#FullReview : Samsung Galaxy Tab S7 FE แท๊บเล็ตรุ่นกลาง ดีไซน์สวยหรู ที่มาพร้อมกับ ชิปเซ็ต Snapdragon 750G , รองรับปากกา S Pen เขียนลื่นไวกว่าเดิม และ ระบบปฎิบัติการ Android 11 ในราคา 19,990 บาท !!!!


Samsung เปิดตัวแท็บเล็ต "FE Series" รุ่นใหม่ ในชื่อ Galaxy Tab S7 FE ด้วยดีไซน์คล้ายกับรุ่นใหญ่อย่าง Galaxy Tab S7 Series

Samsung Galaxy Tab S7 FE ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 750G สำหรับรุ่น LTE และ Snapdragon 778G สำหรับรุ่น WiFi โดยทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมกับ RAM 4 GB และ ROM 64 GB ด้วยดีไซน์คล้ายกับรุ่นพี่ Galaxy Tab S7 แต่มาพร้อมราคาที่จับต้องได้อย่างมาก

ความโดดเด่นที่สำคัญคือ ปากกา S - Pen รองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ และมีอัตราความหน่วงอยู่ที่ 26 มิลลิวินาที ทำให้ตอบสนองได้ไวขึ้น อีกทั้งไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่ สามารถหยิบมาใช้งานได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมด และไม่ต้องหาซื้อเพิ่ม เพราะปากกา S Pen รุ่นนี้ แถมมาให้กับตัวเครื่องอยู่แล้ว

สเปค Samsung Galaxy Tab S7 FE

หน้าจอชนิด TFT ขนาด 12.4 นิ้ว , ความละเอียด WQXGA+ (2560 × 1600 พิกเซล)
CPU : Qualcomm Snapdragon 750G / Snapdragon 778G
RAM : 4 GB
ROM : 64 GB
รองรับ Micro SD Card สูงสุด 1 TB
รองรับ 1 Sim Card (เฉพาะรุ่น 4G LTE)
กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับปากกา S - Pen แรงกด 4,096 ระดับ
รองรับ Speaker คู่ แบบ Stereo Sound By AKG
รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/ b/ g/ n/ ac 2.4G + 5G
รองรับ DeX และ WilFi6
รองรับปากกา S Pen
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ : USB Type - C
แบตเตอรี่ความจุ : 10090 mAh + 45W Adaptive Fast Charging
ระบบปฎิบัติการ : Android 11 + One UI 3.0
ขนาด : 185.0 x 284.8 x 6.3 มม.
น้ำหนัก : 608 กรัม

Samsung Galaxy Tab S7 FE จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม เป็นต้นไป ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ราคาจำหน่าย

รุ่น WiFi Only : รอประกาศราคา 15 กันยายน

รุ่น LTE ราคา : 19,990 บาท

ราคาอุปกรณ์เสริม

Keyboard Cover ราคา 4,990 บาท

S - Pen ราคา 1,590 บาท

Design

Samsung Galaxy Tab S7 FE มาพร้อมวัสดุประกอบตัวเครื่องแบบ Metal Unibody ให้สัมผัสที่หรูหราและมีน้ำหนักค่อนข้างเบา โดยตัวเครื่องอยู่ที่ 185 x 284.8 x 6.3 มม. น้ำหนัก 608 กรัม



ใช้หน้าจอชนิด TFT PLS LCD ขนาด 12.4 นิ้ว, ความละเอียด 2560 × 1600 พิกเซล โดยที่ขอบบนมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ติดตั้งอยู่

ขอบด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด (1 ซิม + microSD Card) , ไมโครโฟน, ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power

ขอบด้านซ้าย มีลำโพง Speaker และ ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน

ขอบด้านขวามี ลำโพง Speaker และ พอร์ต USB Type - C

ส่วนขอบล่างมี Connector Pin สำหรับเชื่อมต่อกับ Book Cover Keyboard

ส่วนด้านหลังนั้นมีเพียง กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (ไม่มีไฟแฟลช LED)

โดยรุ่นที่นำมารีวิวนั้นเป็นรุ่น LTE ทำให้รองรับการใช้งาน Mobile Data 4G และ รองรับการโทรได้

ปากกา S - Pen

ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความถนัดในการเขียนมากยิ่งขึ้น ด้วยแท่งปากกาจะไม่ใช่ทรงกลม แต่มีด้านตัด สำหรับวางติดกับขอบขวาตัวเครื่อง

โดยยึดติดแบบแม่เหล็กได้แนบสนิทแล้ว ยังทำให้เขียนง่ายขึ้นด้วยครับ

และในเมื่อมีปากกา S Pen จึงมีแอพพลิเคชั่น Samsung Notes ที่ทำให้การจดบันทึกรวดเร็วและง่ายขึ้น โดยคุณสามารถเปลี่ยนบันทึกย่อที่เขียนด้วยลายมือให้เป็นข้อความเพื่อให้ง่ายต่อการแก้ไขและแบ่งปัน ด้วยฟีเจอร์ Hand Writing to Text ที่แปลงลายมือเขียนให้กลายเป็นตัวอักษรและสามารถส่งออกเป็นไฟล์ Word , PDF หรือ Text ได้ทันที

นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ AR Doodle กับการวาดภาพ 3 มิติ เชิงเส้น ให้กับตัวบุคคลหรือฉากหลัง สำหรับการ Create Content ที่สร้างสรรค์ยิ่งกว่าเดิม และ คุณสมบัติสุดคลาสสิคอย่าง Screen Off Memo และ Live Message ก็มีมาด้วยเช่นกัน

