#FullReview : Vivo X50 Pro 5G สุดยอดสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องกันสั่นแบบ Gimbal รุ่นแรกของโลก !!! พร้อม ชิปเสียง HiFi , หน้าจอ AMOLED 90 Hz, ชิปเซ็ต Snapdragon 765G, กล้องหลัง 4 ตัว HyperZoom 60 เท่า และ แบตเตอรี่ 4315 mAh + 33W Flash Charge !!!!
นี่คือหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาของเดือนกันยายน และแน่นอนว่ามีแฟนๆจำนวนไม่น้อยที่รอคอยกับ Vivo X50 Pro 5G ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ทั้งเครื่อง โดยไฮไลค์อยู่ที่การติดตั้งกล้องหลังที่มีระบบกันสั่นแบบ Gimbal เป็นรุ่นแรกของโลก รวมไปถึงดีไซน์สุดล้ำด้วยสีสันแบบทูโทน พื้นผิวตัวเครื่องไล่สีอย่างนุ่มนวล ผสานกับตัวกล้อง Gimbal ด้านหลังตัวเครื่องอย่างลงตัว ทำให้มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูด แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ทั้งหมดที่คุณจะได้พบในสมาร์ทโฟนน่าทึ่งเครื่องนี้ แต่จะมีอะไรบ้างลองตามไปดูกันได้เลยครับ
Unboxing
กล่องของ Vivo X50 Pro 5G มีทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส โทนสีน้ำเงินเข้ม พร้อมด้วย Texture กล่องแบบสะท้อนแสงเป็นรูปตัวอักษร X ขนาดใหญ่ ดูแล้วพรีเมี่ยมแบบสุดๆครับ
ภายในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Vivo X50 Pro 5G
- Adapter Vivo Flash Charge 2.0
- สาย USB Type - C
- หูฟัง 3.5 mm.
- Adapter 3.5 to Type C
- เคสซิลิโคน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
สเปค Vivo X50 Pro 5G
หน้าจอขอบโค้งคู่ชนิด E3 Amoled ขนาด 6.56 นิ้ว, ความละเอียด Full HD+, อัตรา Refresh Rate 90 Hz, Touch Sampling Rate 180 Hz, รองรับ HDR10+
CPU : Qualcomm Snapdragon 765G
RAM : 8 GB ชนิด LPDDR4X
ROM : 256 GB ชนิด UFS 2.1
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ 5G (n41, n78)
กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48 + 8 + 8 + 13 ล้านพิกเซล, เซนเซอร์หลัก Sony IMX598 (ปรับแต่งพิเศษ) , f/1.6 + f/2.2 + f/3.4 + f/2.46 , รองรับระบบกันสั่นแบบ Gimbal OIS, รองรับ Ultra Wide 120 องศา, รองรับ Periscope Lens (HyperZoom สูงสุด 60 เท่า) และ Portrait Lens
รองรับ Color Temperature Sensor
โหมดถ่ายภาพ : Super Night Mode , ASTRO Mode, Pro Sport Mode, Pro Mode, Smart Zoom, 3D Sound Tracking, EFB Tracking, Motion VDO, Shadow Removal และ Photo Restoration
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล, f/2.45
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
รองรับ WiFi6/Bluetooth 5.1/NFC
รองรับชิปเสียง AK4377A Hi-Fi + Hi - Res Audio
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C
แบตเตอรี่ความจุ : 4315 mAh + 33W Flash Charge 2.0
ระบบปฎิบัติการ : Android 10 + FunTouch OS 10.5
มิติตัวเครื่อง : 158.46 x 72.8 x 8.04 มม.
