#FullReview : Huawei Freebuds 4 ชุดหูฟังไร้สาย OPEN-FIT ที่มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC 2.0 ใหม่) , ไดรเวอร์ 14.3 มม. พร้อมฟีเจอร์อีกเพียบ !!! ในราคาพิเศษ 4,490 บาท !!!!!
Huawei ได้เปิดตัว FreeBuds 4 หูฟัง Truely Wireless ทรง Open - Fit สุดอัจฉริยะรุ่นใหม่ โดยรองรับ BT/BLE Dual-mode 5.2 SoC และยังมาพร้อม HUAWEI Isochronous Dual Channel เทคโนโลยีการส่งสัญญาณและหน่วยประมวลผลเสียงชั้นนำที่ให้การเชื่อมต่อบลูทูธที่เสถียรและรวดเร็ว อีกทั้งยังซิงโครไนซ์เสียงและวิดีโอที่แม่นยำ และรองรับระบบตัดเสียงรบกวน แบบ Active Noise Cancelling 2.0 พร้อมไดนามิกไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 14.3 มม.
ซึ่งฟังถึงตรงนี้ก็พอจะทราบได้ว่าคุณสมบัตินั้นจัดเต็มมาก แต่มาในราคาพิเศษเพียง 4,490 บาท ด้านการใช้งานจริง จะเป็นเช่นไร เราลองไปดูกันครับ
Unboxing ภายในกล่องประกอบด้วย
- ชุดหูฟัง Huawei Freebuds 4
- สายชาร์จแบบ USB Type - C
- คู่มือ
ซึ่งบรรจุภัณฑ์ก็ยังคงสไตล์สวยหรูเรียบ ในแบบของ Huawei ครับ
สเปค Huawei FreeBuds 4
- Dynamic Driver ขนาด 14.3 มม. แบบ LCP ไดอะแฟรม
- รองรับระบบตัดเสียงรบกวน ANC 2.0
- รองรับ Bluetooth 5.2
- แบตเตอรี่ : 30 mAh (ก้านหูฟัง) , 410 mAh (เคส)
- น้ำหนัก : 4.1 กรัม (ต่อก้าน) , 38 กรัม (เคส)
- ไม่รองรับ Wireless Charging
Design
Huawei FreeBuds 4 มาพร้อมกับกล่องชาร์จทรงกลม ออกแบบสมมาตร ใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนต เคลือบผิวด้าน โดยตัวที่รีวิวคือสี Silver Frost พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ USB Type - C สำหรับการชาร์จเร็ว
ซึ่งว่าในเรื่องการออกแบบตัวตลับชาร์จถือว่าสวยและพรีเมี่ยม มาในโทนเเฟชั่น คล้ายตลับเครื่องสำอางของผู้หญิง แต่ผู้ชายก็สามารถถือได้แบบไม่เคอะเขิน
ด้านหน้ามีเเผ่นโลหะสลักโลโก้ Huawei, ด้านข้างซ้ายมีปุ่มสำหรับกดเพื่อเริ่มการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างกลืนไปกับผิวของตลับมากๆ ด้านขวาปล่อยโล่งๆไว้ ส่วนด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต USB Type - C
ตัวก้านหูฟังของ Huawei FreeBuds 4 นั้นมีการออกแบบที่สวมใส่สบาย มีไดร์เวอร์แบบไดนามิกความไวสูง 14.3 มม. ทรง Open - Fit ที่ให้การสวมใส่สบาย ไม่อึดอัดหู แต่ความคมชัดและการลดเสียงรบกวนจากภายนอกยังคงทำได้อย่างดีเยี่ยม
ซึ่งจุดนี้ผมชอบมากกว่า In Ears เพราะเมื่อใส่นานๆจะไม่ปวดหู แถมเจ้านี่ยังเป็น In Ears Type ที่รองรับ Active Noise Canceling ด้วย และมีน้ำหนักเพียง 4.1 กรัมต่อข้าง
แต่กระนั้นข้อติในด้านการออกแบบคือ ผมไม่ค่อยชอบวัสดุเคลือบผิวมันที่ก้านหูฟัง เพราะมันเลอะเเละเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก และดูแลรักษาลำบาก เป็นรอยง่าย ถ้าใช้ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดครับ
เมื่อเปิดฝาออกมา จะพบตัวก้านหูฟังถูกจัดเก็บไว้ในแนวตั้ง โดยตรงกลางจะมีไฟ LED บอกสถานะของแบตเตอรี่อยู่
การใช้งาน
เบื้องต้นเราต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่น Huawei AI Life ซึ่งสามารถหาดาวน์โหลดได้จาก Google Play Store หรือ Huawei App Gallery เพื่อทำการเชื่อมต่อและปรับตั้งค่าหูฟัง แต่ในเวลานี้จะรองรับแต่ระบบปฎิบัติการ Android เท่านั้น ส่วนฝั่ง iPhone นั้นสามารถใช้หูฟังผ่านการจับคู่อุปกรณ์ Bluetooth ตามปกติได้ แต่จะไม่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นพิเศษ เช่น ระบบตัดเสียงรบกวนได้
พอติดตั้งเสร็จ เปิดแอพขี้นมา ให้ดูที่มุมขวาบน แล้วกดเครื่องหมาย + และกด Add Device จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนไม่นานก็เป็นอันเสร็จสิ้น
หน้าแรกที่เข้ามาจะพบกับ สถานะการเชื่อมต่อ, ระดับแบตเตอรี่ในหูฟังทั้ง 2 ข้างและตัวตลับชาร์จ
ด้วยการชาร์จหูฟังเต็มหนึ่งครั้ง สามารถใช้ได้นานถึง 4 ชั่วโมง และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 22 ชั่วโมง ด้วยตลับชาร์จ และการชาร์จ 15 นาที สามารถใช้งานได้นาน 2.5 ชั่วโมง
หมายเหตุ : โมเดลที่จำหน่ายในประเทศไทย ไม่รองรับ Wireless Charging
ตัวก้านหูฟังรองรับ Touch Gesture Control ทั้ง 2 ข้าง โดยเราสามารถตั้งค่า Shortcuts ได้ว่า หากแตะสองครั้ง (Double Tap) จะให้ทำงานอะไร โดยมีตัวเลือกได้แก่ เล่นเพลง, หยุดเพลง, ข้ามเพลง, เรียก Voice Assistant, เปิดหรือปิด Noise Cacelling และปิดการใช้งาน
ไฮไลค์คือระบบตัดเสียงรบกวน หรือ Active Noise Cacelling 2.0 ที่สามารถปรับตั้งค่าได้ในแอพ AI Life โดยในเมนูจะมีคำสั่งเปิดหรือปิดการใช้งาน และเมื่อเปิดแล้ว เรายังสามารถหมุนปรับองศาการทำ Noise Cacelling ด้วยตัวเองได้ โดย Huawei ให้เหตุผลว่ารูปกระดูกหูและองศาในการได้ยินของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน วิธีใช้เราก็แค่หมุนหาองศาไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่ได้ยินเสียงภายนอกเท่านั้น
และยังมีฟังก์ชั่น Update Software ของตัวหูฟัง ที่สามารถกดตรวจสอบได้จากแอพนี้เช่นกัน
คุณภาพเสียง
ชิป Kirin A1 ซึ่งเป็นชิป AI ที่สนับสนุนในการเชื่อมต่อ , การจัดการพลังงาน และที่สำคัญคือ ระบบตัดเสียงรบกวน ที่จะแยกการปิดกั้นเสียงตามความถี่ต่ำ และจะปรับการตัดเสียงให้ลดลงในย่านความถี่สูง ที่ตอบสนองในระดับ 40 Hz เช่น เสียงแตรรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยยามสวมใส่บนท้องถนน นั้นถือเป็นจุดแข็งของ Huawei Freebuds 4 เป็นอย่างมาก
เริ่มต้นจากค่า Delay ที่ได้นั้นถือว่ามีดีเลย์น้อยมากในหูฟัง Truely Wireless ทุกตัวในตลาดตอนนี้ที่ระดับต่ำกว่า 150 ms. และเมื่อทดลองใช้จริงก็ให้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจ โดยจับการดีเลย์แทบไม่ได้เลยในการเล่นเกมจริงๆ
ส่วนคุณภาพเสียงนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอดเยี่ยม ให้เสียงไปในโทนกลางๆ แต่ก็ยังพอมีเบสอยู่พอสมควร โดยที่ไม่ได้กลบเสียงโทนกลางไป ซึ่งอานิสงค์คือไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 14.3 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ ANC 2.0 นั้น ก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม โดยตัดเสียงรบกวนได้สูงสุด 25 dB ซึ่งแม้จะไม่ใช่หูฟังประเภท IN Ears แต่ก็สามารถตัดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมรอบข้างได้เป็นอย่างดี
การจำหน่าย
Huawei FreeBuds 4 มีสองสีให้เลือก ได้แก่ สีเงิน Silver Frost และสีขาว Ceramic White ในราคา 5,999 บาท
โปรโมชั่นวันที่ 14 - 22 กรกฏาคม นี้ ราคาพิเศษ 4,499 บาท รับฟรี Huawei Music VIP 3 เดือน มูลค่า 387 บาท
ณ Huawei Brand Shop และ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทุกสาขาทั่วประเทศ
สรุป
Huawei Freebuds 4 เป็นชุดหูฟังไร้สายที่มีคุณสมบัติคุ้มค่าเกินราคามากครับ จัดเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นๆในตลาดหูฟังไร้สายแบบ Truely Wirelessในตอนนี้แบบไม่ต้องคิดมากเลยครับ ด้วยดีไซน์ที่สวยหรู และฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวน ในราคา 4,490 บาท ก็ถือว่าครบตอบโจทย์แล้วครับ
Article By : โลกไอทีวันนี้
Comments
Post a Comment