Nothing Phone (3) คุ้มไหม? ผลสำรวจเผยผู้บริโภคส่วนใหญ่คิดว่า Nothing Phone (3) แพงเกินสเปคที่ให้มา !!!!
หลังจากใช้เวลาหลายปี Nothing ก็เปิดตัว Nothing Phone (3) ในฐานะเรือธงระดับสูงสุด ด้วยราคาเริ่มต้น 799 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 26,000 บาท) ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า Nothing Phone (3) คุ้มค่ากับราคา 799 ดอลลาร์หรือไม่ และดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วย
โดยทางเว็บไซต์ Android Authority ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นบนเว็บไซต์ ช่อง YouTube และบัญชีโซเชียลมีเดีย X ซึ่งได้รับการโหวตมากกว่า 6,460 โหวตในทั้งสามแพลตฟอร์ม ผู้ลงคะแนนรวมกัน 62% ไม่เห็นด้วยกับราคา โดยเชื่อว่าไม่คุ้มกับข้อดีที่ Nothing Phone (3) มีให้ ผู้ลงคะแนน 28% กำลังรอรีวิวเพื่อตัดสินใจ ส่วนผู้ลงคะแนนเพียง 10% เท่านั้นที่เชื่อว่า Nothing Phone (3) เป็นนวัตกรรมใหม่และให้คุณค่าที่ดี
ผู้ตอบแบบสอบถามยังมีคำวิจารณ์หลายประการ เช่น ผิดหวังเกี่ยวกับโปรเซสเซอร์ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเชื่อว่าตั้งราคาเเพงเกินไป
โดย Nothing Phone (3) มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว 1.5K 120Hz ที่มีความสว่างสูงสุดถึง 4500nits ขับเคลื่อนโดยชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 พร้อม RAM สูงสุด 16GB
ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 15 พร้อมด้วย Nothing OS 3.5 ซึ่งบริษัทสัญญาว่าจะอัปเดต Android OS ถึง 5 เวอร์ชั่น และ แพตช์ความปลอดภัย 7 ปี เป็นครั้งแรก
มีเมทริกซ์ Glyph ใหม่ ซึ่งเป็นดิสก์ไมโคร LED ขนาด 25 x 25 พิกเซล สามารถแสดงนาฬิกาดิจิทัล นาฬิกาจับเวลา ระดับแบตเตอรี่ เข็มทิศ และอื่นๆ อีกมากมาย
มาพร้อมเซนเซอร์หลัก 50MP 1/1.3″, อัลตราไวด์ 50MP, เทเลโฟโต้ Periscope 3x 50MP และ กล้องหน้า 50MP รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K 60fps ทุกเลนส์
มีแบตเตอรี่ซิลิคอนคาร์บอน 5500mAh พร้อมชาร์จเร็ว 65W ที่สามารถชาร์จเต็มในเวลาเพียง 54 นาที นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จไร้สาย 15W และการชาร์จไร้สายย้อนกลับ 5W
🔴 สเปค Nothing Phone (3)
หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว , ความละเอียด 1.5K (2800 x 1260 พิกเซล) , อัตรารีเฟรช 30-120Hz , อัตราการ Touch Samping Rate 1000Hz , รองรับ HDR10+, สี 10 บิต, ความสว่างสูงสุด 1600nits (HBM), ความสว่างเฉพาะจุดสูงสุด 4500nits , การหรี่แสง PWM 2,160Hz ครอบทับด้วยกระจกป้องกัน Corning Gorilla Glass 7i
CPU : Snapdragon 8s Gen 4 (4nm) สูงสุด 3.2GHz GPU : Adreno 825
RAM : 12GB / 16GB ชนิด LPDDR5X
ROM : 256GB / 512GB ชนิด UFS 4.0
รองรับซิมคู่ (Nano + eSIM)
รองรับ 5G Dual Mode
กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 50 + 50 + 50 ล้านพิกเซล , รูรับแสง f/1.68, เซ็นเซอร์หลัก OV50H ขนาด 1/1.3″, OIS กล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 114° , เซ็นเซอร์ JN1 ขนาด 1/2.76 นิ้ว , รูรับแสง f/2.2 , กล้อง TelePhoto Periscope 3x , เซนเซอร์ JN5 ขนาด 1/2.75 นิ้ว พร้อมรูรับแสง f/2.68 , ซูมดิจิทัลสูงสุด 60 เท่า , โฟกัสอัตโนมัติ , มาโคร 10 ซม. , OIS , บันทึกวิดีโอ 4K ได้สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที
กล้องหน้า 50 ล้านพิกเซล ขนาด 1/2.76 นิ้ว รูรับแสง f/2.2 , บันทึกวิดีโอ 4K ได้สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ
รองรับลำโพงสเตอริโอ
รองรับการทนน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP68
รองรับ Wi-Fi 7 802.11 be (2.4GHz/5GHz) MIMO, Bluetooth 6.0, GPS, USB Type-C, NFC
แบตเตอรี่ซิลิคอน 5500mAh รองรับการชาร์จเร็ว 65W, การชาร์จไร้สาย 15W, การชาร์จไร้สายย้อนกลับ 5W
ระบบปฎิบัติการ Android 15 + Nothing OS 3.5
ขนาด: 160.6×75.59×8.99 มม.
น้ำหนัก: 218 กรัม
ราคาและการวางจำหน่าย
Nothing Phone (3) มีตัวเลือก สีดำและสีขาว และมีราคาอยู่ที่
รุ่น RAM 12GB/ROM 256GB ราคา 79,999 รูปี (ประมาณ 30,000 บาท)
รุ่น RAM 16GB/ROM 512GB ราคา 89,999 รูปี (ประมาณ 34,000 บาท)
ส่วนราคา Global เริ่มต้นที่ 799 USD (ประมาณ 26,000 บาท) และ 899 USD (ประมาณ 29,000 บาท)
Source : Android Authority
Article By : โลกไอทีวันนี้
Comments
Post a Comment