FullReview : Xiaomi 12 Pro | The Master Craft of SmartPhone ราวกับงานฝีมือสุดปราณีตดุจดั่งมืออาชีพในทุกด้าน !!!!

หลังจากเริ่มจำหน่ายวันแรกอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา กับ Xiaomi 12 Series ที่รอบนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มมาทุกด้าน ทั้งภายนอกและภายใน ด้วยสเปคสุดล้ำกับงานประกอบสุดหรู โดยเราจะพาไปเจาะลึกกับรุ่นท๊อปอย่าง Xiaomi 12 Pro ว่าเป็นอย่างไร

สเปค Xiaomi 12 Pro

หน้าจอชนิด E5 Amoled ขนาด 6.73 นิ้ว แบบ LTPO 2.0 , ความละเอียด WQHD+ (3200 × 1440 พิกเซล) , อัตรา Refresh Rate 120 Hz Adaptive Sync , Touch Sampling Rate 480 Hz , รองรับ 1.07 พันล้านสี 12 bits Huaxing Optoelectronics display , ความสว่างสูงสุด 1500 nits , รองรับ HDR10+ , Dolby Vision และ DisplayMate A + certified , 16000-level dimming Level , ความหนาแน่น 521 PPI ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus
CPU : Snapdragon 8 Gen 1
RAM : 12 GB ชนิด LPDDR5
ROM : 256 GB ชนิด UFS 3.1
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ 5G Dual Mode
กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 50 + 50 + 50 ล้านพิกเซล , f/1.9 + f/1.9 + f/2.2 , เซนเซอร์หลัก Sony IMX707 ขนาด 1/1.28" , เลนส์ 7P OIS , รองรับ Ultra Wide 115 องศา และ Portrait Lens 2x TelePhoto
รองรับเทคโนโลยี CyberFocus Tracking System
รองรับ Night owl 2.0 algorithm
การบันทึกวิดีโอกล้องหลัง : 8K@24fps, 4K@30/60fps, 1080p@30/60/120/240/960fps, gyro-EIS
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล + Stagger HDR
การบันทึกวิดีโอกล้องหน้า : 1080p@30/60fps, 720p@120fps
ลำโพงคู่แบบ Four Unit Stereo by Harman/Kardon
รองรับระบบเสียง Hi - Res Audio และ Dolby Atmos
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ
ระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ VC heat plate พื้นที่ 2600 mm²
รองรับ WiFi6+ / Bluetooth 5.2 / NFC
รองรับพอร์ต IR Infrared
รองรับ X-axis horizontal linear motor
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C 2.0
แบตเตอรี่ความจุ : 4600 mAh + ชิป Surge P1 + 120W TurboCharge (0-100% ใน 18 นาที) , 50W Wireless Charging (0-100% ใน 42 นาที) และ 10W Reverse Wireless Charging
ระบบปฎิบัติการ : Android 12 + MIUI 13
มิติตัวเครื่อง : 163.6x74.6x8.2 mm.
น้ำหนัก : 204 กรัม

Unboxing

ผลิตภัณฑ์มาในกล่องดำขนาดใหญ่ที่มีตราสินค้า Xiaomi 12 Pro สีทอง โดยอุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย

- ตัวเครื่อง Xiaomi 12 Pro
- สาย USB Type - C
- 120W Turbo ChargeAdapter
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- เคสกันรอย
- เอกสารประกอบ

Design

การออกแบบให้โดดเด่นสำหรับสมาร์ทโฟนในปี 2022 นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และเราเชื่อว่า Xiaomi ได้พยายามหาความแตกต่างด้วยการออกแบบสไตล์มินิมอล ทำให้มองแล้วก็ไม่เหมือนใครอยู่ระดับหนึ่ง ถึงแม้หลายๆคนจะบอกว่ามันจืดไปหน่อยก็ตาม

โดยโมดูลกล้องหลักอยู่ด้านบน มีขนาดเซนเซอร์ 1/1.28" และ f/1.9 วงแหวนที่ล้อมรอบเป็นโลหะ ช่วยทำให้ดูโดดเด่นขึ้น

ด้านล่างเป็นกล้อง Ultrawide ที่เล็กกว่า และ เลนส์ TelePortrait ทำให้ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับไฟแฟลช และ ข้อความสลักว่า 50MP โดยรวมมีความละเอียดอ่อนในการออกแบบมาก แบ่งพื้นที่กล้องออกเป็นส่วนๆ ทำให้ดูสง่างามและปราณีต

ฝาหลังทำจากกระจก Gorilla Glass Victus มีผิวเคลือบด้านที่เป็นประกายน่าสนใจมากเมื่อโดนแสงแดด , มีขอบโค้งรับกับเฟรมอะลูมิเนียม

มีช่องลำโพงที่ดูเหมือนกันสองช่อง ซึ่งตั้งใจทำเป็นรูปคลื่นเสียง ช่องหนึ่งอยู่ด้านล่าง อีกช่องหนึ่งอยู่ด้านบน พร้อมโลโก้ Harman/Kardon

ขอบด้านบนมีพอร์ต IR blaster, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และ ช่องลำโพง

ในขณะที่ด้านล่าง มี ถาดใส่ซิม, ไมโครโฟนสนทนา , พอร์ต USB Type - C และ ช่องลำโพงที่สอง

โดย Xiaomi 12 Pro 5G เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนไม่กี่รุ่นที่มีลำโพง Speaker จริงๆทั้งสองด้าน เพื่อมอบประสบการณ์สเตอริโอที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

มีขนาดตัวเครื่อง 163.6 x 74.6 x 8.16 มม. และน้ำหนัก 205 กรัม ถือจับถนัดมือ

Display

มาอย่างโหดกับ หน้าจอชนิด E5 Amoled ขนาด 6.73 นิ้ว แบบ LTPO 2.0 , ความละเอียด WQHD+ (3200 × 1440 พิกเซล) , อัตรา Refresh Rate 120 Hz Adaptive Sync , Touch Sampling Rate 480 Hz , รองรับ 1.07 พันล้านสี 12 bits Huaxing Optoelectronics display , ความสว่างสูงสุด 1500 nits , รองรับ HDR10+ , Dolby Vision และ DisplayMate A + certified , 16000-level dimming Level , ความหนาแน่น 521 PPI ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus

รองรับ Always On Display

อีกทั้งยังรองรับ AI Image Engine ที่ประกอบด้วยฟีเจอร์ 

MEMC

AI Image enhancement 

AI HDR enhancement 

Super Resolution

หน้าจอมีขอบบางเฉียบ ที่ทำให้หน้าจอดูสมจริงยิ่งขึ้น โดยส่วนบนของจอแสดงผลมีรูเจาะสำหรับกล้องเซลฟี่ ใช้กลางแจ้งมองเห็นชัด​เจน ให้ความละเอียดสูงและสีสันสวยจัดจ้านอย่างมาก จัดเป็นหน้าจอระดับโปรเกรด เพราะได้ DisplayMate A+ กันไปเลย

Hardware & Performance

มาพร้อมชิปเซ็ต​ Snapdragon 8 Gen 1 โดย CPU ถูกออกแบบสามคลัสเตอร์ มี Prime Core ที่มีแกน ARM Cortex-X2 ที่มีความเร็ว 3.0 GHz นอกจากนี้ยังมี Performance Core สามคอร์ตามมาตรฐาน ARM Cortex-A710 รุ่นใหม่ ทำงานที่ความเร็ว 2.5 GHz สุดท้าย Efficiency Core จำนวนสี่คอร์ ชนิด ARM Cortex-A510 ใหม่ ทำงานที่ความเร็ว 1.8 GHz

โดยรวมแล้ว CPU ใหม่จะเร็วกว่าซีพียู Qualcomm Snapdragon 888 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ และยังช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ อีกด้วย

ในส่วนของ GPU ใหม่ คือ Adreno 730 พร้อมประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ และ ประหยัดพลังงานได้มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ Qualcomm ได้พัฒนาคุณสมบัติ Elite Gaming สามแบบ ซึ่งหนึ่งในนั้นจะช่วยให้นักพัฒนาสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพการประมวลผลและประสิทธิภาพด้านพลังงานได้ดียิ่งขึ้น

Adreno Frame Motion Engine ช่วยให้ GPU แสดงผลเกมด้วยอัตราเฟรมสองเท่าในขณะที่ใช้พลังงานในปริมาณเท่ากัน และยังสามารถรักษา FPS ไว้เท่าเดิมในขณะที่ลดกำลังประมวลผลลงครึ่งหนึ่ง

มี RAM 12 GB และ ROM 256 GB และ รองรับ RAM Expansion 3 GB

ทำงานภายใต้ระบบปฎิบัติการ Android 12 และ MIUI 13 ใหม่ล่าสุด ซึ่งจะมีเทคโนโลยีที่ทำให้ระบบเรียนรู้และจัดสรรค์ทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้เครื่องสามารถทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ตลอดเวลา​ อีกทั้งยังมีลูกเล่นในการปรับแต่งใหม่ๆ เช่น Control Center , Smart Devices และการปรับแต่งอีกมากมาย

MIUI 13 มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงฟังก์ชั่นหลัก โดยมีความลื่นไหลโดยรวมเพิ่มขึ้น 52%  บริษัทได้ปรับปรุง Focused Algorithms, Atomized Memory และ Liquid Storage ที่พัฒนาขึ้นเอง และระบบใหม่นี้เน้นที่การปรับความสามารถในการประมวลผลสำหรับแอปหลักระหว่างการใช้งานที่หนักหน่วง ป้องกันและลดการเสื่อมสภาพของความสามารถในการอ่าน-เขียนผ่าน Atomized Memory และ Liquid Storage technology 5% ในช่วง 36 เดือน ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ได้นานยิ่งขึ้น

เมื่อใช้งานทั่วไป​ พบว่าเครื่องไม่ค่อยร้อน​มากนัก ประคองอุณหภูมิ​ CPU​ ได้เฉลี่ยอยู่ที่​แถวๆ 35 - 37 °C โดยมีระบบระบายความร้อนแบบใหม่เรียกว่า VC heat plate ซึ่งเหมือนจะช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่พอใช้งานถึงจุดๆนึงพบความร้อนสะสมพอประมาณเหมือนกัน

แต่เมื่อทดสอบด้วย AnTuTu Benchmark มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 6.4 องศา และเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ลดลง 6 เปอร์เซ็นต์ อุณหภูมิสูงสุดถึง 49.2 องศา (ขึ้น Overheat) ซึ่งถือว่าร้อนจัดจนค่อนข้างน่าตกใจ และได้ผลทดสอบ 930,421 คะแนน

ผลทดสอบ AnTuTu Benchmark

ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพใช้โปรแกรม​ GeekBench 5.0 ได้ผลทดสอบดังนี้

แบบ Single Core

แบบ Multi Core

โดยได้คะแนนทดสอบ 

Single Core 1235 คะแนน

Multi Core 3528 คะแนน


Gaming

มาพร้อมฟีเจอร์ Game Turbo สำหรับจัดการทรัพยากรในระบบและการแจ้งเตือนต่างๆไม่ให้รบกวนขณะเล่นเกม

ทดสอบเล่น PUBG Mobile บนกราฟฟิคสูงสุดที่ Ultra HD และ เฟรมเรทระดับ Ultra พบว่าเล่นได้ลื่นมาก และเครื่องค่อนข้างร้อน​เล็กน้อย อุณหภูมิ​ CPU​ เฉลี่ยอยู่ที่​ 40 - 42°C


ระบบกล้อง

นี่แหละคือทีเด็ด​ เพราะรอบนี้​ Xiaomi 12 Pro มาแบบโหดๆ​ ด้วยกล้องหลัง​ 3 ตัว​ ทุกเลนส์มีความละเอียด​ 50​ ล้านพิกเซล​

ประกอบด้วย

กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล , f/1.88 , 1/1.28 นิ้ว เซนเซอร์ Sony IMX707

กล้อง Ultra Wide 50 ล้านพิกเซล , f/2.2 , เซนเซอร์ Samsung JN1 , มุมกว้าง 115 องศา

กล้อง TelePortrait 50 ล้านพิกเซล , f/1.9 , เซนเซอร์ Samsung JN1

รองรับ​การถ่ายวิดีโอ​ 4K​@60 fps และ​ Night Mode​ ทุกเลนส์​ (เลนส์หลักสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด​ 8K​@24 fps)

แอปกล้องประกอบด้วยโหมดต่อไปนี้ : ถ่ายภาพ , วิดีโอ, Pro, กลางคืน, 50MP, วิดีโอสั้น, พาโนรามา, เอกสาร, VLOG, สโลว์โมชั่น, ไทม์แลปส์, เอฟเฟกต์ภาพยนตร์, การเปิดรับแสงนาน, Supermoon และ Dual Video

ภาพถ่ายในเวลากลางวันทำได้ดี โดยสามารถถ่ายภาพที่มีแดดจ้าของวันได้ โดยยังคงรักษารายละเอียดและความคมชัดไว้อย่างมาก คอนทราสต์ดี ให้สีใกล้เคียงกับของจริงมาก

กล้อง Ultra Wide ให้มุม FOV ที่แคบไปหน่อย แต่มีรายละเอียดของภาพที่สมบูรณ์ น่าประทับใจ

ส่วนการถ่ายภาพ Portrait สามารถเบลอฉากหลังได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยเลนส์ TelePortrait ที่ระยะ 2X

สำหรับการถ่ายเซลฟี่ ด้วยกล้อง 32 ล้านพิกเซล , f/2.45 ให้ภาพที่คมชัดสุดๆ พร้อมรายละเอียดครบถ้วน

สำหรับวิดีโอ กล้องด้านหลังสามารถบันทึกได้สูงสุด 8K 24fps ในขณะที่กล้องเซลฟี่สามารถบันทึกได้สูงสุด 1080p เท่านั้น

ตัวอย่างภาพถ่าย

กล้องหลัก



กล้อง Ultra Wide


Portrait Mode


Night Mode


กล้องหน้า


ระบบเสียง

ลำโพง 4 ตัว แบบ Quad Speaker ปรับแต่งโดย Harman/Kardon เปิดสะเทือนเลือนลั่น สะใจมาก แต่มิติเสียงดูแห้งๆไปเล็กน้อย

ระบบความปลอดภัย

มาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนนิ้วมือใต้หน้าจอที่ใช้งานสะดวกและสแกนได้เร็ว และแน่นอนว่ามีระบบสแกนใบหน้ามาให้ด้วยเช่นกัน

แบตเตอรี่

ให้มา​ 4600 mAh ที่กำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป อยู่ได้พอดีวัน ทีเด็ดอยู่ที่ระบบชาร์จ​ 120W​ แบบใหม่ ลองแล้วพบว่าอัดไม่ยั้ง ชาร์จ 0-100% ใช้เวลา 17-18 นาที และมี Wireless Charge 50W และ Reverse Wireless Charge 10W

สรุป​ไฮไลท์เทคโนโลยีใหม่ใน Xiaomi 12 Pro

✓ หน้าจอ Pro Grade กับ DisplayMate A+ สวยสมคำล่ำลือ

✓ รองรับ CyberFocus คือเทคโนโลยีที่สามารถระบุวัตถุได้หลายแบบและปรับกล้องให้โฟกัสได้ ตลอดจนเรียนรู้ลักษณะของวัตถุและติดตามโฟกัส ซึ่งนำมาจากเทคโนโลยีการติดตามวัตถุของหุ่นยนต์สุนัข Xiaomi CyberDog

✓กล้องหลัง​ 3 ตัว​ ทุกเลนส์มีความละเอียด​ 50​ ล้านพิกเซล​ รองรับ​การถ่ายวิดีโอ​ 4K​@60 fps และ​ Night Mode​ ทุกเลนส์​ (เลนส์หลักสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด​ 8K​@24 fps)

✓ กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยีการรีทัชผิวระดับพิกเซลที่ใช้เทคโนโลยี Stagger HDR เพื่อสร้างรายละเอียดผิวขึ้นมาใหม่ในระดับฮาร์ดแวร์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายเซลฟี่ด้วยคุณภาพผิวที่เป็นธรรมชาติและสวยงามมากยิ่งขึ้น

✓ ระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ VC heat plate พื้นที่ 2600 mm^2

✓ ลำโพง Quad Speaker by Harman/Kardon

✓ ระบบชาร์จเร็ว 120W TurboCharge (0-100% ใน 18 นาที)

ราคาจำหน่ายในประเทศไทย

Xiaomi 12 Pro

รุ่น RAM 12 GB/ROM 256 GB ราคา 31,990 บาท ราคาติดโปรโมชั่นเครือข่าย​ เริ่มต้น​ 17,490 บาท​

สรุปส่งท้าย

นี่เป็นสมาร์ทโฟน Xiaomi ที่สะดุดตาและสร้างขึ้นมาอย่างพรีเมี่ยมที่สุดในปัจจุบัน และอย่าลืมว่ามาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว 50 ล้านพิกเซล กับ กล้องเซลฟี่ 32 ล้านพิกเซล ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีราคาอยู่ที่ 31,990 บาท แต่ก็มีสเปคที่ดีกว่าหลายๆรุ่นที่มีราคาสูงกว่าเช่นกันครับ

Article By : โลกไอทีวันนี้

#Xiaomi #Xiaomi12 #Xiaomi12Series  #Xiaomi12Pro #MasterEveryScene

Comments