 กรัม) ทำให้คุณแทบจะไม่รู้สึกถึงการสวมใส่บนข้อมือ​ ทำให้สวมใส่สบายเป็นพิเศษสำหรับการสวมใส่ตลอดทั้งวัน




เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ​ อยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง​ ซึ่งมีพื้นผิวพลาสติกเรียบ​ สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายและป้องกันการสะสมของเหงื่อ

Watch Fit ยังกันน้ำได้ 5ATM ซึ่งหมายความว่าสามารถอยู่ที่ระดับความลึกสูงสุด 50 เมตร  

นอกเหนือจากนั้น Watch Fit ยังเป็นหนึ่งในนาฬิกาออกกำลังกายที่สวมใส่สบายที่สุดที่เราทดสอบมา​ และคุณจะไม่มีปัญหาในการสวมใส่ตลอดทั้งวันทั้งคืน




ด้านหน้ามีหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.64 นิ้ว​ ที่มีความละเอียด 280 x 456 พิกเซล​ มีความคมชัดและขอบหน้าปัดค่อนข้างบาง  อัตราส่วนในรูปแบบกว้างทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า​ เป็นตัวเลือกการออกแบบที่ยอดเยี่ยมทำให้นาฬิกาบาง​  ในขณะที่แสดงข้อมูลจำนวนมากพร้อมกันได้ในหน้าจอเดียว

จอแสดงผลตอบสนองเมื่อคุณสัมผัสและปัดผ่านอินเทอร์เฟซ​ Lite​ OS​ ที่ใช้งานง่ายของ Watch Fit  นอกจากนี้ยังมีความสว่างและมองเห็นได้เป็นอย่างดีภายใต้แสงแดดโดยตรง​

คุณสมบัติและโหมดการออกกำลังกาย




จุดขายที่สำคัญของ Watch Fit คือ​โหมดติดตามการออกกำลังกายและสุขภาพที่หลากหลาย​กว่า​ 96 รูปแบบ​ ซึ่งสามารถติดตามการออกกำลังกายในรูปแบบพื้นฐาน เช่น​ การเดิน, วิ่ง, ขี่จักรยาน​ และ​ ว่ายน้ำ​ ไปจนกิจกรรมเฉพาะทาง​ เช่น​ ระบำหน้าท้อง​, การปาลูกดอก​, ศิลปะการต่อสู้​ และอื่นๆอีกมากมาย

นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ และแสดงโซนอัตราการเต้นของหัวใจ​, เป้าหมายระหว่างออกกำลังกาย, มี GPS ในตัวสำหรับทำแผนที่การวิ่งกลางแจ้ง




นอกเหนือจากโหมดการออกกำลังกายถึง 96 โหมด​ ใน Watch Fit ยังมีหลักสูตรออกกำลังกาย 12 หลักสูตรพร้อมด้วยภาพเคลื่อนไหว​ (Animate Fitness Guidance) 

เพื่อแนะนำคุณในแต่ละขั้นตอนของการออกกำลังกาย  หลักสูตรการออกกำลังกายประกอบด้วย​ การยืดกล้ามเนื้อ​, การออกกำลังกายเพื่อสลายไขมันอย่างรวดเร็ว​, การออกกำลังกายที่เน้นส่วนหลักของร่างกายและอื่นๆอีกมากมาย




เป็นคุณสมบัติที่มาใหม่​ และเราจะไม่ได้เห็นใน​ Watch​ GT​ Series​ ซึ่งตรงนี้​ ได้ทดลองใช้เองแล้วพบว่าได้ผลมากครับ​ เรียกเหงื่อได้ดี​ และยังไม่เคยเห็นสมาร์ทวอชรุ่นไหนทำมาก่อน




และยังมีฟีเจอร์ช่วยให้คุณตรวจสอบความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในกลุ่มราคานี้

การตรวจสอบ SpO2 กลายเป็นคุณลักษณะที่แพร่หลายในนาฬิกาออกกำลังกายและช่วยบ่งบอกถึงสภาพร่างกายโดยรวมของคุณ​ เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาพื้นฐานในร่างกายได้

Watch Fit วัด SpO2 ในช่วงเวลาต่างๆตลอดทั้งวันและในระหว่างการออกกำลังกายได้


​ 

เมื่อพิจารณาจากราคาของ Watch Fit แล้ว​ ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเป็นคู่หูการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่กำลังมองหาสิ่งที่ราคาไม่แพงมาก




สามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆและข้อมูลสภาพอากาศจากสมาร์ทโฟนของคุณได้




HUAWEI TruSeen™ 4.0 และยังสามารถตรวจจับภาวะหัวใจเต้นในอัตราต่ำกว่าปกติหรือภาวะหัวใจล้มเหลวได้

และนอกจากนี้ยังตั้งค่าแจ้งเตือนรอบประจำเดือนสำหรับสุภาพสตรีได้ด้วย




วิธีการเชื่อมต่อ​ และ​ Software 

Huawei Watch​ Fit รองรับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น​ HUAWEI​ Health ซึ่งจะมีติดตั้งไว้ในสมาร์ทโฟน​ Huawei ทุกรุ่นอยู่แล้ว​ แต่หากคุณใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น​ ก็สามารถดาวน์โหลดผ่าน​ Google​ Play​ S​tore มาติดตั้งได้เช่นกัน​ รวมถึงระบบ​ iOS ก็สามารถดาวน์โหลดผ่าน​ App Store ได้





โดยเมื่อเข้าแอพ​ Huawei Health แล้วให้ไปที่เมนู​ Devices​ เลือกติดตั้ง​ Smart​ Watch​ และเลือกรุ่น​ Watch​ Fit

จากนั้นให้กดปุ่มเพื่อเปิดเครื่อง​ Watch​ Fit โดยเมื่อเปิดแล้วจะมีการเลือกภาษาในการแสดงผล​

จากนั้นจะเข้าสู่หน้า​ Pairing Mode ก็ให้กลับไปดูที่หน้าแอพ​ ให้กด​ Search Device จะพบชื่อ​ของ​ Watch​ Fit ให้กดเชื่อมต่อ​ จากนั้นรอเพียงไม่กี่อึดใจก็เป็นอันเสร็จสิ้น




ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อแล้ว​ ระบบจะพามาสู่หน้าหลัก​ สำหรับการตั้งค่าทั้งหมด​ดังต่อไปนี้

Watch​ Faces




สำหรับปรับเปลี่ยนหน้าจอ​ โดยมีทั้งแบบสำเร็จรูป​ และแบบ​ Custom ที่เราสามารถนำรูปในสมาร์ทโฟนมาทำเป็นหน้าปัดได้​ พร้อมการตั้งค่ารูปแบบต่างๆในการแสดงผล

Huawei TruSleep

ระบบตรวจสอบการนอนของผู้สวมใส่​ โดยคำนวณจากอัตราการหายใจ , การขยับของกล้ามเนื้อ​ แล้วสามารถวิเคราะห์ออกมาเป็นรูปแบบในการนอน​พร้อมกับปัญหาที่ควรแก้ไข

อีกทั้งยังสามารถแจงค่าสถิติรูปแบบในการนอนของแต่ละคืนออกมาได้อย่างละเอียด​ ซึ่งถือว่าน่าจะดีที่สุดในตลาดของ​ Smart​Watch​ ตอนนี้

พร้อมด้วยการแนะนำในการแก้ไขปัญหาการนอนเบื้องต้น​ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการนอนให้มากกว่าเดิม

ระบบ​ Heart Rate Monitoring

สามารถตั้งค่าวัดหัวใจได้หลายรูปแบบ​ ทั้ง

Smart​ สำหรับตั้งค่าวัดแบบอัตโนมัติ​ โดยขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ​ ณ​ เวลานั้นๆ

Real -​ Time เป็นการวัดและเก็บข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา​ แต่ว่าจะเปลืองแบตเตอรี่

และยังสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนในกรณีที่อัตราการเต้นของหัวใจ​มีความผิดพลาด​ ไม่ว่าจะเต้นเร็วเกินไปหรือช้าเกิน​ไป​ ต่อเนื่องนานเกิน​ 10 นาที

Stress Test หรือ​ ตรวจจับความเครียด

โดยในการใช้งานครั้งแรกจะเป็นการตอบคำถามสั้น ๆประมาณ​ 12​ ข้อ เพื่อประเมินระดับความเครียดของตัวเรา หลังจากนั้นหากระดับความเครียดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งประเมินจากอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นแบบกระทันหัน​ (ยกเว้นตอนออกกำลังกาย)​ จะมีการแจ้งเตือนที่ตัวนาฬิกา และเข้าสู่โหมดการฝึกหายใจ เพื่อช่วยระบายความเครียด​ และปรับสมดุลในร่างกายให้มีสภาพที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลา




นอกนั้นก็จะเป็นการตั้งค่าอื่นๆทั่วไป​ เช่น​ การตั้งปลุก​, การแจ้งเตือน​, รายชื่อในสมุดโทรศัพท์​, สภาพอากาศ, เปิดหน้าจอเมื่อยกแขนขึ้น​ และ​ การอัพเดท​

*เมื่อเปิดเครื่องใช้งานครั้งแรก​ ให้เข้าไปกดรับการอัพเดทใหญ่ก่อน​ 1 ครั้ง​ เพื่อการทำงานที่สมบูรณ์

การแสดงผลบนตัวเรือนและวิธีการควบคุม

Huawei Watch Fit รองรับการสัมผัสหน้าจอเพื่อสั่งงานและมีปุ่มทำงานร่วมกัน

โดยการสัมผัส​เลื่อนหน้าจอ​ไปซ้ายและขวา​ เพื่อเข้าสู่เมนูการทำงานต่างๆ​ ในหน้าแรกจะเป็นหน้า​ Watch​ Face

เมื่อเลื่อนไปทางซ้ายจะพบกับ




Heart Rate




Stress




Weather




Music Control




Activity Status




Sleep

ตามลำดับ




เมื่อปัดจากบนลงล่าง​ จะพบกับหน้าการตั้งค่าต่างๆ​ เช่น​ Do​ not Disturb , Show Clock, Find Phone, Alarm และการเข้าสู่เมนูตั้งค่าหลัก




และเมื่อปัดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นบน​ จะเป็นการเรียกหน้าต่าง​ Notifications สำหรับแสดงการเเจ้งเตือนต่างๆที่้เกิดขึ้น


แบตเตอรี่และการชาร์จ

แท่นชาร์จที่ให้มาในกล่องเป็นแบบ​ Magnet Charging​ ที่จะดูดติดกับตัวเรือนของ​ HUAWEI​ Watch​ Fit แบบอัตโนมัติ



แบตเตอรี่ของ​ Watch​ Fit​ เคลมว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 10 วัน ​ซึ่งจากที่ทดลองใช้มา​ 1 สัปดาห์​ ก็พบว่าแบตอึดเอาเรื่องเลยครับ​ ดังนั้นจึงน่าจะอยู่ได้ในระดับ​ 10 วัน​ บวกลบแบบสบายๆ​ ตามที่​ HUAWEI​ กล่าวมา

สรุป

Huawei Watch​ Fit เป็น​ Smart​Watch​ ที่มีการปรับปรุงในแง่ของราคาให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น​ และเมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่งด้วยราคาเพียง​ 3,499 บาท​ ก็ถือว่าคุ้มค่าและเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นๆในตลาดตอนนี้เลยครับ

Article By : โลกไอทีวันนี้​ 

Comments