และเนื่องจากปากกา S Pen ของ Samsung Galaxy Tab S7 FE นั้น ไม่ได้รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ทำให้การใช้งานอาจจะไม่ครบถ้วนเหมือนใน Galaxy Note 20 Series แต่ก็ถือว่ามากเกินพอครับ

Hardware & Performance

ด้านสเปคของหน่วยประมวลผล มาพร้อมชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 750Gทเป็นโปรเซสเซอร์ 8nm octa-core พร้อม CPU คอร์ประสิทธิภาพ (Performance Core) Cortex-A77 โอเวอร์คล็อกที่ 2.2GHz ในทางทฤษฎีจะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า Snapdragon 768G และ Snapdragon 765G ซึ่งใช้คอร์ประสิทธิภาพแบบ Cortex-A55

มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น 20% เมื่อเทียบกับ Snapdragon 730G นอกจากนี้ Adreno 619 GPU ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น 10% จาก Adreno 618 ภายใน Snapdragon 730G


โดยมี RAM 4 GB และ ROM 64 GB

ผลทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม GeekBench ออกมาได้คะแนน Multi Core 1,900 คะแนน และ Single Core 537 คะแนน

ใช้งาน One UI 3.1 ของ Samsung และระบบปฎิบัติการ Android 11 ที่ค่อนข้างเสถียร โดยรวมแล้วในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งเปิด Social แอพต่างๆ หรือจะดูสตรีมมิ่ง ก็ไม่ติดขัด


รองรับคุณสมบัติ Samsung DeX สำหรับแสดงผลใน Desktop Mode ด้วย



นอกจากนี้ยังรองรับคุณสมบัติ ระบบสแกนใบหน้า , Eyes Comfort Shield , Edge Panel , Device Care และ Dark Mode ด้วย

Gaming

การเล่นเกมส์นั้นสามารถเล่นได้ตั้งแต่เกมส์กราฟฟิคปกติขึ้นไป และยังรองรับ Game Launcher สำหรับจัดสรรค์ทรัพยากรในระบบและตัดการแจ้งเตือน เช่น สายเรียกเข้า ที่จะมาจัดขวางการเล่นเกมส์ได้ โดยทดสอบเล่นเกมส์ PUBG Mobile สามารถปรับกราฟฟิคได่ที่ระดับ HD และ Frame Rate ระดับ High โดยที่เล่นได้ไม่สะดุด

Camera

ต้องบอกว่า กล้องถ่ายรูป ไม่ใช่โจทย์หลักของ Tablet อยู่แล้วครับ แต่ก็พอจะมีไว้ให้ถ่ายใช้งานกันได้อยู่หลายฟีเจอร์ เช่น Live Focus, วิดีโอ, โปร, Panorama, Food และ Hyperlapse พร้อมรองรับ Digital Zoom 2 เท่า กับ Scene Optimizer

Battery

Samsung Galaxy Tab S7 FE มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 10090 mAh ซึ่งถือว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก และรองรับ 45W Adaptive Fast Charging อีกด้วย ทำให้ครอบคลุมการใช้งานได้ตลอดทั้งวันแบบสบายๆครับ

สรุป

Samsung Galaxy Tab S7 FE ถือเป็นแท๊บเล็ตชั้นดีที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันตลอดไปจนถึงการทำงานด้านการขีดเขียน ด้วย S Pen อันเป็นเอกลักษณ์และนวัตกรรมของทาง Samsung ที่ให้ความใกล้เคียงกับการเขียนด้วยปากกาจริงๆ และเสริมด้วยความโดดเด่นของฟีเจอร์ทันสมัยต่างๆ ก็แทบจะครอบคลุมแบบจบในเครื่องเดียวเลยครับ

สำหรับ Samsung Galaxy Tab S7 FE รุ่นที่วางจำหน่ายในไทย จะมีให้เลือก 2 รุ่น นั่นก็คือ รุ่น Wi-Fi (วางจำหน่าย 15 กันยายน) ส่วนอีกรุ่นได้แก่ 4G LTE ราคา 19,990 บาท มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สี : Light Green , Light Pink, Mystic Silver และ Mystic Black 

สำหรับผู้ที่ซื้อ Samsung Galaxy Tab S7 FE นั้นสามารถซื้อได้ที่ samsung.com หรือตัวแทนต่าง ๆ และจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มดังนี้

รับฟรีบริการ YouTube Premium 4 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Samsung Galaxy Tab S7 FE ตั้งแต่วันนี้ – ถึง 5 มีนาคม พ.ศ. 2565

รับสิทธิ์ Galaxy Butler Silver บริการช่วยเหลือหลังการขายแบบพิเศษสำหรับอุปกรณ์ Galaxy อาทิ ฟรีบริการเครื่องสำรองหลังซ่อม ผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง เป็นต้น

ใช้งาน Clip Studio Paint แอปพลิเคชันวาดภาพระดับโปร ฟรี 6 เดือน

ใช้งาน Canva Pro แอปพลิเคชันออกแบบงานกราฟฟิกและสื่อต่างๆ ฟรี 30 วัน

ใช้งาน Noteshelf แอปพลิเคชันเพิ่มประสิทธิภาพการจดโน้ต ฟรี

Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments