เปิดตัว realme 12 Pro Series 5G ในประเทศอินเดีย อย่างเป็นทางการ !!!! ครั้งแรกกับสมาร์ทโฟนราคาหมื่นกลางที่มาพร้อมเลนส์ซูม Periscope และ ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม !!!

realme ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟน realme 12 Pro และ 12 Pro+ ในประเทศอินเดีย โดยมีหน้าจอ AMOLED แบบโค้ง FHD+ 120Hz ขนาด 6.7 นิ้ว พร้อมขอบจอที่แคบเป็นพิเศษและการลดแสงความถี่สูงพิเศษแบบ PWM 2160Hz และยังมีคุณสมบัติ ProXDR ที่จะวิเคราะห์ภาพที่ส่งมาจากกล้อง โดยปรับเอฟเฟกต์ภาพถ่ายให้เหมาะสมกับทุกสภาวะแสง

realme 12 Pro ขับเคลื่อนโดยชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 1 ส่วน realme 12 Pro+ ขับเคลื่อนโดยชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 2 มี RAM สูงสุด 12GB พร้อมการขยาย Virtual RAM สูงสุด 12GB  มีระบบระบายความร้อน 3D VC ขนาด 3394 มม.² ใน 12 Pro+

ใช้ระบบปฎิบัติการ Android 14 พร้อม realme UI 5.0 โดยจะได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android 2 ปีและความปลอดภัย 3 ปี

 

realme 12 Pro+ มีกล้องหลัง 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์ Sony IMX890 + OIS  กล้องเทเลโฟโต้ Omnivision OV64B ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล + OIS ซูมออปติคอล 3 เท่า, ซูมในเซ็นเซอร์ 6 เท่า และรองรับ SuperZoom สูงสุด 120 เท่า ส่วน realme 12 Pro มีเซ็นเซอร์หลัก 50 ล้านพิกเซล Sony IMX882 + OIS แต่มีกล้อง 2x ถ่ายภาพบุคคล 32 ล้านพิกเซล แทนที่กล้องเทเลโฟโต้ 3x โดยทั้งสองรุ่นมีกล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล

realme 12 Pro Series มีดีไซน์นาฬิกาสุดหรู โดยได้ร่วมมือกับนักออกแบบนาฬิกาสุดหรู Ollivier Savéo สร้างขึ้นโดยอาศัยประสบการณ์การออกแบบระดับพรีเมียมซึ่งก่อนหน้านี้ที่มีเฉพาะในนาฬิกาสุดหรูเท่านั้น

อีกทั้ง realme ยังร่วมมือกับ Qualcomm ในการปรับปรุงการประมวลผลภาพด้วย MasterShot Algorithm  ทำให้ realme 12 Pro Series เป็นอุปกรณ์ตัวแรกและตัวเดียวในกลุ่มที่มี process RAW domains เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความคมชัด ระดับไดนามิกเรนจ์ และความสมจริงในการถ่ายภาพบุคคล

ทั้งสองรุ่นมีแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว SuperVOOC 67W ที่สามารถชาร์จได้ 0 - 50% ใน 19 นาที และ 100% ใน 48 นาที

🟡 สเปค realme 12 Pro และ 12 Pro+

หน้าจอ AMOLED แบบโค้ง ขนาด 6.7 นิ้ว , ความละเอียด Full HD+ (2412×1080 พิกเซล) พร้อมอัตรารีเฟรช 120Hz , อัตราการ Touch Sampling Rate 360Hz, อัตรา Instant Touch Sampling Rate 1260Hz, การลดแสง PWM 2160Hz, ขอบเขตสี 100% DCI-P3, ความสว่างสูงสุด 950 nits

CPU realme 12 Pro – Snapdragon 6 Gen 1 Octa Core (4x A78 ที่ 2.2GHz + 4x A55 ที่ 1.8GHz Kryo CPUs)  4nm
GPU : Adreno 710

CPU realme 12 Pro+ – Snapdragon 7s Gen 2 Octa Core ความเร็ว 2.4GHz (4nm)
GPU :  Adreno 710

RAM :  8GB / 12GB ชนิด LPDDR4X
ROM : 128GB / 256GB ชนิด UFS 3.1
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ 5G Dual Mode

realme 12 Pro – กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ 1/2″ Sony IMX882, OIS, รูรับแสง f/1.8, กล้อง Ultra-wide 8 ล้านพิกเซล , รูรับแสง f/2.2, กล้อง TelePhoto 32 ล้านพิกเซล Sony IMX709 , รูรับแสง f/2.0, รองรับ Optical Zoom 2 เท่า

realme 12 Pro+ – กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX890 , รูรับแสง f/1.8 , OIS , กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.2 , กล้อง Periscope 64 ล้านพิกเซล , เซนเซอร์ Omnivision OV64B , รองรับ Optical Zoom 3 เท่า , ซูมในเซ็นเซอร์ 6 เท่า, ซูมสูงสุด 120 เท่า,  รูรับแสง f/2.6

realme 12 Pro – กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.45

realme 12 Pro+ – กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล พร้อม , รูรับแสง f/2.45

รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
รองรับลำโพงคู่แบบ Stereo + ระบบเสียง Dolby Atmos และ Hi - Res Audio
รองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตราฐาน IP65
รองรับ Wi-Fi 6 802.11 ax (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.2, GPS ความถี่คู่/ GLONASS/ Beidou
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
แบตเตอรี่ 5000mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว SuperVOOC 67W
ระบบปฎิบัติการ Android 14 + realme UI 5.0
ขนาด : 161.47×74.02×8.75 มม. 
น้ำหนัก: 190 กรัม (12 Pro) / 196 กรัม (12 Pro+)

ราคาและการวางจำหน่ายในประเทศอินเดีย

realme 12 Pro และ 12 Pro+ มาในตัวเลือกสี Submarine Blue และ Navigator Beige และ realme 12 Pro+ ยังมาในเวอร์ชัน Explorer Red พิเศษเฉพาะในอินเดีย ซึ่งจะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงวันวาเลนไทน์พอดี

realme 12 Pro มีราคาอยู่ที่ 25,999 รูปี (ประมาณ 11,050 บาท) สำหรับรุ่น 8GB + 128GB และ 8GB + 256GB ราคา 26,999 รูปี (ประมาณ 11,500 บาท)

realme 12 Pro+ มีราคาอยู่ที่  29,999 รูปี (ประมาณ 12,750 บาท) สำหรับรุ่น 8GB + 128GB , ราคา 31,999 รูปี (ประมาณ 13,600 บาท) สำหรับรุ่น 8GB + 256GB และรุ่นท็อปสุด 12GB + 256GB ราคา 33,999 รูปี (ประมาณ 14,450 บาท)

โดยจะวางจำหน่ายที่ realme.com, Flipkart และร้านค้าออฟไลน์ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ส่วนในประเทศไทย รอติดตามอัปเดตกันเร็วๆนี้ครับ

Source : FoneArena
Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments