#FullReview : Vivo X50 Pro 5G สุดยอดสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องกันสั่นแบบ Gimbal​ รุ่นแรกของโลก​ !!! พร้อม ชิปเสียง​ HiFi​ , หน้าจอ​ AMOLED 90 Hz, ชิปเซ็ต​ Snapdragon 765G, กล้องหลัง​ 4 ตัว​ HyperZoom 60 เท่า​ และ​ แบตเตอรี่​ 4315 mAh + 33W Flash Charge !!!!




นี่คือหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาของเดือนกันยายน​ และแน่นอนว่ามีแฟนๆจำนวนไม่น้อยที่รอคอยกับ Vivo​ X50​ Pro​ 5G ที่มาพร้อมนวัตกรรม​ใหม่ทั้งเครื่อง​ โดยไฮไลค์อยู่ที่การติดตั้งกล้องหลังที่มีระบบกันสั่นแบบ Gimbal เป็นรุ่นแรกของโลก​ รวมไปถึงดีไซน์สุดล้ำด้วยสีสันแบบทูโทน​ พื้นผิวตัวเครื่องไล่สีอย่างนุ่มนวล ผสานกับตัวกล้อง Gimbal ด้านหลังตัวเครื่องอย่างลงตัว ทำให้มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูด แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ทั้งหมดที่คุณจะได้พบในสมาร์ทโฟนน่าทึ่งเครื่องนี้​ แต่จะมีอะไรบ้างลองตามไปดูกันได้เลยครับ

Unboxing


กล่องของ​ Vivo​ X50​ Pro​ 5G มีทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส​ โทนสีน้ำเงินเข้ม​ พร้อมด้วย​ Texture กล่องแบบสะท้อนแสงเป็นรูปตัวอักษร​ X​ ขนาดใหญ่​ ดูแล้วพรีเมี่ยมแบบสุดๆครับ

ภายในกล่องประกอบด้วย


- ตัวเครื่อง​ Vivo​ X50​ Pro​ 5G​
- Adapter Vivo Flash Charge 2.0
- สาย USB Type - C
- หูฟัง​ 3.5 mm.
- Adapter 3.5 to Type C 
- เคสซิลิโคน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน

สเปค​ Vivo​ X50​ Pro​ 5G

หน้าจอขอบโค้งคู่ชนิด​ E3 Amoled​ ขนาด​ 6.56 นิ้ว​, ความละเอียด​ Full​ HD+, อัตรา​ Refresh​ Rate​ 90​ Hz​, Touch Sampling Rate 180 Hz, รองรับ​ HDR10+
CPU : Qualcomm Snapdragon 765G
RAM : 8 GB ชนิด​ LPDDR4X
ROM : 256 GB ชนิด​ UFS 2.1
รองรับ​ 2 Sim Cards
รองรับ​ 5G (n41, n78) 
กล้องหลัง​ 4 ตัว​ ความละเอียด​ 48 + 8 + 8 + 13 ล้านพิกเซล, เซนเซอร์หลัก​ Sony​ IMX598 (ปรับแต่งพิเศษ)​ , f/1.6 + f/2.2 + f/3.4 + f/2.46 , รองรับระบบกันสั่นแบบ​ Gimbal​ OIS​, รองรับ​ Ultra Wide 120 องศา​, รองรับ​ Periscope Lens (HyperZoom สูงสุด​ 60​ เท่า)​ และ​ Portrait​ Lens
รองรับ​ Color Temperature Sensor 
โหมดถ่ายภาพ​ : Super​ Night Mode , ASTRO Mode, Pro Sport Mode, Pro Mode, Smart Zoom,  3D Sound Tracking, EFB Tracking, Motion VDO, Shadow Removal และ​ Photo Restoration
กล้องหน้าความละเอียด​ 32​ ล้านพิกเซล, f/2.45
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
รองรับ​ WiFi​6/Bluetooth 5.1/NFC
รองรับชิปเสียง​ AK4377A Hi-Fi​ + Hi - Res Audio
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ​ USB Type​ - C
แบตเตอรี่ความจุ​ : 4315 mAh + 33W Flash Charge 2.0
ระบบปฎิบัติการ​ : Android​ 10 + FunTouch OS 10.5
มิติตัวเครื่อง​ : 158.46 x 72.8 x 8.04 มม.
น้ำหนัก​ : 181.5 กรัม

Design


การออกแบบของ Vivo​ X50​ Pro​ 5G​ ในตัวเครื่องสี​ Alpha​ Gray ได้รับการสร้างและการตกแต่งอย่างสวยงาม​ 



ซึ่งโจทย์ที่ทาง​ Vivo​ ตั้งไว้เวลาจะดีไซน์สมาร์ทโฟนทุกรุ่นคือ​ เทคโนโลยีต้องควบคู่ไปกับศิลปะแห่งการออกแบบและความงาม​ ทุกอย่างต้องพิถีพิถันและลงตัว​หมด​ ทั้งการจัดวางตำแหน่งต่างๆรวมไปถึงสีเครื่อง​ ทำให้เจ้า X50 Pro เครื่องนี้สวยและพรีเมี่ยมแบบไร้ที่ติ


Vivo X50 Pro 5G มีขนาด 158.46 x 72.8 x 8.04 มม. และ น้ำหนัก 181.5 กรัม ซึ่งหมายความว่าเครื่องค่อนข้างเล็ก​ บาง​ และ​เบา​ ซึ่งเราค่อนข้างตกใจมาก​ เพราะด้วยเทคโนโลยีหลายอย่างที่ใส่มาไม่น่าจะมีเครื่องเล็กได้แบบนี้​  จุดนี้ต้องขอชื่นชมอย่างมากจริงๆครับ​ มันแสดงให้เห็น​ว่า​ Vivo​ นั้นใส่ใจในการออกแบบทั้งภายนอกและภายในเป็นอย่างมากจริงๆ


ปุ่ม Power อยู่ทางด้านขอบขวา ตำแหน่งการวางจะอยู่พอดีนิ้วหัวแม่มืออย่างดี และปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่เหนือขึ้นไป


ขอบด้านบนติดตั้งไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง 



และมีข้อความ​ 5G Professional Photography ที่สะท้อนแสงแบบโฮโลแกรม​ บ่งบอกและย้ำให้ชัดว่า Vivo X50 Pro 5G มีคุณสมบัติการเชื่อมต่อเครือข่ายแห่งอนาคตและการถ่ายภาพในระดับมืออาชีพ


 

ในขณะที่ขอบด้านล่าง​ คุณจะพบพอร์ต USB Type - C บริเวณตรงกลาง​ พร้อมไมค์สนทนา​ ขนาบข้างด้วยลำโพง และ ถาดซิมการ์ดแบบคู่ ไม่รองรับ Micro SD Card และไม่มีช่องเสียบหูฟัง​ 3.5​ mm.​บน Vivo X50 Pro 5G​ ซึ่งน่าเสียดายมาก


ที่ด้านหลังจะพบโมดูลกล้องขนาดใหญ่ เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางแนวตั้ง ซึ่งมีกล้อง​ 4 ตัว โดยกรอบโมดูลยกขึ้นเพียง 2 - 3 มิลลิเมตร จากฝาหลังของเครื่อง ซึ่งจุดนี้ก็น่าตกใจอีกแล้ว​ เพราะระบบกล้องจัดมาเต็มมากทั้ง​ Gimbal​ Camera​ System ในกล้องหลัก​ และ​ เลนส์​ Periscope​ ที่ต้องใช้พื้นที่ในการวางค่อนข้างมาก​ กลับทำให้บางจนแทบแนบสนิทไปกับฝาหลังเครื่องได้แบบนี้สุดยอดจริงๆครับ


โดยภาพรวมของการออกแบบ Vivo​ X50​ Pro​ 5G นั้นทำออกมาได้สวยสมบูรณ์แบบ เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกได้ถึงความพรีเมี่ยมและงานประกอบที่แข็งแรงแน่นหนา สี Alpha​ Gray ก็หรูหราดูน่าค้นหา และมีการเล่นเฉดแสงในมุมตกกระทบที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดีครับ

หน้าจอ​ (Display) 


Vivo X50 Pro 5G มีหน้าจอขอบโค้งคู่ชนิด​ E3 Amoled​ แบบ​ Ultra​ O​ Screen​ ขนาด​ 6.56 นิ้ว​, ความละเอียด​ Full​ HD+, อัตรา​ Refresh​ Rate​ 90​ Hz​, Touch Sampling Rate 180 Hz, รองรับ​ HDR10+


หน้าจอนั้นใหญ่เต็มตาและขอบบางมาก โดยส่วนที่หนาที่สุดอยู่ที่ขอบล่างของจอแสดงผล แต่ยังคงบางมากๆอยู่​ ด้วยคุณสมบัติการผลิตจอแบบ​ COF และช่องเจาะรูที่มุมซ้ายบนซึ่งเป็นที่อยู่ของกล้องหน้า


จอแสดงผลสว่างและมีความคมชัดสูงมาก ลื่นไหลด้วยอัตรา Refresh Rate 90 Hz ซึ่งต้องยอมรับว่าทำได้ดีมาก จนรู้สึกว่าดีกว่า 120 Hz ของค่ายอื่นๆบางรุ่นด้วยซ้ำไป​ พ่วงด้วยการตอบสนองสัมผัสหรือ​Respone Rate ที่ 180 Hz ยิ่งลื่นขึ้นไปอีก



มีการรองรับ HDR10 + และ​ Widevine L1 ด้วย ดังนั้นหากคุณรับชมเนื้อหาจากบริการต่างๆเช่น Netflix หรือ YouTube ก็จะพบว่ามันดูสวยงามมากๆบนหน้าจอของ Vivo​ X50​ Pro​ 5G ทำให้การรับชมวิดีโอให้ประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ ด้วยการแสดงสีที่อัดแน่นไปด้วยความสดใสครับ


ในแง่การใช้งานกลางแจ้งสามารถสู้แสงได้ดีมาก



และสุดท้ายคือมีการติดฟิล์มกันรอยมาให้จากโรงงานแล้ว ทำให้ไม่ต้องไปลำบากหามาติดเพิ่มเอง

Software


Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ​ Android​ 10 ภายใต้ FunTouch OS​ 10.5 เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งเป็น​ UI อันโด่งดังของทางค่าย​ ที่มีหน้าตาสวยงามและใช้งานไม่ยุ่งยาก 



หน้าตา Home screen , AppDrawer นั้นค่อนข้างจะเรียบง่าย 



โดยเมื่อปัดไปทางซ้ายจะมีหน้า Google​DashBoard ที่แสดงข้อมูลต่างๆที่สำคัญ เช่น พยากรณ์อากาศ , บันทึกโน๊ต , แอพที่เรียกใช้ประจำ เป็นต้น​ และยังสามารถสลับใช้งานกับ​ Jovi Dashboard ของทางค่ายได้ด้วย​ วิธีการง่ายมากๆ​ แค่กดปุ่มขวาบนเท่านั้น



ระบบควบคุมมีทั้งแบบ​ Navigation Bar หรือสามารถปรับไปใช้​ Gesture Control ก็ได้



อัตราการรีเฟรชหน้าจอของ Vivo​ X50​ Pro​ 5G สามารถเลือกได้ระหว่าง 90​Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหล หรือ 60Hz เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานมากขึ้น​ หรือปรับแบบ​ Smart​ Switch ให้ระบบเลือกให้อัตโนมัติตามชนิดคอนเท้นต์ก็ได้



อีกทั้งยังรองรับระบบ​ Always​ On​ Display ที่ปรับแต่งได้ยืดหยุ่นหลากหลาย​


Hardware & Performance


Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต​ Snapdragon​ 765G ที่ถือว่าเป็นชิปเซ็ตที่ดีที่สุดในกลุ่ม High Mid Range ของ Android ณ เวลานี้แล้ว ด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ​ 7 นาโนเมตร และ​ GPU Adreno 620  โดยได้รับการปรับปรุง​ CPU​ ให้เร็วขึ้น 10%, GPU​ ให้เร็วขึ้น 40% ลดการใช้พลังงานลง 35% และมีประสิทธิภาพด้าน AI เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับชิปเซ็ต​ Snapdragon 730 


อีกทั้งมาพร้อม​ RAM 8 GB​ และ​ ROM​ 256 GB​ 



ทำให้ผลทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม Geekbench ทำคะแนนในโหมด Multi Core ได้ 1910 คะแนน และ Single Core ได้​ 634 คะแนน



ทดสอบ Widevine ได้ L1 สามารถดู NETFLIX รองรับสูงสุดที่ระดับ HD ครับ


Gaming


สำหรับประสบการณ์ในการเล่นเกมส์ด้วย​ Vivo​ X50​Pro​ 5G​ นั้นทำได้ดี จากการทดสอบด้วย PUBG Mobile นั้นพบว่าสามารถปรับกราฟฟิคเกมส์ได้ในระดับสูงสุดทั้งหมด และสามารถเล่นได้ต่อเนื่องโดยที่ไม่มีอาการกระตุก ต้องพูดเลยว่าลื่นมากๆด้วยซ้ำ​ 


ด้วยการสนับสนุน Ultra Game Mode เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหมาะสำหรับการเล่นเกมอย่างแท้จริง​

และ​ Ultra Game Mode ยังมีโหมดห้ามรบกวน เพื่อช่วยปฏิเสธสายเรียกเข้า และการแจ้งเตือนอื่นๆไม่ให้รบกวนในระหว่างเล่นเกมด้วย


Sound System


นี่คือจุดเด่นและจุดขายตลอดกาลของแบรนด์​ Vivo X50 Pro 5G มาพร้อมกับชิปเสียง AK4377A แม้ว่าลำโพง Speaker​ จะเป็นแบบ​ Mono แต่ยังให้ความดังทุ้มมีมิติ​ เปิดดังสุดไม่แตก​ 



และหน้าจอยังรองรับฟีเจอร์ที่ชื่อว่า​ Ambient​ Light Effect สำหรับแสดงกราฟฟิคที่ขอบโค้งขณะเล่นเพลงได้ด้วย แต่ถ้าอยากสัมผัสกับประสบการณ์​ HiFi​ เราแนะนำให้ใช้หูฟัง​ครับ​ โดยเฉพาะหากใช้คู่กับ​ Vivo​ TWS​ Buds​ Neo​ แล้วจะให้เสียงที่ดีเหมาะสมที่สุดครับ



การเชื่อมต่อ​ 5G

Vivo X50 Pro สามารถใช้งาน​ 5G ได้ทันทีที่แกะกล่อง​ โดยมาพร้อมโมเด็ม Snapdragon X52 ที่ปรับแต่งพิเศษรองรับแบนด์​ n41, n78 ในประเทศไทย​พร้อม​ Antenna หรือเสาสัญญาณ 5G แบบรอบตัวเครื่อง​ ทำให้รับสัญญาณได้คมชัดทุกทิศทาง

Camera​ System

สุดยอดกล้องที่มาพร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ​ Gimbal​ ในสมาร์ทโฟนเป็นรุ่นแรกของโลก


อย่างที่บอกไปข้างต้น​ ไฮไลค์แสนยิ่งใหญ่ของ​ Vivo​ X50​ Pro​ 5G​ อยู่ที่ระบบกล้อง​ Gimbal​ ในสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก​ ซึ่งอยู่ในเลนส์หลักความละเอียด​ 48 ล้านพิกเซล​ ติดตั้งบนระบบ Gimbal ช่วยป้องกันการสั่นสะเทือนในทิศทางที่เอียงไปด้านหน้า-ด้านหลัง และด้านซ้าย-ด้านขวา สามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้ดีกว่าระบบ​ OIS​ถึง 3 เท่า

ส่วนรายละเอียดเลนส์ทั้งหมดประกอบด้วย


- กล้องหลัก Gimbal ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล​ , f/1.6​ , เซ็นเซอร์ Sony IMX598 แบบปรับแต่งพิเศษ

- กล้อง Portrait ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, f/2.46

- กล้อง Super Wide-Angle & Macro ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล​ , f/2.2 , มุมกว้าง 120 องศา และถ่ายภาพมาโครในระยะใกล้สุด 2.5 cm.

- กล้อง Periscope ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล​ , f/3.4


โดยภาพรวมการถ่ายภาพด้วยเลนส์หลักนั้น ให้รายละเอียดที่คมชัด​ และ​ มี​ Dynamic​ ของภาพที่​ดี​ ภายใต้สภาวะกลางวันทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

เซนเซอร์หลัก Sony IMX598 มีการปรับจูนแบบพิเศษเฉพาะสำหรับ​ Vivo​ ทำให้กล้องดีขึ้นกว่าเดิม จนรู้สึกเกินหน้าเกินตารุ่นเรือธงหลายๆตัวเลย

ตัวอย่างภาพถ่ายเลนส์หลัก



ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ​ Ultra​ Wide​ 120 องศา​ มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี​ มีมุมมองที่กว้างพอเก็บองค์ประกอบได้ครบถ้วน ไม่พบว่ามีอาการ​ Distort ของภาพให้เห็นเท่าไหร่นัก​ เนื่องด้วยซอฟแวร์ปรับแก้ให้ การถ่ายในตอนกลางวันทำออกมาดี แต่ที่ตกใจคือกลางคืนก็ทำได้ดีมากเช่นกันแม้จะใช้โหมด​ Auto​

ตัวอย่างภาพถ่าย​ Ultra Wide 


โหมดถ่ายภาพกลางคืน​ Super​ Night Mode
 

ถือเป็นจุดเด่นของแบรนด์ โดยทดสอบถ่ายในที่มืดพบว่าจะให้ภาพที่ออกมามี Quality ที่ดีโดดเด่น ให้โทนภาพที่มีความสมดุลค่อนข้างสูง​ บนความสว่างที่เก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดี​ ด้วยองค์ประกอบขั้นเทพหลายๆประการ​ ทั้งรูรับแสงเลนส์หลักที่กว้างถึง​ f/1.6​, ระบบกันสั่น​ Gimbal ลดอาการภาพสั่นไหวได้มาก​ และ​ ระบบ​ AI​ ที่ช่วยประมวลผล



และ​ Super​ Night Mode ยังมีโทนสีให้เลือกใช้งานถึง 4 แบบ​ ประกอบด้วย​ Black​&Gold, Blue Ice, Green Orange และ​ Cyber Punk ที่จะเร่งเฉดสีตามชื่อ​ ให้ความแปลกใหม่ดีครับ

ตัวอย่างภาพถ่าย​ Super Night Mode


ภาพถ่ายโหมด​บุคคล​ ละลายหลังได้เป็นธรรมชาติ​ มีการตัดขอบได้ค่อนข้างเนียนตามาก สามารถปรับระดับเบลอหลังแบบ​ Manual ได้

ตัวอย่างภาพถ่ายบุคคล​ (Portrait Mode) 

ภาพถ่ายระยะไกล​ ใช้เลนส์​ Periscope ที่รองรับ​ Optical​ Zoom​ สูงสุด 5 เท่า​ และ​ Hyper Zoom สูงสุด​ 60 เท่า ทำงานร่วมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหว สามารถเก็บภาพจากระยะไกลได้อย่างชัดเจน โดยดีที่สุดในความเห็นส่วนตัว​ สามามารถลากไปได้ถึง​ระยะ​ 10 เท่า​ แต่มากกว่านั้นจะเป็น​ Digital​ Zoom​ซึ่งจะชัดขนาดไหนขึ้นอยู่กับประเภทของสิ่งที่ถ่ายและสภาวะแวดล้อมในขณะนั้นด้วย

ตัวอย่างภาพถ่าย​ HyperZoom​ 60 เท่า​ (ตัวอย่างเทียบระยะ​ 0.6X, 1X, 2X, 5X และ​ 60X)


ภาพถ่าย​ Macro ในระยะใกล้สุด​ 2.5 cm. ใช้งานค่อนข้างง่าย​ เมื่อเข้าใกล้จะปรับโหมดให้อัตโนมัติ มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี

ตัวอย่างภาพถ่าย​ Macro


กล้องหน้า​


กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล นั้นค่อนข้างให้โทนภาพในแบบธรรมชาติ , มีการปรับแต่ง Beauty Mode ได้หลายระดับ​ หลายรูปแบบ และสามารถถ่ายแบบ Portrait ได้

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า



ระบบการถ่า​ย​ VDO​ แบบ​ Gimbal


โหมด​ VDO​ แบบ​ Gimbal​ ที่ต้องบอกก่อนว่า​ ไม่ใช่เห็นชื่อ​ Gimbal​ ก็จะบุกภูเขาเผากระท่อมได้​ วิธีถ่าย​ Gimbal​ นั้นก็มีวิธีและรูปแบบในการเดินเฉพาะตัว​ ที่ผู้ใช้จำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับระบบ​ เมื่อนั้นแล้วคุณจะสามารถดึงประสิทธิภาพในการใช้งานออกมาได้อย่างเต็มที่ครับ



นอกจากนี้​ Vivo​ X50 Pro 5G ยังมีฟีเจอร์ Motion AF Tracking ที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคลที่ต้องการถ่ายแบบต่อเนื่องได้อย่างแม่นยำ​โดยนอกจากจะติดตามดวงตาและใบหน้า ยังสามารถติดตามร่างกายของผู้ถูกถ่ายได้อีกด้วย ทำให้บุคคลที่กำลังถูกจับภาพไม่หลุดโฟกัส​ และยังเลือกปรับการซูมภาพเข้า​ -​ ออก​ ตามตำแหน่งบุคคลที่กล้องจับอยู่​แบบอัตโนมัติ​ ทำให้ได้งานถ่ายออกมาในระดับมืออาชีพ​



ตัวอย่างวิดีโอ





ระบบรักษาความปลอดภัย


เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ใต้หน้าจอ ทำงานได้ดีมาก และสามารถลงทะเบียนได้หลายนิ้ว สแกนติดง่าย​ ปลดล๊อคค่อนข้างไว​ โดยภาพรวมถือว่าสอบผ่านฉลุยครับ

วิธีหนึ่งในการเพิ่มความเร็วการปลดล็อคบน Vivo​ X50​ Pro​ 5G คือการจับคู่การสแกนลายนิ้วมือกับการปลดล็อคด้วยใบหน้า ซึ่งสามารถรวมคุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยไบโอเมตริกซ์ทั้งสองพร้อมกันเมื่อคุณปลดล็อคและสามารถให้ผลลัพธ์ที่เร็วกว่าได้ครับ

แบตเตอรี่



มาพร้อมความจุ 4315 mAh ซึ่งค่อนข้างใหญ่และเพียงพอต่อการใช้งานแบบข้ามวันสบายๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบชาร์จ​ Vivo​ Flash​ Charge​ 2.0 ให้ความเร็ว​ในการชาร์จ​ 33W สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0 – 50% ภายในระยะเวลาเพียง 30 นาที

ราคาจำหน่าย



Vivo X50 Pro 5G จะเริ่มวางจำหน่ายวันที่​ 8 กันยายน​ ในตัวเลือกสี​ Alpha​ Gray ที่ราคา 24,999 บาท​ รับฟรีเครื่องดูดฝุ่น มูลค่า 1,999 บาท Gift Voucher สำหรับหูฟัง TWS Neo และ VIP Card ประกันหน้าจอแตก และขยายประกันเครื่องเพิ่ม 1 ปี

พิเศษ เมื่อสั่งซื้อผ่านผู้ให้บริการ AIS และ TrueMove H มีสิทธิ์เป็นเจ้าของในราคาเริ่มต้นเพียง 13,989 บาท (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ให้บริการฯ แต่ละราย)

สรุป



Vivo X50 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่เกิดมาเพื่อท้าทายงานถ่ายภาพในทุกสภาวะรูปแบบอย่างแท้จริง​ ด้วยจุดเด่นแบบ​ Gimbal​ Camera​ System เพียงรายเดียวในขณะนี้ที่ไม่เหมือนใคร​ ไม่ว่าจะงานภาพนิ่งหรือวิดีโอ​ ก็ทำให้กลายเป็นผลงานระดับมืออาชีพที่น่าทึ่งได้อย่างง่ายดายครับ​

Article​ By​ : โลกไอทีวันนี้

#VivoX50Pro5G
#PhotographyRedefined

Comments