ปี 2025 เป็นปีที่วงการสมาร์ตโฟนแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่ถ้าคุณคือคนที่รักเสียงดนตรี หลงใหลในบรรยากาศคอนเสิร์ต และต้องการสมาร์ตโฟนที่ "จบ" ได้ในเครื่องเดียวโดยไม่ต้องแบกกล้องใหญ่ vivo X300 Series คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดในนาทีนี้
ภายใต้สโลแกน "แค่คลิก ซูมชิดติดเวที" vivo ไม่ได้แค่พูดเกินจริง แต่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการด้วยการใส่เซนเซอร์ความละเอียด 200 ล้านพิกเซลลงในเลนส์ Telephoto เป็นครั้งแรกในรุ่น X300 Pro ผสานกับขุมพลังชิปเซ็ต Dimensity 9500 และ ทีเด็ดคืออุปกรณ์เสริม vivo ZEISS 2.35x Telephoto Extender ที่เปลี่ยนมือถือให้เป็นกล้องโปรได้ในพริบตา
วันนี้เราจะพาทุกท่านไปเจาะลึกทุกรายละเอียด ตั้งแต่ดีไซน์ Unibody 3D สุดหรู, ระบบปฏิบัติการ OriginOS 6 ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมลับสุดยอด โดยเน้นหนักไปที่พี่ใหญ่อย่าง vivo X300 Pro และไม่ลืมที่จะแนะนำน้องเล็กสเปกโหดไซซ์พกพาอย่าง vivo X300 ให้ได้รู้จักกันครับ
🔵 สเปค vivo X300 Pro
หน้าจอแบน LTPO AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว , ความละเอียด 1.5K (2800 x 1260 พิกเซล) , อัตรารีเฟรช 120Hz , ความสว่างสูงสุด 4500nits , รองรับมาตรฐาน ZEISS Master Colors , High-frequency PWM dimming 2160Hz , อัตราส่วนภาพ 20:9 พร้อม HDR10+ ครอบทับด้วยกระจก Armor Glass
CPU : MediaTek Dimensity 9500 (3nm)
GPU : Arm Mali-G1 Ultra MC12
RAM : 16GB ชนิด LPDDR5x
ROM : 512GB ชนิด UFS 4.1
รองรับ 5G Dual Mode
รองรับ 2 Sim Cards
กล้องหลัง ZEISS 3 ตัว ความละเอียด 50 + 50 + 200 ล้านพิกเซล , เซนเซอร์หลัก Sony LYT828 ขนาด 1/1.28 นิ้ว พร้อมรูรับแสง f/1.57 , รองรับ OIS , กล้อง Ultra Wide 50MP เซนเซอร์ Samsung JN1 ขนาด 1/2.76 นิ้ว, รูรับแสง f/2.0 , กล้อง ZEISS APO Periscope TelePhoto , เซนเซอร์ Samsung HPB , มาตรฐาน ZEISS APO , ขนาด 1/1.4 นิ้ว , รูรับแสง f/2.67 , รองรับ Optical Zoom 3.5x , รองรับ Tele Macro เคลือบเลนส์ ZEISS T*Coating
กล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล , f/2.0
ชิปประมวลผลภาพคู่ vivo V3+ และ VS1
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือแบบ 3D Ultra Sonic
รองรับการทนน้ำทนฝุ่นมาตรฐาน IP68/IP69
รองรับลำโพงคู่แบบ Stereo + ระบบเสียง Hi-Fi
รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 802.11 be, Bluetooth 6.0, GPS: L1+L5, Beidou: B1C+B1I+B2a+B2b, GLONASS: G1 Galileo: E1+E5a+E5b, QZSS: L1+L5, NavIC: L5, NFC
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C (3.2 Gen 1)
แบตเตอรี่ความจุ : 6510mAh + 90W FlashCharge + ชาร์จไร้สาย 40W และ ชาร์จไร้สายย้อนกลับ
ระบบปฎิบัติการ : Android 16 + Origin OS 6
ขนาดตัวเครื่อง : 161.98×75.48×7.99 มม.
น้ำหนัก : 226 กรัม
Unboxing ภายในกล่องประกอบด้วย
ตัวเครื่อง vivo X300 Series
อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 90W FlashCharge
สายชาร์จ USB-C
เคสซิลิโคน
เอกสารคู่มือ
เข็มจิ้มถาดซิม
Design Aesthetics — ศิลปะแห่งความโค้งมนและ Unibody 3D
สิ่งแรกที่สัมผัสได้เมื่อจับ vivo X300 Series คือความ "พรีเมียม"
Unibody 3D และสัมผัส Coral Velvet Glass
vivo ใช้เทคโนโลยีการขึ้นรูปฝาหลังแบบใหม่ที่เรียกว่า Unibody 3D ซึ่งทำให้โมดูลกล้องวงกลมขนาดใหญ่ (ที่เป็นเอกลักษณ์ของ X Series) ดูเหมือน "งอก" หรือเชื่อมเป็นเนื้อเดียวกับฝาหลังอย่างแนบเนียน ไร้รอยต่อที่สะดุดนิ้ว ช่วยลดความหนาของโมดูลกล้องทางสายตาและให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งเป็นหนึ่งเดียว
วัสดุฝาหลังใช้เทคนิค Coral Velvet Glass ให้ผิวสัมผัสที่นุ่มนวลคล้ายกำมะหยี่เมื่อลูบไล้ แต่ยังคงความแข็งแกร่งของกระจก และที่สำคัญคือ "ไม่ติดรอยนิ้วมือ" เลยแม้แต่น้อย
Sunburst Texture: หากสังเกตดีๆ รอบวงแหวนเลนส์กล้องของรุ่น Pro จะมีการแกะสลักลวดลาย "Sunburst" (แฉกแสงอาทิตย์) ที่ละเอียดระดับไมครอน ให้ความรู้สึกหรูหราเหมือนขอบหน้าปัดนาฬิกาหรู
สีไฮไลต์ของปีนี้คือ Dune Brown (สีน้ำตาลทะเลทราย) ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น คลาสสิก และดูแพงมากเมื่อกระทบแสง นอกจากนี้ยังมี Mist Blue และ Phantom Black ให้เลือก
ในแง่ของมิติตัวเครื่อง vivo X300 Pro จะมาพร้อมความบาง 7.99 มม. และน้ำหนัก 226 กรัม บนงานประกอบตัวเครื่องระดับพรีเมียมที่แน่นหนาและไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ vivo X300 Series ยังมาพร้อมประสิทธิภาพน้ำและทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 และ IP69 โดยสามารถป้องกันฝุ่นและต้านทานน้ำได้นาน 30 นาที ที่ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร รวมถึงป้องกันความเสียหายจากน้ำที่มีความร้อนสูงได้
หน้าจอไร้ขอบที่แท้จริง
vivo X300 Pro มาพร้อมหน้าจอแบนขนาด 6.78 นิ้ว มีทีเด็ดคือขอบจอที่บางเฉียบสมมาตรกันทุกด้านเพียง 1.1 มม. ทำให้เวลาดูคอนเทนต์จะรู้สึกเหมือนภาพลอยอยู่บนมือจริงๆ ความสว่างสูงสุดพุ่งไปถึง 4500 nits (เฉพาะจุด) สู้แสงแดดประเทศไทยได้สบายหายห่วง
โดย vivo X300 มาพร้อมหน้าจอ LTPO OLED ขนาด 6.31 นิ้ว ขอบจอบางเฉียบเพียง 1.05 มม. ทุกด้าน ส่วน X300 Pro ยังคงใช้หน้าจอ LTPO OLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K 120Hz ขอบจอบางเฉียบเพียง 1.1 มม. ทุกด้าน ทั้งสองรุ่นใช้วัสดุจอ BOE Q10+ มีระบบลดแสง DC ความสว่างสูงสุด และ PWM ความสว่างสูงสุด 4500nits , ค่าความสว่างต่ำสุด 1nits และรองรับการจัดการสีธรรมชาติแบบ Full-link ของ ZEISS
Camera Revolution — เมื่อ "เลนส์ซูม" คือพระเอกของ X300 Pro
vivo X300 Pro มี ระบบกล้อง ZEISS ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่การทำงานร่วมกันของ 3 ประสาน ได้แก่ ชิปเซ็ต Dimensity 9500 + ชิปภาพ V3+ และชิปพิเศษ VS1 (Pro Imaging Chip) ที่มีเฉพาะในรุ่น Pro
200MP ZEISS APO Telephoto เทพแห่งการซูม
ลืมกล้องซูมความละเอียดต่ำไปได้เลย เพราะ vivo X300 Pro มาพร้อมเซนเซอร์ขนาดมหึมา 1/1.4 นิ้ว (Sensor HPB) ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล ในเลนส์ Telephoto ระยะ 85mm (3.5x)
ทำไมต้อง 200MP? เพราะเราสามารถซูม Digital ต่อไปได้ไกลมากโดยที่ภาพไม่แตก หรือที่เราเรียกว่า "In-sensor Zoom" การถ่ายระยะ 10x - 20x ในคอนเสิร์ตจึงได้รายละเอียดที่คมกริบ เห็นเม็ดเหงื่อศิลปิน เห็น Texture เสื้อผ้า ชัดเจนเหมือนนั่งอยู่แถวหน้า
ZEISS APO Standard: การได้รับตราสัญลักษณ์ APO (Apochromatic) การันตีว่าเลนส์ชิ้นนี้แก้ปัญหา "ขอบม่วง" หรือความคลาดสีได้สมบูรณ์แบบ ทำให้ภาพย้อนแสงหรือถ่ายวัตถุที่มีความเปรียบต่างสูงยังคงได้สีที่เที่ยงตรง
เจาะลึกความพิเศษของกล้องซูม 200MP
โดยครั้งนี้ vivo X300 Pro ได้พัฒนาเลนส์เทเลโฟโต้ 200 ล้านพิกเซล HPB ที่ได้รับการปรับแต่งอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษ นับเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ 200 ล้านพิกเซล รุ่นที่สี่ ที่ผลิตขึ้นภายใต้นวัตกรรมของ vivo ซึ่งได้รับการปรับแต่งอย่างล้ำลึก มีความเสถียรมากขึ้น ระดับการป้องกันภาพสั่นไหวแบบเทเลโฟโต้เป็นระดับสูงสุดในอุตสาหกรรม ด้วยการรับรองการป้องกันภาพสั่นไหว CIPA 5.5 ทำให้มีความเสถียรอย่างยิ่ง!
อีกทั้งการปรับแต่งอย่างละเอียด และการพัฒนากลไกการติดตามโฟกัสพิเศษทำให้การบันทึกภาพเคลื่อนไหวระยะไกลพิเศษทำได้ดียิ่งขึ้น
มีอัลกอริทึมพิเศษเฉพาะ ที่เพิ่มประสิทธิภาพพื้นฐาน ทำให้ได้เอฟเฟกต์เทเลโฟโต้ที่ไกลและชัดเจนยิ่งขึ้น
โปร่งใสยิ่งขึ้น ด้วยการเคลือบ ZEISS T* Coating ช่วยให้กระจกเลนส์มีความบริสุทธิ์มากขึ้น ได้รับการรับรอง APO เฉพาะ มีความแตกต่างของสีที่น้อยลงด้วยเลนส์แก้วฟลูออไรต์
เพิ่มเทคโนโลยี Loss-Less Exposure (LLE) เพื่อปรับปรุงอัตราส่วนสัญญาณต่อสัญญาณรบกวนแม้ขณะซูม ลดสัญญาณรบกวนในฉากที่มีแสงน้อย
รองรับ Hybrid Frame-HDR (HF-HDR) ที่ผสานรวม Single-Frame HDR, Dual-Conversion Gain และ Multi-Frame HDR ทำให้มีช่วงไดนามิกเกิน 100 dB ซึ่งสูงที่สุดสำหรับเซ็นเซอร์มือถือในปัจจุบัน
vivo X300 Pro ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้กล้องหลัก LYT828 ความละเอียด 50MP ขนาด 1/1.28 นิ้ว , f/1.57
Concert & Stage Mode 2.0: ระบบจะปรับ Exposure อัตโนมัติเพื่อจัดการกับแสงสปอตไลท์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ป้องกันหน้าศิลปินขาวโพลน (Overexposed) พร้อมระบบกันสั่น CIPA 5.5 ที่ทำให้คุณถือถ่ายวิดีโอ 4K ซูมไกลๆ ได้นิ่งกริบ
Telephoto Macro : ไม่ใช่แค่ถ่ายไกล แต่เลนส์ตัวนี้ถ่าย "ใกล้" ได้เทพมาก! คุณสามารถถ่ายดอกไม้ แมลง หรืออาหาร ในระยะโฟกัสใกล้ๆ แต่ได้ฉากหลังละลายแบบ Creamy Bokeh จากเซนเซอร์ขนาดใหญ่และเลนส์ ZEISS
Adaptive Zoom Flash เคยไหมถ่ายเปิดแฟลชแล้วหน้าลอย? X300 Pro แก้ปัญหานี้ด้วยแฟลชอัจฉริยะที่ "ปรับองศาการกระจายแสง" ตามระยะเลนส์ ถ้าถ่ายกว้างแฟลชจะกระจายตัว (Diffuser) แต่ถ้าซูมเข้าไปถ่าย Portrait แฟลชจะรวมแสง (Converger) ไปที่ตัวแบบ ทำให้แสงดูเป็นธรรมชาติและพุ่งไปไกลขึ้น
6 ความเป็นที่สุดในอุตสาหกรรม กล้องเทเลโฟโต้ ZEISS APO ความละเอียด 200MP
vivo X300 Pro ไม่ได้มีดีแค่ตัวเลข แต่มาพร้อมกับสถิติใหม่ของวงการถึง 6 ประการ ที่ทำให้คู่แข่งต้องหันมามอง
สูงที่สุดในอุตสาหกรรม : ความละเอียดสูงสุด 200MP มอบรายละเอียดภาพซูมที่คมชัดที่สุด และเป็น Telephoto 200MP รุ่นที่ 4 ที่พัฒนาจนก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม
ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม : ใช้เซนเซอร์ขนาดมหึมา 1/1.4 นิ้ว (ใหญ่กว่าเดิมและขนาดพิกเซลใหญ่ขึ้น 12% ที่ 0.56 um) รับแสงได้ดีเยี่ยม เก็บ Dynamic Range ได้กว้าง
เพียงหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรม : เลือกใช้ ชุดเลนส์โครงสร้างใหม่ 1G+5P (เลนส์แก้ว 1 ชิ้น + พลาสติก 5 ชิ้น) พร้อมเคลือบ ฟลูออไรด์ (FCD100) วัสดุเกรดเดียวกับเลนส์กล้องโปร ให้ความใสเคลียร์ระดับสูงสุด
เอกสิทธิ์เฉพาะในอุตสาหกรรม : ได้รับการรับรองมาตรฐาน ZEISS APO (Apochromatic) ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นสูงในการแก้ปัญหา "ความคลาดสี" (Chromatic Aberration) ทำให้ภาพไม่มีขอบม่วง/ขอบเขียว สีสันเที่ยงตรงแม่นยำ
นำโดยเทคโนโลยีชั้นนำ : เคลือบสาร ZEISS T Coating* ช่วยลดแสงโกสต์ (Ghosting) และแสงแฟลร์ (Flare) ย้อนแสงแค่ไหนก็เอาอยู่
เสถียรที่สุดในอุตสาหกรรม : ระบบกันสั่น OIS มาตรฐาน CIPA 5.5 นิ่งที่สุดในตลาด พร้อมกลไกการติดตามโฟกัสพิเศษ ทำให้การซูมระยะไกลนิ่งกริบ
🔵 คุณสมบัติ VDO ใหม่
🔹 Hybrid Frame-HDR
🔹 100dB+ High Dynamic Range
🔹 Gimbal-level anti-shake
🔹 4K Movie Portrait
🔹 4K 60FPS 10-bit Log at all focal lengths
🔹 Dolby Vision 4K 120FPS cinematic slow motion
🔹 120FPS Dual-track EIS image stabilization
🔹 Supports ultra-high buffered frames
🔹 Multi-focal length Dolby Vision
🔹 4K 120FPS 10-bit Log
🔹 4K 120FPS Dolby Vision video editing
การถ่ายภาพ Portrait
ลูกเล่นเลนส์คลาสสิกของ ZEISS ไม่ว่าจะเป็น Distagon, Planar, Sonnar และ Biotar และ Cinematics ได้รับการอัปเกรดมากขึ้น สไตล์ภาพถ่ายบุคคลที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ จะช่วยให้คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญภาพถ่ายสไตล์บุคคลได้อย่างง่ายดาย ด้วยวิธีการสร้างภาพ bokeh และ facula ในระดับมืออาชีพ
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ ZEISS Cine-flare Portrait และ B-Speed ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับถ่ายภาพบุคคลในฉากที่มีแสงเยอะหรือย้อนแสง ช่วยสร้างแสงแฟลร์ที่ละเอียดอ่อน มีชีวิตชีวา โดยทำงานร่วมกับอัลกอริทึมแบ็คไลท์ ช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพถ่ายย้อนแสง สามารถสร้างภาพถ่าย Portrait ที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง
และแน่นอนว่ายังคงมีฟีเจอร์ ZEISS Natural Color ที่ช่วยทำให้ภาพถ่ายมีสีสันในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ ZEISS ด้วย
อีกทั้ง Portrait แบบ ZEISS บน vivo X300 Pro ยังมีระยะที่ครอบคลุมกว่าที่เคย โดย ZEISS Portrait lens package มีระยะให้ใช้งานได้มากถึง 5 ระยะ ประกอบด้วย
24มม. --> 35มม. --> 50มม. --> 85มม. --> 135มม. ถ่ายสนุกกันแบบสุดๆ
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait
กล้องหน้า 50MP Auto Focus เซลฟี่สวยเนียน
มีฟีเจอร์ AI Beauty รวมถึง ZEISS Portrait Style ละลายฉากหลังได้โปรเหมือนกล้องหลัก รองรับการบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4K/60fp
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
The Secret Weapon — vivo ZEISS 2.35x Telephoto Extender
หากพลังซูมในเครื่องยังไม่สะใจพอ vivo ได้เตรียม "อาวุธลับ" ที่จะเปลี่ยนสมาร์ตโฟนของคุณให้กลายเป็นกล้อง Professional อย่างแท้จริง นั่นคือ vivo ZEISS 2.35x Telephoto Extender หรือชุดเลนส์เสริมซูมเทเลโฟโต้ที่ vivo พัฒนาร่วมกับ ZEISS
ยกระดับการซูมเหนือขีดจำกัด
อุปกรณ์นี้ไม่ใช่แค่เคสสวยๆ แต่มันคือชุดเลนส์ Extender ที่สวมทับเข้าไปเพื่อเพิ่มกำลังขยาย optical ให้กับเลนส์เดิมถึง 2.35 เท่า
เมื่อใช้งานร่วมกับกล้อง Telephoto 200MP ของ X300 Pro จะทำให้ได้ระยะโฟกัสเทียบเท่า 200mm ที่ความละเอียดสูง!
ผลลัพธ์ การถ่ายในระยะไกลมากๆ จะได้คุณภาพไฟล์ที่คมกริบเหมือนใช้กล้อง DSLR ติดเลนส์บ้องข้าวหลาม ตัดปัญหาภาพแตกหรือวุ้นเมื่อซูมสุดระยะ
ดีไซน์เพื่อมืออาชีพ (Pro Ergonomics)
สำหรับ vivo X300 Pro ชุดอุปกรณ์นี้จะมาพร้อมกับ "เคสสมาร์ตโฟนพร้อมกริปจับ" ที่ออกแบบมาให้ฟีลลิ่งการจับถือเหมือนกล้องจริง
USB Connection กริปสามารถเชื่อมต่อกับตัวเครื่องผ่านพอร์ต USB โดยทำให้จับถือถ่ายภาพและวิดีโอกลางคอนเสิร์ตได้มั่นคงมากขึ้น
Dedicated Buttons: มีปุ่มกดชัตเตอร์และปุ่มอัดวิดีโอแยกมาให้ที่กริป ทำให้การควบคุมกล้องถนัดมือ นิ่ง และมั่นคงกว่าการแตะหน้าจอ
นี่คืออุปกรณ์เสริมที่เกิดมาเพื่อสาย Concert Hunter และสาย Portrait อย่างแท้จริง ใครที่จริงจังเรื่องคุณภาพไฟล์ระยะไกล อุปกรณ์นี้คือ "ของต้องมี" ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก vivo ZEISS 2.35x Telephoto Extender
Pro Imaging Chip VS1
ชิปประมวลผลแบบ Pre-processes ทํางานประมวลผลขั้นแรกสุด ก่อนส่งต่อไปให้ Dimensity 9500 และ V3+ ทํางานขั้นตอนต่อไป ซึ่งช่วยให้ภาพพอร์ตเทรตคมชัด จัดการแสงสีดีขึ้น จัดการ noise ดีขึ้น
ทํางานเร็วขึ้นและลดสัญญาณรบกวนของภาพ
ทํางานร่วมกับชิปหลัก เพิ่มความเร็ว AI ของกล้อง 200% และลดการใช้พลังงาน 60%
OriginOS 6 — สัมผัสใหม่แห่งความลื่นไหลและชาญฉลาด
vivo X300 Series มาพร้อม OriginOS 6 บนพื้นฐาน Android 16 ตั้งแต่แกะกล่อง ซึ่งถือเป็นการยกเครื่องดีไซน์และประสบการณ์ใช้งานครั้งใหญ่ ที่มาแทนระบบปฏิบัติการ FunTouch OS
Smooth Origin & Origin Design
ปรัชญาใหม่ของการออกแบบเน้นความ "ลื่นไหล" ดั่งสายน้ำ Animation การเปิดปิดแอป การปัดหน้าจอ มีแรงเฉื่อยและการตอบสนองที่ดูเป็นธรรมชาติ (Spring Animation) ไอคอนต่างๆ ถูกออกแบบใหม่ให้มีมิติแสงเงาที่สวยงามขึ้น
Origin Island (Atomic Island ใหม่)
บริเวณกล้องหน้าไม่ใช่แค่รูเจาะอีกต่อไป แต่มันคือ Origin Island ศูนย์รวมการแจ้งเตือนแบบ Dynamic ไม่ว่าจะเป็นสถานะ Grab, ไฟลต์บิน, หรือการเล่นเพลง จะยืดหดออกมาจากบริเวณนี้ และเราสามารถลากไฟล์หรือรูปภาพไปใส่ในเกาะนี้เพื่อแชร์ไปยังแอปอื่นได้ทันที
Flip Cards
Widget หน้าจอแบบใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก "ภาพสามมิติพลิกได้" (Lenticular cards) ในสมัยก่อน เมื่อคุณเอียงเครื่อง Widget จะเปลี่ยนข้อมูลที่แสดงผล เช่น จากนาฬิกา เป็นสภาพอากาศ สร้างลูกเล่นที่สนุกและไม่จำเจ
vivo Connection Center : ศูนย์กลางการเชื่อมต่อที่รวมฟังก์ชันต่างๆ เช่น Link to PC (การมิเรอร์หน้าจอ, ถ่ายโอนไฟล์) และการถ่ายโอนข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ แม้แต่ iPhone (ผ่านแอป EasyShare)
เสริมความแกร่งด้วยขุมพลัง MediaTek Dimensity 9500
• All-Big-Core CPU : แรงขึ้น +24% (Single-Core) และ +10% (Multi-Core)
• GPU Industry #1 : ประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานอันดับ 1 ใน
อุตสาหกรรม
• NPU Industry #1 : ผู้นําด้านการประมวลผล AI เร็วกว่าคู่แข่งทั้งหมด
Battery
vivo X300 Pro มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Silicon Anode รุ่นที่ 4 แบบ Semi-Solid ที่ช่วยให้มีความจุมากขึ้น โดยยังคงรักษาความบางของขนาดแบตเตอรี่ ซึ่งส่งผลให้ตัวเครื่องยังคงสวยเเละเบาบาง ทนต่อการใช้งานในสภาพอุณหภูมิหนาวจัดถึง -20 องศาเซลเซียส
ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ ทำให้ vivo X300 Pro มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6510mAh บนตัวเครื่องบาง 7.99 มิลลิเมตร พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว 90W FlashCharge เพียงพอต่อการใช้งานหนักๆและยาวนานได้ตลอดทั้งวันครับ
vivo X300 (The Compact) — เล็กพริกขี้หนู
สำหรับคนที่คิดว่า X300 Pro ใหญ่เกินมือ vivo X300 คือทางเลือกที่สมบูรณ์แบบ ด้วยหน้าจอแบบแบน (Flat Display) ขนาด 6.31 นิ้ว และขอบที่บางเพียง 1.05 มม. ทำให้จับถือมือเดียวได้ถนัดที่สุดในซีรีส์
ความต่างที่คุณต้องรู้: สลับขั้วความละเอียดกล้อง
จุดที่น่าสนใจมากคือ vivo เลือกใช้กลยุทธ์สลับสเปกกล้อง
X300 Pro: เน้น Telephoto 200MP (เพื่อการซูม)
X300: เน้น Main Camera 200MP (เพื่อการถ่ายทั่วไปที่คมชัดที่สุด)
โดย รุ่นเล็กได้กล้องหลักความละเอียด 200MP (เซนเซอร์ HPB 1/1.4") ทำให้การถ่ายภาพ Landscape หรือ Street ทั่วไปเก็บรายละเอียดได้โหดมาก ส่วนกล้อง Telephoto จะเป็นระยะ 3x (70mm) ความละเอียด 50MP ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปและถ่าย Portrait สวยๆ
ดีไซน์ของรุ่นเล็กจะมีความขี้เล่นกว่าด้วยสี Halo Pink และ Iris Purple ที่สดใส เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แต่ก็ยังมีตัวเลือกสี Phantom Black สำหรับผู้ที่ชอบความคลาสสิก และยังได้แบตเตอรี่อึดถึง 6040mAh ในบอดี้ที่บางเฉียบ
ตัวอย่างภาพจากกล้อง vivo X300
🔵 สเปค vivo X300
หน้าจอแบน LTPO AMOLED ขนาด 6.31 นิ้ว , ความละเอียด 1.5K (2640 x 1216 พิกเซล) , อัตรารีเฟรช 120Hz , ความสว่างสูงสุด 4500nits , มาตรฐาน ZEISS Master Colors , High-frequency PWM dimming 2160Hz , อัตราส่วนภาพ 20:9 พร้อม HDR10+ ครอบทับด้วยกระจก Armor Glass
CPU : MediaTek Dimensity 9500 (3nm)
GPU : Arm Mali-G1 Ultra MC12
RAM : 12GB/16GB ชนิด LPDDR5x
ROM : 256GB/512GB ชนิด UFS 4.1
รองรับ 5G Dual Mode
รองรับ 2 Sim Cards
กล้องหลัง ZEISS 3 ตัว ความละเอียด 200 + 50 + 50 ล้านพิกเซล , เซนเซอร์หลัก Samsung HPB ขนาด 1/1.4 นิ้ว พร้อมรูรับแสง f/1.68 , รองรับ OIS , กล้อง Ultra Wide 50MP เซนเซอร์ Samsung JN1 ขนาด 1/2.76 นิ้ว, รูรับแสง f/2.0 , กล้อง ZEISS APO Periscope TelePhoto , เซนเซอร์ Sony LYT602 , ขนาด 1/1.95 นิ้ว , รูรับแสง f/2.57 , รองรับ Optical Zoom 3x เคลือบเลนส์ ZEISS T*Coating
กล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล , f/2.0
ชิปประมวลผลภาพ vivo V3+
รองรับระบบสแกนใบหน้า
รองรับระบบสแกนนิ้วมือแบบ 3D Ultra Sonic
รองรับการทนน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68/IP69
รองรับลำโพงคู่แบบ Stereo + ระบบเสียง Hi-Fi
รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 802.11 be, Bluetooth 5, GPS: L1+L5, Beidou: B1C+B1I+B2a+B2b, GLONASS: G1 Galileo: E1+E5a+E5b, QZSS: L1+L5, NavIC: L5, NFC
พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type - C (3.2 Gen 1)
แบตเตอรี่ความจุ : 6040mAh + 90W FlashCharge + ชาร์จไร้สาย 40W และ ชาร์จไร้สายย้อนกลับ
ระบบปฎิบัติการ : Android 16 + Origin OS 6
ขนาดตัวเครื่อง : 150.57 × 71.92 × 7.95 มม.
น้ำหนัก : 190 กรัม
สรุป
vivo X300 Series ไม่ใช่แค่การไมเนอร์เชนจ์ แต่คือการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ โดยเฉพาะ X300 Pro ที่สร้างนิยามใหม่ของ "Concert Phone" ด้วยเลนส์ Telephoto 200MP ที่ใช้งานได้จริง ยิ่งเมื่อประกบกับ ZEISS 2.35x Telephoto Extender ยิ่งทำให้มันไร้คู่ต่อสู้ในระยะซูม
เลือก X300 Pro ถ้าคุณคือสายคอนเสิร์ตที่ต้องการคุณภาพสูงสุด และพร้อมลงทุนกับอุปกรณ์เสริมเพื่อประสบการณ์ระดับโปร
เลือก X300 ถ้าคุณชอบมือถือเครื่องเล็ก จอแบน พกพาง่าย แต่ยังต้องการความแรงและกล้องหลักความละเอียดสูง
ราคาและการวางจำหน่าย
vivo X300 Series เปิดให้จับจองเป็นเจ้าของได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา ช่องทางออนไลน์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดย vivo X300 วางจำหน่ายในสองรุ่นความจุ ได้แก่ รุ่น 12GB + 256GB ในราคา 31,999 บาท และรุ่น 16GB + 512GB ในราคา 34,999 บาท
ในขณะที่vivo X300 Pro จัดเต็มความจุ 16GB + 512GB ในราคา 39,999 บาท
พิเศษยิ่งขึ้น! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ vivo X300 Series ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568 รับทันที ของสมนาคุณพิเศษสามต่อ มูลค่ารวม 13,188 บาท เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานอย่างเต็มที่
ต่อที่ 1: vivo Care รับประกันตัวเครื่อง 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 2 ปี จำนวน 1 ครั้ง มูลค่า 10,999 บาท
ต่อที่ 2: ขาตั้งสมาร์ตโฟน มูลค่า 890 บาท
ต่อที่ 3: เคสตัวเครื่องพร้อมแม่เหล็ก มูลค่า 1,299 บาท
สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการขยายขีดจำกัดของพลังซูม เพื่อสัมผัสประสบการณ์ระดับ VIP ชุดเลนส์เสริมกำลังขยาย 2.35 เท่า (vivo ZEISS 2.35x Telephoto Extender) ซึ่งประกอบด้วยเคสสมาร์ตโฟนและเลนส์ซูม สำหรับรุ่น X300 Pro และ X300 พร้อมให้สายถ่ายระยะไกลได้เป็นเจ้าของแล้วในราคา 5,999 บาท
นอกจากนี้ เพื่อการใช้งานที่คล่องตัวและเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น vivo X300 Pro ยังมีอุปกรณ์เสริม ได้แก่ กริป (Grip) สำหรับการจับถือที่กระชับถนัดมือ ช่วยให้ภาพและวิดีโอนิ่งและมั่นคง ไม่พลาดทุกช็อตสำคัญ วางจำหน่ายในราคา 2,500 บาท โดยผู้สนใจสามารถเลือกซื้อ เซ็ตชุดเลนส์เสริมและกริป เพื่อรับทั้งพลังซูมและการจับถือที่สมบูรณ์แบบได้ในราคาสุดคุ้มค่า เพียง 8,499 บาท
Article By : โลกไอทีวันนี้












































































































































