ByteDance ยืนยัน จะไม่ขายกิจการ TikTok ในสหรัฐอเมริกา แม้กฎหมายคว่ำบาตรจะผ่านแล้วก็ตาม !!!!



ByteDance บริษัทแม่ในจีนของ TikTok กล่าวว่าบริษัทไม่มีความตั้งใจที่จะขายธุรกิจดังกล่าว หลังจากที่สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายเพื่อบังคับให้ขายกิจการหรือไม่ก็ถูกแบนในอเมริกา

“ByteDance ไม่มีแผนที่จะขาย TikTok” บริษัทโพสต์ในบัญชีอย่างเป็นทางการบน Toutiao ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่บริษัทของแบรนด์

คำแถลงจาก ByteDance เป็นการตอบสนองต่อบทความจากเว็บไซต์อุตสาหกรรมเทคโนโลยี The Information ที่กล่าวว่า ทางแบรนด์กำลังสำรวจศักยภาพในการขายกิจการของ TikTok ในสหรัฐอเมริกา

“รายงานของสื่อต่างประเทศระบุว่า ByteDance จะขาย TikTok นั้นไม่เป็นความจริง” บริษัทระบุในโพสต์ ซึ่งรวมถึงภาพหน้าจอของบทความที่มีตัวอักษรจีนที่มีความหมายว่า “ข่าวลือเท็จ” ประทับอยู่บนนั้น

ทั้งนี้ต้นสายปลายเหตุเกิดจากการที่รัฐบาลจีนควบคุมบริษัทเอกชนอย่างเข้มงวดทำให้เกิดความกังวลในสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกอื่นๆ เกี่ยวกับการควบคุมที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีต่อ ByteDance และข้อมูลที่มีอยู่ ส่งผลให้มาตรการขายหรือคว่ำบาตรบริษัทถูกประกาศใช้เป็นกฎหมายโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

แต่ทาง TikTok ปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ารัฐบาลจีนไม่ได้ควบคุมหรือมีการเข้าถึงข้อมูลของ ByteDance

“เรามั่นใจและเราจะต่อสู้เพื่อสิทธิของเราในศาล” Shou Zi Chew หัวหน้า TikTok กล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มในสัปดาห์นี้

ตามข้อมูลของ TikTok อเมริกา ผู้ก่อตั้ง ByteDance ชาวจีนเป็นเจ้าของหุ้น 20% ผ่านการถือหุ้นในบริษัท

ประมาณ 60% เป็นของนักลงทุนสถาบัน รวมถึงบริษัทการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐฯ Carlyle Group, General Atlantic และ Susquehanna International Group

ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นของผู้คนจากทั่วโลก และสมาชิกคณะกรรมการ 3 คนจากทั้งหมด 5 คนของ ByteDance เป็นชาวอเมริกัน

ล่าสุดรัฐบาลจีนยังได้เพิกเฉยต่อความกังวลต่างๆ และเตือนว่าการแบน TikTok จะ "กลับมาแว้งกัดสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"

กระนั้นอย่างไรก็ตาม TikTok จะไม่ถูกแบนทันทีในสหรัฐอเมริกา

กฎหมายใหม่ให้เวลา ByteDance เก้าเดือนในการขายธุรกิจ และระยะเวลาผ่อนผันเพิ่มเติมสามเดือน ก่อนที่จะสามารถบังคับใช้การแบนที่อาจเกิดขึ้นได้

นั่นหมายความว่าเส้นตายการขายกิจการน่าจะเกิดขึ้นในช่วงปี 2025 หลังจากที่ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 เข้ารับตำแหน่ง

Source : BBC
Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments