#FullReview : Huawei Freebuds 4 ชุดหูฟังไร้สาย OPEN-FIT ที่มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC 2.0 ใหม่) , ไดรเวอร์ 14.3 มม. พร้อมฟีเจอร์อีกเพียบ​ ​!!! ในราคา​พิเศษ 4,490​ บาท​ !!!!!


สั่งซื้อ​ Huawei FreeBuds 4 : shorturl.at/lBJ78

Huawei ได้เปิดตัว​ FreeBuds 4 หูฟัง​ Truely Wireless ทรง Open - Fit สุดอัจฉริยะรุ่นใหม่ โดยรองรับ BT/BLE Dual-mode 5.2 SoC และยังมาพร้อม HUAWEI Isochronous Dual Channel เทคโนโลยีการส่งสัญญาณและหน่วยประมวลผลเสียงชั้นนำที่ให้การเชื่อมต่อบลูทูธที่เสถียรและรวดเร็ว อีกทั้งยังซิงโครไนซ์เสียงและวิดีโอที่แม่นยำ​ และรองรับระบบตัดเสียงรบกวน แบบ Active Noise Cancelling 2.0 พร้อมไดนามิกไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 14.3 มม.

ซึ่งฟังถึงตรงนี้ก็พอจะทราบได้ว่าคุณสมบัตินั้นจัดเต็มมาก แต่มาในราคาพิเศษเพียง​ 4,490​ บาท​ ด้านการใช้งานจริง​ จะเป็นเช่นไร​ เราลองไปดูกันครับ

Unboxing ภายในกล่องประกอบด้วย

- ชุดหูฟัง​ Huawei Freebuds​ 4
- สายชาร์จแบบ​ USB Type - C
- คู่มือ

ซึ่งบรรจุภัณฑ์ก็ยังคงสไตล์สวย​หรูเรียบ​ ในแบบของ​  Huawei ครับ

สเปค Huawei FreeBuds 4

- Dynamic Driver ขนาด 14.3 มม. แบบ LCP ไดอะแฟรม
- รองรับระบบตัดเสียงรบกวน ANC 2.0
- รองรับ Bluetooth 5.2
- แบตเตอรี่ : 30 mAh (ก้านหูฟัง) , 410 mAh (เคส)
- น้ำหนัก : 4.1 กรัม (ต่อก้าน) , 38 กรัม (เคส)

- ไม่รองรับ Wireless Charging

Design

Huawei FreeBuds 4 มาพร้อมกับกล่องชาร์จทรงกลม​ ออกแบบสมมาตร​ ใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนต​ เคลือบผิวด้าน โดยตัวที่รีวิวคือสี Silver Frost พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ USB Type - C สำหรับการชาร์จเร็ว​

ซึ่งว่าในเรื่องการออกแบบตัวตลับชาร์จถือว่าสวยและพรีเมี่ยม มาในโทนเเฟชั่น คล้ายตลับเครื่องสำอางของผู้หญิง​ แต่ผู้ชายก็สามารถถือได้แบบไม่เคอะเขิน

ด้านหน้ามีเเผ่นโลหะ​สลักโลโก้​ Huawei​, ด้านข้างซ้ายมีปุ่ม​สำหรับกดเพื่อเริ่มการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างกลืนไปกับผิวของตลับมากๆ​ ด้านขวาปล่อยโล่งๆไว้​ ส่วนด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต​ USB Type -​ C

ตัวก้านหูฟังของ Huawei FreeBuds 4 นั้นมีการออกแบบที่สวมใส่สบาย​ มีไดร์เวอร์แบบไดนามิกความไวสูง 14.3 มม. ทรง Open - Fit ที่ให้การสวมใส่สบาย ไม่อึดอัดหู แต่ความคมชัดและการลดเสียงรบกวนจากภายนอกยังคงทำได้อย่างดีเยี่ยม

ซึ่งจุดนี้ผมชอบมากกว่า​ In Ears เพราะเมื่อใส่นานๆจะไม่ปวดหู​ แถมเจ้านี่ยังเป็น​ In Ears Type ที่รองรับ​ Active Noise Canceling ด้วย​ และมีน้ำหนักเพียง 4.1 กรัมต่อข้าง

แต่กระนั้นข้อติในด้านการออกแบบคือ​ ผมไม่ค่อยชอบวัสดุเคลือบผิวมัน​ที่ก้านหูฟัง เพราะมันเลอะเเละเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก​ และดูแลรักษาลำบาก​ เป็นรอยง่าย​ ถ้าใช้ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดครับ

เมื่อเปิดฝาออกมา​ จะพบตัวก้านหูฟังถูกจัดเก็บไว้ในแนวตั้ง​ โดยตรงกลางจะมีไฟ LED บอกสถานะของแบตเตอรี่อยู่

การใช้งาน

เบื้องต้นเราต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่น​ Huawei AI Life ซึ่งสามารถหาดาวน์โหลดได้จาก​ Google​ Play​ Store​ หรือ​ Huawei App Gallery เพื่อทำการเชื่อมต่อและปรับตั้งค่าหูฟัง​ แต่ในเวลานี้จะรองรับแต่ระบบปฎิบัติการ​ Android​ เท่านั้น​ ส่วน​ฝั่ง​ iPhone​ นั้นสามารถใช้หูฟังผ่านการจับคู่อุปกรณ์​ Bluetooth ตามปกติได้​ แต่จะไม่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นพิเศษ​ เช่น​ ระบบตัดเสียงรบกวนได้


พอติดตั้งเสร็จ​ เปิดแอพขี้นมา​ ให้ดูที่มุมขวาบน​ แล้วกดเครื่องหมาย​ + และกด​ Add Device จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนไม่นานก็เป็นอันเสร็จสิ้น

หน้าแรกที่เข้ามาจะพบกับ สถานะการเชื่อมต่อ​, ระดับแบตเตอรี่ในหูฟังทั้ง​ 2 ข้างและตัวตลับชาร์จ

ด้วยการชาร์จหูฟังเต็มหนึ่งครั้ง​ สามารถใช้ได้นานถึง 4 ชั่วโมง และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 22 ชั่วโมง​ ด้วยตลับชาร์จ และการชาร์จ 15 นาที สามารถใช้งานได้นาน 2.5 ชั่วโมง

หมายเหตุ : โมเดลที่จำหน่ายในประเทศไทย ไม่รองรับ Wireless Charging

ตัวก้านหูฟังรองรับ​ Touch Gesture Control ทั้ง​ 2 ข้าง​ โดยเราสามารถตั้งค่า​ Shortcuts ได้ว่า หากแตะ​สองครั้ง​ (Double Tap) จะให้ทำงานอะไร​ โดยมีตัวเลือกได้แก่​ เล่นเพลง, หยุดเพลง, ข้ามเพลง, เรียก​ Voice Assistant, เปิดหรือปิด​ Noise Cacelling และปิดการใช้งาน

ไฮไลค์คือระบบตัดเสียงรบกวน​ หรือ​ Active Noise Cacelling 2.0 ที่สามารถปรับตั้งค่าได้ในแอพ​ AI​ Life​ โดยในเมนูจะมีคำสั่ง​เปิดหรือปิดการใช้งาน​ และเมื่อเปิดแล้ว​ เรายังสามารถหมุนปรับองศาการทำ​ Noise Cacelling ด้วยตัวเองได้​ โดย​ Huawei ให้เหตุผลว่ารูปกระดูกหูและองศาในการได้ยินของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน​ วิธีใช้เราก็แค่หมุนหาองศาไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่ได้ยินเสียงภายนอกเท่านั้น

และยังมีฟังก์ชั่น​ Update Software ของตัวหูฟัง​ ที่สามารถกดตรวจสอบได้จากแอพนี้เช่นกัน

คุณภาพเสียง

ชิป Kirin A1 ซึ่งเป็นชิป AI ที่สนับสนุนในการเชื่อมต่อ , การจัดการพลังงาน และที่สำคัญคือ ระบบตัดเสียงรบกวน ที่จะแยกการปิดกั้นเสียงตามความถี่ต่ำ และจะปรับการตัดเสียงให้ลดลงในย่านความถี่สูง ที่ตอบสนองในระดับ 40 Hz เช่น เสียงแตรรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยยามสวมใส่บนท้องถนน​ นั้นถือเป็นจุดแข็งของ​ Huawei Freebuds​ 4 เป็นอย่างมาก

เริ่มต้นจากค่า​ Delay ที่ได้นั้นถือว่ามีดีเลย์น้อยมากในหูฟัง​ Truely Wireless​ ทุกตัวในตลาดตอนนี้ที่ระดับต่ำกว่า 150 ms. และเมื่อทดลองใช้จริงก็ให้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจ​ โดยจับการดีเลย์แทบไม่ได้เลยในการเล่นเกมจริงๆ

ส่วนคุณภาพเสียงนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอดเยี่ย​ม​ ให้เสียงไปในโทนกลางๆ แต่ก็ยังพอมีเบสอยู่พอสมควร​ โดยที่ไม่ได้กลบเสียงโทนกลางไป ซึ่งอานิสงค์คือไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 14.3 mm.

ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ ANC 2.0 นั้น​ ก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม​ โดยตัดเสียงรบกวนได้สูงสุด 25 dB ซึ่งแม้จะไม่ใช่หูฟังประเภท​ IN​ Ears แต่ก็สามารถตัดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมรอบข้างได้เป็นอย่างดี

การจำหน่าย

Huawei FreeBuds 4 มีสองสีให้เลือก ได้แก่ สีเงิน Silver Frost และสีขาว Ceramic White ในราคา​ 5,999 บาท

โปรโมชั่นวันที่ 14 - 22 กรกฏาคม นี้ ราคาพิเศษ 4,499 บาท รับฟรี Huawei Music VIP 3 เดือน มูลค่า 387 บาท

ณ Huawei Brand Shop และ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทุกสาขาทั่วประเทศ

สรุป

Huawei Freebuds​ 4 เป็นชุดหูฟังไร้สายที่มีคุณสมบัติคุ้มค่าเกินราคามากครับ​ จัดเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นๆในตลาดหูฟังไร้สายแบบ​ Truely Wireless​ในตอนนี้แบบไม่ต้องคิดมากเลยครับ​ ด้วยดีไซน์ที่สวยหรู​ และฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวน ในราคา​ 4,490​ ​บาท​ ก็ถือว่าครบตอบโจทย์แล้วครับ

Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments