FullReview | Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition รุ่นพิเศษสำหรับแฟนเสียวหมี่ทั่วโลก สำหรับฉลองเทศกาล XFF ในสีใหม่สุดสวย Mystic Silver !!!


เมื่อวานนี้ Xiaomi ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับ Xiaomi Fan Festival 2024

โดย Xiaomi จะมีการจัดงานแฟนเฟสติวัลทุกปี  ในช่วงเวลานี้ โดยบริษัทมักจะเสนอส่วนลดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายทั่วโลก เทศกาลนี้มีชื่อว่า 'Mi Fan Festival' (MFF) จนถึงปี 2021 แต่ปัจจุบันเนื่องจากบริษัทได้ยกเลิกการใช้คำว่า 'Mi' ขึ้นแล้ว จึงได้เรียกว่า 'Xiaomi Fan Festival' (XFF) โดยมีกำหนดเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition มาพร้อมกับตัวเครื่องสี Mystic Silver โดยมีคุณสมบัติเดียวกันกับรุ่นปกติ ด้วยกล้องหลังคมชัด 200MP พร้อมระบบกันสั่น OIS และหน้าจอขอบโค้งรุ่นแรกใน Redmi Note Series ที่เพิ่มความพรีเมี่ยมไปอีกระดับ


🟠 สเปค Redmi Note 13 Pro+ 5G

หน้าจอขอบโค้งชนิด OLED ขนาด 6.67 นิ้ว , ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220 พิกเซล) อัตรารีเฟรช 120Hz, อัตรา Touch Sampling Rate 240Hz , ความสว่างสูงสุด 1800 nits , การลดแสง PWM ความถี่สูง 1920Hz , ความลึกของสี 12 บิต  , รองรับ Dolby Vision, HDR10+ ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
CPU : MediaTek Dimensity 7200-Ultra
GPU : Mali-G610 MC4
รองรับชิปประมวลผลภาพ E2E AI ReMosiac
RAM : 12 GB ชนิด LPDDR5
ROM : 512GB ชนิด UFS 3.1
รองรับ 2 Sim Cards
รองรับ 5G Dual Mode
กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 200 + 8 + 2 ล้านพิกเซล , เซ็นเซอร์หลัก Samsung HP3 ขนาด 1/1.4 นิ้ว , รองรับ OIS , กล้อง Ultra Wide 120° , รูรับแสง f/2.2 , กล้องมาโคร , รูรับแสง f/2.4
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ
รองรับเซนเซอร์ IR Infrared
รองรับลำโพงคู่ Stereo + ระบบเสียง Dolby Atmos
รองรับการกันน้ำกันฝุ่นมาตราฐาน IP68
รองรับ Wi-Fi 6 802.11ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.3, GPS + GLONASS, NFC
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
แบตเตอรี่ความจุ : 5000mAh + ระบบชาร์จเร็ว 120W
ระบบปฏิบัติการ Android 13 + MIUI 14
ขนาด : 161.4×74.2×8.9 มม.(กระจก) / 9 มม. (หนัง PU); 
น้ำหนัก: 204.5 กรัม


Unboxing

Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น Xiaomi Fan Festival Special Edition ปีนี้ใช้การออกแบบกล่องที่ดูเรียบง่ายถ้าเทียบกับปีก่อนๆ ด้วยพื้นกระดาษสีขาวที่มีรูปเครื่องสี Mystic Silver และ โลโก้ Xiaomi Fan Festival 2024 ที่ด้านบนของขอบกล่อง 

และแน่นอนว่าในกล่องจะต้องมีสติ๊กเกอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลให้มาด้วยเป็นธรรมเนียมของทุกปี

ภายในกล่องประกอบด้วย

- ตัวเครื่อง Redmi Note 13 Pro+ 5G
- เคสซิลิโคน
- สาย USB Type - C
- Adapter Charge 120W
- Sim Eject Tool
- คู่มือและการรับประกัน


Display & Design

Redmi Note 13 Pro+ 5G มาพร้อม หน้าจอ OLED 1.5K 120Hz ขนาด 6.67 นิ้ว ที่มีความสว่างสูงสุด 1800 nits , การลดแสง PWM ความถี่สูง 1920Hz , ความลึกของสี 12 บิต และ ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus โดดเด่นด้วยวอลเปเปอร์ Xiaomi Fan Festival สีเงินในดีไซน์โลโก้ของงานปีนี้

นอกจากนี้ เทคโนโลยีกะพริบหน้า PWM Dimming 1920 Hz จะช่วยลดอัตราการกะพริบหน้าจอเมื่อแสงน้อย ลดอาการเมื่อยล้าต่อสายตา และปรับความสว่างได้ถึง 16,000 ระดับ ช่วยลดอาการปวดตา หรืออันตรายจากแสงสีฟ้า โดยการันตีการรับรองจาก TÜV Rheinland ประกอบด้วย การปราศจากการกระพริบ (Flicker Free), แสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light) และการเป็นมิตรทางชีวภาพตลอดทั้งวันกับผู้ใช้งาน (Circadian Friendly)






สามารถดูคอนเทนต์สตรีมมิ่งเต็มรูปแบบได้สวยงามและมีมิติด้วยขอบจอโค้ง 3D อีกทั้งมีขอบบางเฉียบ 4 ด้าน เพียง 2.37 มม. ที่ทำให้หน้าจอดูสมจริงยิ่งขึ้น โดยส่วนบนของจอแสดงผลมีรูเจาะสำหรับกล้องเซลฟี่ที่เล็กกว่าแบรนด์อื่นๆ ใช้กลางแจ้งมองเห็นชัด​เจน ให้ความละเอียดสูงและสีสันสวยจัดจ้านอย่างมาก จัดเป็นหน้าจอที่มีความสมบูรณ์ในการแสดงผลอย่างมาก

ส่วนดีไซน์จะยังคงเหมือนกับรุ่นปกติ ที่ยังคงยึดหลักการออกแบบสมาร์ทโฟนในสไตล์มินิมอล โดยดีไซน์การออกแบบที่สวยเรียบง่าย ด้วยโมดูลกล้องหลักอยู่ด้านบน มีขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ ช่วยทำให้ดูโดดเด่นขึ้น ถัดลงมาเป็นกล้อง Ultrawide และ เลนส์ Macro ที่ขนาดเล็กกว่า ที่ด้านข้าง และ ข้อความสลักว่า 200 MEGA OIS

แต่กระนั้นตัวเครื่องสี Mystic Silver ก็ทำให้ตัวเครื่องโดดเด่นเกินดีไซน์แบบมินิมอลออกมาชัดเจน โดยเฉพาะยามถือจับและโดนแสงแดดตกกระทบ พบว่ารัศมีความสวยมันพุ่งออกมาจากตัวเครื่องแบบสุดๆ ชนิดสวยเด่นเกินใครเลย

ขอบด้านบนมี ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน , ช่องลำโพง ช่องหนึ่งอยู่ด้านล่าง อีกช่องหนึ่งอยู่ด้านบน และ พอร์ต IR blaster

ในขณะที่ด้านล่าง มี ถาดใส่ซิม, ไมโครโฟนสนทนา , พอร์ต USB Type - C และ ช่องลำโพงที่สอง

ส่วนขอบเครื่องด้านขวามี ปุ่ม Power และ ปุ่ม Volume และ ขอบเครื่องด้านซ้ายปล่อยโล่งๆ

อีกทั้ง Redmi Note 13 Pro+ 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟน Redmi รุ่นแรกที่สามารถกันน้ำและฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 ได้อีกด้วย ดังนั้นเรื่องความทนทานถือว่าหมดห่วง


Hardware & Performance

Redmi Note 13 Pro+ 5G Xiaomi Fan Festival Special Edition ใช้งานชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7200-Ultra 

มี RAM สูงสุด 12GB และพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 512GB มีระบบระบายความร้อน รวมถึงแผ่นกราไฟท์ประมาณ 11000 มม.² และ VC 4000 มม.²

โดยการทดสอบประสิทธิภาพใช้โปรแกรม​ GeekBench 6.0 ได้ผลทดสอบดังนี้

Single Core : 1136 
Multi Core : 2653


Software





ทำงานบนระบบปฎิบัติการ Android 13 + MIUI 14 ที่มีการปรับปรุงครั้งใหญ่จากเวอร์ชั่นก่อน ซึ่งจะมีเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ตลอดเวลา โดยบริษัทได้สัญญาว่าการอัปเดต HyperOS จะพร้อมใช้งานในเร็วๆนี้ และยังได้ให้สัญญากับการอัปเดต Android หลัก 3 เวอร์ชั่น และ การอัปเดตความปลอดภัย 4 ปี ด้วย


Gaming

มาพร้อมฟีเจอร์ Game Turbo สำหรับจัดการทรัพยากรในระบบและการแจ้งเตือนต่างๆไม่ให้รบกวนขณะเล่นเกม 





โดยเมื่อทดสอบเล่น PUBG Mobile บนกราฟฟิคสูงสุดที่ HDR และ เฟรมเรทระดับ Ultra พบว่าเล่นได้ลื่นมาก และเครื่องอุ่นๆ​เล็กน้อย อุณหภูมิ​ CPU​ เฉลี่ยอยู่ที่​ 40 - 42°C

ทีเด็ดคือมี Boost Mode เมื่อเปิดแล้วจะสามารถดันเฟรมเรทขึ้นไปได้ถึง 61 fps โดยที่ไม่ร่วงมากด้วย เหวี่ยงๆอยู่แถว 58-60 เฟรมตลอดเกม จัดเป็นอานิสงค์ของระบบ HyperEngine ในชิปเซ็ต Dimensity 7200-Ultra ซึ่งประมวลผลได้ฉับไว รวมถึงมีการเชื่อมต่อที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด พร้อมด้วยหน่วยประมวลผล AI 3.0 (APU 3.0) ของชิปเซ็ตที่ส่งผลให้ประหยัดพลังงานสูงสุด นอกจากนี้ Dimensity 7200-Ultra ยังรองรับเครือข่าย Sub-6GHz 5G และการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 เพื่อให้เกมเมอร์เพลิดเพลินกับการเล่นเกมไร้สะดุดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามครับ

นอกจากนี้ ยังมีแผงระบายความร้อน VC กว้างเกือบ 4,000 ตร.มม. และพื้นที่ระบายความร้อนด้วยแกรไฟต์ 11,000 ตร.มม. ช่วยกระจายความร้อนได้ดี ไม่ทำให้เครื่องร้อนเมื่อเล่นเกมต่อเนื่องหรือขณะที่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ไปด้วย ซึ่งเรียกว่าเป็นการออกแบบระบบระบายความร้อนที่ดีที่สุดในสมาร์ทโฟน Redmi เลย


ระบบกล้อง คมชัดระดับ 200MP OIS

มาแบบโหดๆ​ ด้วยกล้องหลัง​ 3 ตัว​ ทีที่เลนส์หลักมีความละเอียสูงถึง 200 ล้านพิกเซล​

ประกอบด้วย

กล้องหลัก 200 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ ISOCELL HP3
   - 1/1.4" Sensor size
   - f/1.65 , 7P Lens
   - รองรับ OIS

กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล
   - 1/4" sensor size, 1.12μm pixel size
   - f/2.2 , มุมกว้าง 120°

กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล
   - 1/5" sensor size, 1.75μm pixel size
   - f/2.4

รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K@30 fps

กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
   - f/2.45 , มุมกว้าง 78°

โดยกล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL HP3 ขนาด 1/1.4 นิ้ว (ซึ่งใหญ่กว่า IMX766 1/1.56 นิ้ว มาก) มีค่ารูรับแสง f/1.65 ตัวเลนส์ 7P มีการเคลือบด้วยเทคโนโลยี ALD สำหรับลดการสะท้อนของแสงได้ดียิ่งขึ้น

ทาง Xiaomi กล่าวว่า รูรับแสงที่เพิ่มขึ้นเป็น f/1.65 จะช่วยเพิ่มปริมาณแสงที่ได้รับอย่างมาก ประการที่สอง คือ โครงสร้างเลนส์ 7P ได้รับการอัปเกรดเพื่อให้ถ่ายภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และ การเคลือบป้องกันแสงสะท้อน ALD ระดับไฮเอนด์ ได้ปรับปรุงด้านคุณภาพอย่างมาก

รองรับ Super QPD ที่ช่วยโฟกัสภาพได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงเทคโนโลยี OIS และ EIS ช่วยป้องกันภาพสั่นไหว นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับระบบประมวลผลภาพ Xiaomi Imaging Engine ที่เข้ามามีส่วนร่วมจัดการระบบเร่งความเร็วของ CPU, GPU, DSP, ISP หรือจะเป็นเรื่องของแสงไฟ สภาพแวดล้อม ระบบสี และอื่นๆ เพื่อการประมวลผลภาพถ่ายให้ออกมาดีที่สุด

โดยภาพถ่าย 200MP หรือมีความละเอียดที่ 16,320 x 12,240 พิกเซล มีความคมชัดสูงเป็นพิเศษ เมื่อซูมเข้าไปดูวัตถุที่อยู่ไกลๆ ก็ยังคมชัด ให้รายละเอียดในภาพครบถ้วน 

และในการถ่ายภาพแบบเรียลไทม์ยังรองรับการใช้งาน 4X Lossless Zoom หรือเทียบเท่ากับออปติคัลซูมแบบดั้งเดิม ที่รายละเอียดภาพไม่สูญหายไปอีกด้วย

โดยเมื่อต้องการถ่ายภาพที่ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล ให้เข้าโหมดกล้อง กดเลือก 200MP แล้วลงมือถ่ายกันเลย ที่ประทับใจสุดคือ Shutter ไม่ Lack ประมวลผลหลังกดถ่ายไวมากแบบไม่ต้องรอ สามารถกดถ่ายต่อเนื่องได้ โดยตัวไฟล์ภาพมีขนาดใหญ่ที่ราวๆ 50 - 60 MB เก็บรายละเอียดได้ดีสุดๆครับ

ตัวอย่างภาพถ่าย 200MP

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Auto + Zoom


ถ่าย Portrait สวยเนียนเป็นธรรมชาติ

ด้วยเอฟเฟกต์ AI bokeh สามารถปรับภาพถ่าย Portrait หน้าชัด หลังเบลอ พร้อมโบเก้ได้อย่างสวยงาม

ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait








ตัวอย่างภาพถ่าย Night Mode






ภาพถ่ายกล้องหน้า 16MP

ให้ความเป็นธรรมชาติ ถ่ายง่าย มีบิวตี้โหมดและ Portrait ให้แบบสวยเบาๆ

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า








Battery

มีแบตเตอรี่มีขนาด 5000mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว HyperCharge 120W ที่สามารถชาร์จได้ 0 - 100% ใน 19 นาที  มีชิป Surge G1 และ Surge P1 ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Xiaomi เพื่อควบคุมการชาร์จเร็วและการจัดการแบตเตอรี่ให้ปลอดภัยไร้กังวลปัญหาด้านความร้อน

ราคาและการวางจำหน่าย

Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น Xiaomi Fan Festival Special Edition วางจำหน่ายรุ่นความจุ RAM 12GB + 512GB ในสี Mystic Silver ราคา 15,990 บาท เป็นเจ้าของได้ที่ร้าน Xiaomi Store ทั่วประเทศ

โปรโมชันพิเศษในช่วงวันที่ 1 ถึง 30 เมษายน 2567 ลูกค้าที่ซื้อ ‘Redmi Note 13 Pro+ 5G Special Edition’ จะได้รับเคสมือถือ BamBam สุดเอ็กคลูซีฟ พร้อมกระเป๋าเป้ Xiaomi Fan Festival 2024 มูลค่า 1,390 บาท*

(หมายเหตุ* ของแถมมีจำนวนจำกัด / เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด)

สรุป

Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่น Xiaomi Fan Festival Special Edition เหมาะสำหรับแฟนพันธุ์แท้ของเสียวหมี่หรือผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูง ถ่ายรูปคมชัด ในราคาที่จับต้องได้ บนการออกแบบสุดพิเศษที่จะมีแค่ปีละครั้งและปีละรุ่นเดียวเท่านั้น ห้ามพลาดเลยครับ !!!

Article By : โลกไอทีวันนี้

Comments