#Review : Samsung​ DeX แบบใหม่สำหรับ​ Galaxy Note 10/10+ ทลายทุกขีดจำกัด​!!! รองรับการทำงานบน Windows​ 7, 10 และ​ macOS แล้ว​ !!!


อย่างที่ทราบกันดีว่าสมาร์ทโฟนเรือธง​ Samsung​ Galaxy​ Note​ 10/10+ ในปีนี้มีกระแสพูดถึงอย่างร้อนแรง​ ด้วยสเปคที่อัดแน่นและคุณสมบัติขั้นเทพมากมายภายใน

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับการอัพเกรดมาอย่างต่อเนื่องในตระกูลเรือธงยุคหลังๆก็คือ​ Samsung​ DeX ที่ปรากฎตัวครั้งแรกในสมัย​ Galaxy​ S8 และ​ Note​ 8​ Series​ ที่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมอย่าง​ DeX​ Station ในการแสดงผล​ และสามารถต่อเข้ากับ​ Monitor ได้เพียงอย่างเดียว​ ก่อนจะค่อยๆพัฒนาลดขนาดมาเป็น DeX​ Pad และ​ DeX Cable ตามลำดับ

DeX Station

DeX Pad

DeX Cable

แต่ว่าใน​ Galaxy​ Note​ 10 Series​ นี้​ Samsung​ DeX​ มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดอย่างมาก​ ด้วยความสามารถที่เชื่อมต่อผ่านสาย USB Type - C ทั่วๆไป​ เข้ากับ​ Notebook หรือ​ PC แล้วแสดงผลแบบ​ Virtual Desktop ได้แล้ว​ และยังทำงานได้ทั้งบนระบบ​ปฎิบัติการ​ Windows​ หรือ​ macOS​ ก็ได้


ส่วนการทำงานผ่านหน้าจอทีวีหรือ​ Monitor เปล่าๆ​ทั่วไป​ ก็สามารถทำได้เช่นเคย​ ผ่านสาย​ Type - C to HDMI แต่วันนี้เราจะมารีวิววิัธีการใช้งานผ่าน​ Notebook กันครับ​

วิธีการใช้งาน

เบื้องต้นให้เราไปดาวน์โหลดโปรแกรม​ Samsung​ DeX​ มาติดตั้งบน​ Notebook หรือ​ Desktop PC ของเราเสียก่อน​ ผ่านทาง

https://www.samsung.com/th/apps/samsung-dex/




มีให้เลือกสำหรับการติดตั้งบน​ PC หรือ​ MAC


จากนั้นเมื่อทำการติดตั้งเสร็จ​ ซึ่งจะใช้เวลาเพียงไม่นาน​ ก็ให้นำ​สมาร์ทโฟน​ Galaxy​ Note 10/10+ มาเสียบเข้ากับเครื่อง​ Note​book หรือ​ PC ผ่านสาย USB Type -​ C ตัวระบบ​ DeX​ ก็จะปรากฎขึ้นมาแบบอัตโนมัติ​ พร้อมใช้งานทันที


โดยอินเตอร์เฟซก็จะเป็น​หน้าต่าง​ Virtual Desktop ที่เราสามารถย่อขยายขนาดได้อย่างอิสระ​ หรือจะแสดงผลแบบ​ Full​ Screen​ ก็ได้


คุณสมบัติต่างๆในการทำงาน

แถบ​ Navigation Bar ด้านซ้ายล่าง

ปุ่ม​ Home

ปุ่ม​ Back

Wifi connect


ปุ่ม​ App Drawer 

โดยจะแสดงแอพพลิเคชั่นทั้งหมดที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนขึ้นมา และสามารถเรียกใช้ได้ทั้งหมด​ เพียงแต่อาจจะรองรับการแสดงผลได้ไม่เต็มรูปแบบในทุกๆแอพครับ

ซึ่งปุ่มสุดท้ายก็จะเป็นตัวช่วยในเรื่องนี้​ ได้แก่​ DeX​ Lab


ซึ่งจะเป็นฟีเจอร์ที่ยังไม่ประกาศ​ Official แต่มีให้ทดลองใช้งาน​ หนึ่งในนั้นไเ้แก่​ Force Apps​ to Resize ซึ่งจะบังคับให้แอพปรับขนาดแสดงผล​ ถ้าเราปิดก็จะสามารถใช้งานแอพในโหมด​ Full​Screen​ได้​ โดยในอนาคต​ DeX​ Lab ก็จะมีฟีเจอร์อัพเดทเพิ่มขึ้นมาให้ทดลองกันครับ

ทีนี้ย้ายมาด้านขวาบ้าง​ ซึ่งเราจะพบกับ

Notification Center


โดยจะเป็นการรวมหน้าแสดงการแจ้งเตือนต่างๆและปรับแต่งค่าของสมาร์ทโฟน​ Note​ 10

เริ่มต้นด้วย


Notifications ที่จะแสดงการแจ้งเตือนเหมือนกับในสมาร์ทโฟนและสามารถกดเรียกดูได้เช่นกัน


WiFi connect


Quick Setting สำหรับปรับตั้งค่าต่างๆ


Keyboard โดยปกติแล้วเวลาเชื่อมต่อกับ​ DeX​ ไม่ว่าเราจะใช้งานอะไรในหน้า​ DeX​ ก็ตาม​ หน้าจอสมาร์ทโฟนก็จะแยกออกไปอิสระ​ ใช้งานแยกกันได้ และปุ่มนี้จะทำให้หน้าจอสมาร์ทโฟนกลายเป็น​ Keyboard Mode ได้​ (ใช้กรณีต่อกับจอ​ Monitor เปล่าๆ) 



Volume Control ใช้ปรับค่าเสียงต่าง​ๆ​ ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อกับ​ DeX​ แล้ว​ เสียงทั้งหมดจะย้ายมาดังที่ลำโพงของ​ Notebook แทน

การใช้งาน

ทุกแอพสามารถเปิดขึ้นมาได้หมด

เช่น

แอพGallery​ 

สามารถเปิดดูรอบถ่ายในสมาร์ทโฟนได้


แอพ​ File Manager 

สามารถจัดการไฟล์ในสมาร์ทโฟน​ และใช้คุณสมบัติ​ Drag & Drop ในการ Copy ไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟนและ​ Notebook ได้ทันที



นอกจากนี้แอพต่างๆที่ดาวน์โหลดเพิ่มมาก็สามารถเปิดได้ทั้งหมด​ รวมถึงเกมส์อย่าง​ PUBG ก็เล่นได้เช่นกัน

ทดลองเปิดแอพ​ Antutu Benchmark


PUBG สามารถเล่นได้​ ต่อจอยนอกหรือใช้เมาส์ควบคุมได้เลย


ท้ายที่สุดเราสามารถตั้งค่าการเรียกใช้และแสดงผลของ​ Samsung​ DeX​ ได้หลากหลายตัวเลือก


สรุป


การใช้งาน​ Samsung​ DeX​ บน​ Galaxy​ Note​ 10 Series​ นั้นสามารถสร้างประโยชน์และความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ได้มากขึ้นอีกขั้น

ด้วยการนำเสนองานในรูปแบบที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ไม่ซ้ำใคร​ ที่สำคัญคือลดความยุ่งยากในการใช้งานให้กับผู้ใช้อย่างชัดเจน

ประโยชน์ที่เด่นๆเลยก็เช่น​ มีไฟล์หลายประเภทที่ทำงานบน​ Note 10 แต่ไม่สามารถทำงานบน​ PC ได้​เช่นไฟล์​ S​ Note​ (Origin Files แบบยังไม่ได้​ Export) เราก็สามารถเปิด​ S​ Note​ และพรีเซนงานให้ลูกค้าดูผ่าน​ Samsung​ DeX​ ที่เชื่อมต่อกับ​ PC​ หรือ​ Notebook และทำการปรับแก้แบบ​ real-time ได้ในทันทีนั่นเอง



หมายเหตุ

รุ่นที่รองรับบริการ Samsung DeX ทั้งหมด ได้แก่ Galaxy S8, Galaxy S8+, Galaxy S8 Active, Galaxy Note8, Galaxy S9, Galaxy S9+, Galaxy Note9, Galaxy S10, Galaxy S10 5G, Galaxy S10+, Galaxy S10e, Galaxy Tab S4, Galaxy Tab S5e, Galaxy Note10, Galaxy Note10+, Galaxy Note10 5G, Galaxy Note10+ 5G และ Galaxy Tab S6 แต่ฟีเจอร์บางอย่างอาจใช้งานได้ไม่เท่ากันในแต่ละรุ่น

Article By : โลกไอทีวันนี้



Comments