น้ำหนัก : 181.5 กรัม
Design
การออกแบบของ Vivo X50 Pro 5G ในตัวเครื่องสี Alpha Gray ได้รับการสร้างและการตกแต่งอย่างสวยงาม
ซึ่งโจทย์ที่ทาง Vivo ตั้งไว้เวลาจะดีไซน์สมาร์ทโฟนทุกรุ่นคือ เทคโนโลยีต้องควบคู่ไปกับศิลปะแห่งการออกแบบและความงาม ทุกอย่างต้องพิถีพิถันและลงตัวหมด ทั้งการจัดวางตำแหน่งต่างๆรวมไปถึงสีเครื่อง ทำให้เจ้า X50 Pro เครื่องนี้สวยและพรีเมี่ยมแบบไร้ที่ติ
Vivo X50 Pro 5G มีขนาด 158.46 x 72.8 x 8.04 มม. และ น้ำหนัก 181.5 กรัม ซึ่งหมายความว่าเครื่องค่อนข้างเล็ก บาง และเบา ซึ่งเราค่อนข้างตกใจมาก เพราะด้วยเทคโนโลยีหลายอย่างที่ใส่มาไม่น่าจะมีเครื่องเล็กได้แบบนี้ จุดนี้ต้องขอชื่นชมอย่างมากจริงๆครับ มันแสดงให้เห็นว่า Vivo นั้นใส่ใจในการออกแบบทั้งภายนอกและภายในเป็นอย่างมากจริงๆ
ปุ่ม Power อยู่ทางด้านขอบขวา ตำแหน่งการวางจะอยู่พอดีนิ้วหัวแม่มืออย่างดี และปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่เหนือขึ้นไป
ขอบด้านบนติดตั้งไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง
และมีข้อความ 5G Professional Photography ที่สะท้อนแสงแบบโฮโลแกรม บ่งบอกและย้ำให้ชัดว่า Vivo X50 Pro 5G มีคุณสมบัติการเชื่อมต่อเครือข่ายแห่งอนาคตและการถ่ายภาพในระดับมืออาชีพ
ในขณะที่ขอบด้านล่าง คุณจะพบพอร์ต USB Type - C บริเวณตรงกลาง พร้อมไมค์สนทนา ขนาบข้างด้วยลำโพง และ ถาดซิมการ์ดแบบคู่ ไม่รองรับ Micro SD Card และไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm.บน Vivo X50 Pro 5G ซึ่งน่าเสียดายมาก
ที่ด้านหลังจะพบโมดูลกล้องขนาดใหญ่ เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางแนวตั้ง ซึ่งมีกล้อง 4 ตัว โดยกรอบโมดูลยกขึ้นเพียง 2 - 3 มิลลิเมตร จากฝาหลังของเครื่อง ซึ่งจุดนี้ก็น่าตกใจอีกแล้ว เพราะระบบกล้องจัดมาเต็มมากทั้ง Gimbal Camera System ในกล้องหลัก และ เลนส์ Periscope ที่ต้องใช้พื้นที่ในการวางค่อนข้างมาก กลับทำให้บางจนแทบแนบสนิทไปกับฝาหลังเครื่องได้แบบนี้สุดยอดจริงๆครับ
โดยภาพรวมของการออกแบบ Vivo X50 Pro 5G นั้นทำออกมาได้สวยสมบูรณ์แบบ เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกได้ถึงความพรีเมี่ยมและงานประกอบที่แข็งแรงแน่นหนา สี Alpha Gray ก็หรูหราดูน่าค้นหา และมีการเล่นเฉดแสงในมุมตกกระทบที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดีครับ
หน้าจอ (Display)
Vivo X50 Pro 5G มีหน้าจอขอบโค้งคู่ชนิด E3 Amoled แบบ Ultra O Screen ขนาด 6.56 นิ้ว, ความละเอียด Full HD+, อัตรา Refresh Rate 90 Hz, Touch Sampling Rate 180 Hz, รองรับ HDR10+
หน้าจอนั้นใหญ่เต็มตาและขอบบางมาก โดยส่วนที่หนาที่สุดอยู่ที่ขอบล่างของจอแสดงผล แต่ยังคงบางมากๆอยู่ ด้วยคุณสมบัติการผลิตจอแบบ COF และช่องเจาะรูที่มุมซ้ายบนซึ่งเป็นที่อยู่ของกล้องหน้า
จอแสดงผลสว่างและมีความคมชัดสูงมาก ลื่นไหลด้วยอัตรา Refresh Rate 90 Hz ซึ่งต้องยอมรับว่าทำได้ดีมาก จนรู้สึกว่าดีกว่า 120 Hz ของค่ายอื่นๆบางรุ่นด้วยซ้ำไป พ่วงด้วยการตอบสนองสัมผัสหรือRespone Rate ที่ 180 Hz ยิ่งลื่นขึ้นไปอีก
มีการรองรับ HDR10 + และ Widevine L1 ด้วย ดังนั้นหากคุณรับชมเนื้อหาจากบริการต่างๆเช่น Netflix หรือ YouTube ก็จะพบว่ามันดูสวยงามมากๆบนหน้าจอของ Vivo X50 Pro 5G ทำให้การรับชมวิดีโอให้ประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ ด้วยการแสดงสีที่อัดแน่นไปด้วยความสดใสครับ
ในแง่การใช้งานกลางแจ้งสามารถสู้แสงได้ดีมาก
และสุดท้ายคือมีการติดฟิล์มกันรอยมาให้จากโรงงานแล้ว ทำให้ไม่ต้องไปลำบากหามาติดเพิ่มเอง
Software
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 10 ภายใต้ FunTouch OS 10.5 เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งเป็น UI อันโด่งดังของทางค่าย ที่มีหน้าตาสวยงามและใช้งานไม่ยุ่งยาก
หน้าตา Home screen , AppDrawer นั้นค่อนข้างจะเรียบง่าย
โดยเมื่อปัดไปทางซ้ายจะมีหน้า GoogleDashBoard ที่แสดงข้อมูลต่างๆที่สำคัญ เช่น พยากรณ์อากาศ , บันทึกโน๊ต , แอพที่เรียกใช้ประจำ เป็นต้น และยังสามารถสลับใช้งานกับ Jovi Dashboard ของทางค่ายได้ด้วย วิธีการง่ายมากๆ แค่กดปุ่มขวาบนเท่านั้น
ระบบควบคุมมีทั้งแบบ Navigation Bar หรือสามารถปรับไปใช้ Gesture Control ก็ได้
อัตราการรีเฟรชหน้าจอของ Vivo X50 Pro 5G สามารถเลือกได้ระหว่าง 90Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหล หรือ 60Hz เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานมากขึ้น หรือปรับแบบ Smart Switch ให้ระบบเลือกให้อัตโนมัติตามชนิดคอนเท้นต์ก็ได้
อีกทั้งยังรองรับระบบ Always On Display ที่ปรับแต่งได้ยืดหยุ่นหลากหลาย
Hardware & Performance
Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 765G ที่ถือว่าเป็นชิปเซ็ตที่ดีที่สุดในกลุ่ม High Mid Range ของ Android ณ เวลานี้แล้ว ด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 7 นาโนเมตร และ GPU Adreno 620 โดยได้รับการปรับปรุง CPU ให้เร็วขึ้น 10%, GPU ให้เร็วขึ้น 40% ลดการใช้พลังงานลง 35% และมีประสิทธิภาพด้าน AI เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับชิปเซ็ต Snapdragon 730
อีกทั้งมาพร้อม RAM 8 GB และ ROM 256 GB
ทำให้ผลทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม Geekbench ทำคะแนนในโหมด Multi Core ได้ 1910 คะแนน และ Single Core ได้ 634 คะแนน
ทดสอบ Widevine ได้ L1 สามารถดู NETFLIX รองรับสูงสุดที่ระดับ HD ครับ
Gaming
สำหรับประสบการณ์ในการเล่นเกมส์ด้วย Vivo X50Pro 5G นั้นทำได้ดี จากการทดสอบด้วย PUBG Mobile นั้นพบว่าสามารถปรับกราฟฟิคเกมส์ได้ในระดับสูงสุดทั้งหมด และสามารถเล่นได้ต่อเนื่องโดยที่ไม่มีอาการกระตุก ต้องพูดเลยว่าลื่นมากๆด้วยซ้ำ
ด้วยการสนับสนุน Ultra Game Mode เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหมาะสำหรับการเล่นเกมอย่างแท้จริง
และ Ultra Game Mode ยังมีโหมดห้ามรบกวน เพื่อช่วยปฏิเสธสายเรียกเข้า และการแจ้งเตือนอื่นๆไม่ให้รบกวนในระหว่างเล่นเกมด้วย
Sound System
นี่คือจุดเด่นและจุดขายตลอดกาลของแบรนด์ Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกับชิปเสียง AK4377A แม้ว่าลำโพง Speaker จะเป็นแบบ Mono แต่ยังให้ความดังทุ้มมีมิติ เปิดดังสุดไม่แตก
และหน้าจอยังรองรับฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Ambient Light Effect สำหรับแสดงกราฟฟิคที่ขอบโค้งขณะเล่นเพลงได้ด้วย แต่ถ้าอยากสัมผัสกับประสบการณ์ HiFi เราแนะนำให้ใช้หูฟังครับ โดยเฉพาะหากใช้คู่กับ Vivo TWS Buds Neo แล้วจะให้เสียงที่ดีเหมาะสมที่สุดครับ
การเชื่อมต่อ 5G
Vivo X50 Pro สามารถใช้งาน 5G ได้ทันทีที่แกะกล่อง โดยมาพร้อมโมเด็ม Snapdragon X52 ที่ปรับแต่งพิเศษรองรับแบนด์ n41, n78 ในประเทศไทยพร้อม Antenna หรือเสาสัญญาณ 5G แบบรอบตัวเครื่อง ทำให้รับสัญญาณได้คมชัดทุกทิศทาง
Camera System
สุดยอดกล้องที่มาพร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Gimbal ในสมาร์ทโฟนเป็นรุ่นแรกของโลก
อย่างที่บอกไปข้างต้น ไฮไลค์แสนยิ่งใหญ่ของ Vivo X50 Pro 5G อยู่ที่ระบบกล้อง Gimbal ในสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ซึ่งอยู่ในเลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ติดตั้งบนระบบ Gimbal ช่วยป้องกันการสั่นสะเทือนในทิศทางที่เอียงไปด้านหน้า-ด้านหลัง และด้านซ้าย-ด้านขวา สามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้ดีกว่าระบบ OISถึง 3 เท่า
ส่วนรายละเอียดเลนส์ทั้งหมดประกอบด้วย
- กล้องหลัก Gimbal ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล , f/1.6 , เซ็นเซอร์ Sony IMX598 แบบปรับแต่งพิเศษ
- กล้อง Portrait ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, f/2.46
- กล้อง Super Wide-Angle & Macro ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล , f/2.2 , มุมกว้าง 120 องศา และถ่ายภาพมาโครในระยะใกล้สุด 2.5 cm.
- กล้อง Periscope ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล , f/3.4
โดยภาพรวมการถ่ายภาพด้วยเลนส์หลักนั้น ให้รายละเอียดที่คมชัด และ มี Dynamic ของภาพที่ดี ภายใต้สภาวะกลางวันทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
เซนเซอร์หลัก Sony IMX598 มีการปรับจูนแบบพิเศษเฉพาะสำหรับ Vivo ทำให้กล้องดีขึ้นกว่าเดิม จนรู้สึกเกินหน้าเกินตารุ่นเรือธงหลายๆตัวเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายเลนส์หลัก
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra Wide 120 องศา มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี มีมุมมองที่กว้างพอเก็บองค์ประกอบได้ครบถ้วน ไม่พบว่ามีอาการ Distort ของภาพให้เห็นเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยซอฟแวร์ปรับแก้ให้ การถ่ายในตอนกลางวันทำออกมาดี แต่ที่ตกใจคือกลางคืนก็ทำได้ดีมากเช่นกันแม้จะใช้โหมด Auto
ตัวอย่างภาพถ่าย Ultra Wide
ถือเป็นจุดเด่นของแบรนด์ โดยทดสอบถ่ายในที่มืดพบว่าจะให้ภาพที่ออกมามี Quality ที่ดีโดดเด่น ให้โทนภาพที่มีความสมดุลค่อนข้างสูง บนความสว่างที่เก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดี ด้วยองค์ประกอบขั้นเทพหลายๆประการ ทั้งรูรับแสงเลนส์หลักที่กว้างถึง f/1.6, ระบบกันสั่น Gimbal ลดอาการภาพสั่นไหวได้มาก และ ระบบ AI ที่ช่วยประมวลผล
และ Super Night Mode ยังมีโทนสีให้เลือกใช้งานถึง 4 แบบ ประกอบด้วย Black&Gold, Blue Ice, Green Orange และ Cyber Punk ที่จะเร่งเฉดสีตามชื่อ ให้ความแปลกใหม่ดีครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย Super Night Mode
ภาพถ่ายโหมดบุคคล ละลายหลังได้เป็นธรรมชาติ มีการตัดขอบได้ค่อนข้างเนียนตามาก สามารถปรับระดับเบลอหลังแบบ Manual ได้
ตัวอย่างภาพถ่ายบุคคล (Portrait Mode)
ภาพถ่ายระยะไกล ใช้เลนส์ Periscope ที่รองรับ Optical Zoom สูงสุด 5 เท่า และ Hyper Zoom สูงสุด 60 เท่า ทำงานร่วมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหว สามารถเก็บภาพจากระยะไกลได้อย่างชัดเจน โดยดีที่สุดในความเห็นส่วนตัว สามามารถลากไปได้ถึงระยะ 10 เท่า แต่มากกว่านั้นจะเป็น Digital Zoomซึ่งจะชัดขนาดไหนขึ้นอยู่กับประเภทของสิ่งที่ถ่ายและสภาวะแวดล้อมในขณะนั้นด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย HyperZoom 60 เท่า (ตัวอย่างเทียบระยะ 0.6X, 1X, 2X, 5X และ 60X)
ภาพถ่าย Macro ในระยะใกล้สุด 2.5 cm. ใช้งานค่อนข้างง่าย เมื่อเข้าใกล้จะปรับโหมดให้อัตโนมัติ มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี
ตัวอย่างภาพถ่าย Macro
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล นั้นค่อนข้างให้โทนภาพในแบบธรรมชาติ , มีการปรับแต่ง Beauty Mode ได้หลายระดับ หลายรูปแบบ และสามารถถ่ายแบบ Portrait ได้
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
โหมด VDO แบบ Gimbal ที่ต้องบอกก่อนว่า ไม่ใช่เห็นชื่อ Gimbal ก็จะบุกภูเขาเผากระท่อมได้ วิธีถ่าย Gimbal นั้นก็มีวิธีและรูปแบบในการเดินเฉพาะตัว ที่ผู้ใช้จำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับระบบ เมื่อนั้นแล้วคุณจะสามารถดึงประสิทธิภาพในการใช้งานออกมาได้อย่างเต็มที่ครับ
นอกจากนี้ Vivo X50 Pro 5G ยังมีฟีเจอร์ Motion AF Tracking ที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคลที่ต้องการถ่ายแบบต่อเนื่องได้อย่างแม่นยำโดยนอกจากจะติดตามดวงตาและใบหน้า ยังสามารถติดตามร่างกายของผู้ถูกถ่ายได้อีกด้วย ทำให้บุคคลที่กำลังถูกจับภาพไม่หลุดโฟกัส และยังเลือกปรับการซูมภาพเข้า - ออก ตามตำแหน่งบุคคลที่กล้องจับอยู่แบบอัตโนมัติ ทำให้ได้งานถ่ายออกมาในระดับมืออาชีพ
ระบบรักษาความปลอดภัย
เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ใต้หน้าจอ ทำงานได้ดีมาก และสามารถลงทะเบียนได้หลายนิ้ว สแกนติดง่าย ปลดล๊อคค่อนข้างไว โดยภาพรวมถือว่าสอบผ่านฉลุยครับ
วิธีหนึ่งในการเพิ่มความเร็วการปลดล็อคบน Vivo X50 Pro 5G คือการจับคู่การสแกนลายนิ้วมือกับการปลดล็อคด้วยใบหน้า ซึ่งสามารถรวมคุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยไบโอเมตริกซ์ทั้งสองพร้อมกันเมื่อคุณปลดล็อคและสามารถให้ผลลัพธ์ที่เร็วกว่าได้ครับ
แบตเตอรี่
มาพร้อมความจุ 4315 mAh ซึ่งค่อนข้างใหญ่และเพียงพอต่อการใช้งานแบบข้ามวันสบายๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบชาร์จ Vivo Flash Charge 2.0 ให้ความเร็วในการชาร์จ 33W สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0 – 50% ภายในระยะเวลาเพียง 30 นาที
ราคาจำหน่าย
Vivo X50 Pro 5G จะเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 8 กันยายน ในตัวเลือกสี Alpha Gray ที่ราคา 24,999 บาท รับฟรีเครื่องดูดฝุ่น มูลค่า 1,999 บาท Gift Voucher สำหรับหูฟัง TWS Neo และ VIP Card ประกันหน้าจอแตก และขยายประกันเครื่องเพิ่ม 1 ปี
พิเศษ เมื่อสั่งซื้อผ่านผู้ให้บริการ AIS และ TrueMove H มีสิทธิ์เป็นเจ้าของในราคาเริ่มต้นเพียง 13,989 บาท (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ให้บริการฯ แต่ละราย)
สรุป
Vivo X50 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่เกิดมาเพื่อท้าทายงานถ่ายภาพในทุกสภาวะรูปแบบอย่างแท้จริง ด้วยจุดเด่นแบบ Gimbal Camera System เพียงรายเดียวในขณะนี้ที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะงานภาพนิ่งหรือวิดีโอ ก็ทำให้กลายเป็นผลงานระดับมืออาชีพที่น่าทึ่งได้อย่างง่ายดายครับ
Article By : โลกไอทีวันนี้
#VivoX50Pro5G
#PhotographyRedefined
Comments
Post a Comment