ก่อนงานเปิดตัว Galaxy S23 Series ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ภาพโปรโมทอย่างเป็นทางการชุดแรกได้ถูกเผยแพร่โดยเว็บไซต์ 91 Mobiles แสดงให้เห็นถึงดีไซน์ของ Galaxy S23+ และ Galaxy S23 Ultra
91Mobiles ได้เผยแพร่ภาพโปรโมทของ Galaxy S23 Series ซึ่งมี Galaxy S23+, Galaxy S23 Ultra และอุปกรณ์สวมใส่รุ่นปัจจุบันอย่าง Galaxy Buds 2 Pro และ Galaxy Watch 5 โดย Galaxy S23+ มาในตัวเครื่องสีม่วงอมชมพู ในขณะที่ Galaxy S23 Ultra เป็นสีเขียวโทนใหม่ ที่ดูสีอ่อนลง
โดยในแง่ของดีไซน์ Samsung ได้นำกรอบโมดูลกล้องหลังที่เคยมีใน Galaxy S21 และ Galaxy S22 ออกไป ทำให้ตอนนี้ Galaxy S23+ มีการออกแบบที่สอดคล้องกับ Galaxy S23 Ultra มากขึ้น โดยมีวงแหวนกล้องแต่ละตัวที่ด้านหลัง
ส่วน Galaxy S23 Ultra ดูคล้ายกับรุ่นก่อนมาก อย่างไรก็ตาม มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น สีของวงแหวนกล้องที่ด้านหลัง โดย Galaxy S22 Ultra มีวงแหวนสีดำรอบกล้องด้านหลัง แต่ S23 Ultra มีสีเงิน
สำหรับข้อมูลสเปคทั้งหมดของ Samsung Galaxy S23 Series ได้ปรากฏขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตผ่านทางทิปสเตอร์ชื่อดังหลายราย ทั้ง SlashLeaks และ Ice Universe ตั้งแต่เมื่อช่วงหลายสัปดาห์ก่อน
ข้อมูลจาก TENAA เผยว่า Galaxy S23 Series ทั้งสามรุ่น จะใช้โปรเซสเซอร์ octa-core มีคลัสเตอร์ CPU สามคลัสเตอร์ โดยหนึ่งคลัสเตอร์ทำงานที่ 3.36 GHz และอีกสองคลัสเตอร์ทำงานที่ 2.8 GHz และ 2.0 GHz ตามลำดับ
ซึ่งคาดว่าเป็นชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 (เวอร์ชันปรับแต่งพิเศษ) ที่มีความเร็วสูงกว่า Snapdragon 8 Gen 2 (เวอร์ชันปกติ)
อีกทั้งตามรายงาน บริษัทไม่ได้วางแผนที่จะเปิดตัวรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos ดังนั้นตลาดทั้งหมดทั่วโลกจะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 2 เหมือนกันทั้งหมด
สเปค Samsung Galaxy S23 Ultra 5G
หน้าจอขอบโค้งคู่ชนิด Dynamic OLED แบบ Infinity O Display ขนาด 6.8 นิ้ว , ความละเอียด QHD+ (3088 x1440 พิกเซล) , รองรับอัตรา Refresh Rate 120 Hz แบบ Adaptive Sync , HDR10+ , DCI - P3 Color Gamut 100%
CPU : Snapdragon 8 Gen 2
GPU : Adreno 740
RAM : 8 GB/12 GB ชนิด LPDDR5x
ROM : 256 GB/512 GB/1 TB ชนิด UFS 4.0
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ 5G Dual Mode
กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 200 + 12 + 10 + 10 ล้านพิกเซล , รองรับ Dual OIS , รองรับเลนส์ Ultra Wide , TelePhoto และ Periscope , Optical Zoom 3x และ 10x
กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, f/2.2 , Auto Focus
รองรับถ่ายวิดีโอ HDR - 12 bits
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Ultra Sonic
รองรับลำโพงคู่แบบ Stereo by AKG
รองรับปากกา S - Pen พร้อมช่องเก็บในตัว
รองรับ WiFi 6E / Bluetooth 5.3 / NFC
รองรับ Wireless DeX
รองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตราฐาน IP68
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C (Gen 3.2)
แบตเตอรี่ความจุ : 5000 mAh + 45W Super Adaptive Fast Charging + 15W Fast Wireless Charging และ Wireless PowerShare
ระบบปฎิบัติการ Android 13 + One UI 5.0
มิติตัวเครื่อง : 163.4×78.1×8.9 มม.
น้ำหนัก : 233 กรัม
โดย Galaxy S23 Ultra จะเป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้อง 200 ล้านพิกเซล เครื่องแรกของ Samsung ซึ่งใช้เซ็นเซอร์ที่พัฒนาโดย Samsung เอง อย่างไรก็ตาม จะไม่ได้ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL 200MP ที่เคยเปิดตัวมาแล้ว (HP1 และ HP3) แต่จะใช้เซนเซอร์ที่มีการออกแบบใหม่ (ขนาด 1/1.3 นิ้ว , 0.6µm , รูรับแสง f/1.7)
รวมไปถึงการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งรวมถึง Advanced Deep Trench Isolation (DTI) เพื่อการดูดซับแสงที่ดีขึ้นไปยังเซ็นเซอร์ และ Tetra2Pixel ซึ่งช่วยให้กล้องรวม 4 หรือ 16 พิกเซลเป็นหนึ่งเดียว เพื่อการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยที่ดีขึ้น
ส่วน Samsung Galaxy S23 และ S23+ จะมาพร้อม RAM 8 GB , ROM 128 GB/256 GB
ทั้งสองรุ่น จะมีเซ็นเซอร์กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล , เลนส์ Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล และ เลนส์ TelePhoto 10 ล้านพิกเซล , รองรับ Optical Zoom 3 เท่า สามารถบันทึกวิดีโอ 8K ที่ 30 FPS ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
Galaxy S23+ จะบรรจุแบตเตอรี่ 4700 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 25W มีหน้าจอ Amoled ขนาด 6.6 นิ้ว
ทั้งนี้คาดว่า Samsung จะเปิดตัว Galaxy S23 Series ที่งาน Unpacked ในซานฟรานซิสโก ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีข่าวว่าจะเปิดตัวในวันที่ 1 กุมภาพันธ์
Source : SamMobile
Article By : โลกไอทีวันนี้
Comments
Post a Comment