ย้อนชมประวัติศาสตร์ ‘กล้องสมาร์ทโฟน’ ใน Samsung Galaxy S Series ก่อนการเตรียมพร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ที่จะเปลี่ยนทุกกฏของ ‘กล้องกลางคืน’ ไปอย่างสิ้นเชิง !!!!



ยิ่งโซเชียลมีเดียได้รับความนิยมมากขึ้นเท่าไหร่ คุณภาพ ‘กล้อง’ ที่ดี ยิ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาในสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งจากผลการสำรวจของซัมซุงพบว่า ผู้คนจำนวนมาก
ในปัจจุบัน จัดอันดับให้กล้องเป็น 1 ใน 3 คุณสมบัติสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ของพวกเขา

เพราะซัมซุงรู้ดีว่าการบันทึกทุกช่วงเวลาอันน่าประทับใจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาซัมซุงจึงไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาฟีเจอร์กล้อง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมก่อนที่จะพาทุกคนไปพบกับ
The new Galaxy ในงาน Samsung Galaxy Unpacked วันที่ 9 กุมภาพันธ์ เวลา 22.00 น. ซัมซุงจึงขอพาทุกคนไปย้อนดูว่าทำไมสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S Series ถึงได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำนวัตกรรมกล้องสมาร์ทโฟน พร้อมเป็นที่จดจำทั้งในกลุ่มกาแลคซี่แฟนและคนทั่วโลกว่าคือหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องที่ดีที่สุดของซัมซุง

ความเป็นผู้นำด้านกล้องสมาร์ทโฟนของซัมซุง เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จากการเปิดตัว Galaxy S รุ่นแรก ที่มาพร้อมกล้องหน้า VGA ที่รองรับการใช้งานวิดีโอคอลล์ กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่สามารถบันทึกวิดีโอด้วยความคมชัดระดับ HD พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ การจดจำใบหน้า และฟีเจอร์ป้องการการสั่นไหว รวมถึงอีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ด กับการถ่ายภาพแบบพาโนรามาที่สามารถจับมุมมองภาพที่กว้างกว่าที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอได้หลายเท่า


หนึ่งปีต่อมา ซัมซุงก็ได้แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ Galaxy S2 ด้วยการเพิ่มคุณภาพกล้อง และเริ่มกำหนดหน่วยวัดในรูปแบบพิกเซล โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล แฟลช LED เพื่อการถ่ายภาพกลางคืนที่สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มเติมความสนุกในการใช้งาน ด้วยฟีเจอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจ
มาจากหนังสือการ์ตูนกับการเปลี่ยนภาพถ่ายให้กลายเป็นภาพวาดลายเส้น

ในปี 2012 ซัมซุงได้เปิดตัว Galaxy S3 ที่มีฟีเจอร์ Burst Shot กับถ่ายภาพได้สูงสุดถึง 20 ภาพ ภายในเวลา 3.3 วินาที พร้อมโหมดเลือกภาพที่ดีที่สุด (Best Photo mode) และโหมดป้องกันการหน่วงระหว่างกดชัตเตอร์ (Zero Shutter Lag mode) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้ไม่พลาดทุกโมเมนต์สำคัญที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา


Galaxy S4 คือผู้นำกล้องสมาร์ทโฟนที่มีความละเอียดมากกว่า 10 ล้านพิกเซลในยุคนั้น ด้วยการนำเสนอกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล รวมถึงฟีเจอร์ใหม่มากมาย อย่าง Dual Shot ที่ให้ผู้ใช้สามารถใช้กล้อง 2 ตัว หน้า-หลัง ถ่ายภาพพร้อมกันเพื่อให้ปรากฏในเฟรมเดียว พร้อมฟีเจอร์ Sound & Shot ที่บันทึกเสียงเพื่อใช้เล่าเรื่องประกอบภาพได้ รวมถึง Drama Shot กับการให้ผู้ใช้ถ่ายภาพหลายภาพต่อเนื่องกันแล้วนำมารวมกันเป็นคอลเลคชันที่เล่าเรื่องราวได้ดีกว่าภาพๆ เดียว

ต่อมาด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนครั้งสำคัญกับ Galaxy S5 ที่ถือเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนกับกล้อง ISOCELL ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ด้วยเซ็นเซอร์ที่ทำให้พิกเซลของภาพรบกวนกันน้อยลง ภาพถ่ายที่ออกมาจึงมีความคมชัดยิ่งขึ้นแม้ถ่ายในที่มืด นอกจากนี้ ยังมีโหมด HDR เพิ่มเติมความสดใสให้กับภาพแม้ถ่ายในที่แสงน้อย หรือสภาพย้อนแสงได้อีกด้วย

เพื่อให้ผู้ใช้ได้ถ่ายภาพที่ต้องการได้อย่างทันท่วงที ซัมซุงจึงได้พัฒนาฟีเจอร์ Quick Launch ขึ้นบน Galaxy S6 ซึ่งเพียงแค่กดปุ่ม Home 2 ครั้งเท่านั้น ก็สามารถเข้าถึงกล้องได้อย่างง่ายดายภายใน 0.7 วินาที รวมถึงยังเพิ่มประสิทธิภาพกล้องหน้าด้วยเลนส์ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อม F1.9 เพื่องรองรับเทรนด์เซลฟี่ที่กำลังเกิดขึ้น


สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งกับ Galaxy S7 ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ภาพแบบพิกเซลคู่ (Dual pixel image censor) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะบนกล้อง DSLR ระดับไฮเอนด์เท่านั้น โดนเซ็นเซอร์นี้จะช่วยให้การถ่ายภาพคมชัดทุกสถานการณ์ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน พร้อมกับแฟลชตรงกล้องหน้าเซลฟี่เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่สว่างขึ้น ซึ่งความดีของกล้องในรุ่นนี้ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก พร้อมได้รับคะแนนจาก DxOMark สูงถึง 88 คะแนนเลยทีเดียว

Galaxy S8 ได้พัฒนาด้านการถ่ายภาพขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการนำอัลกอลิธึมมาเพื่อใช้ประมวลผล พร้อมตั้งระบบให้ถ่ายภาพสามภาพต่อเนื่องกัน ก่อนเลือกภาพที่ดีที่สุดแสดงผลแก่ผู้ใช้งาน และด้วยหน้าจอใหญ่ขนาด 6.2 นิ้วของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ซัมซุงจึงได้ออกแบบการสั่งงานเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ด้วยการควบคุมผ่านการสัมผัส เช่น เมื่อเปิดกล้อง การใช้นิ้วโป้งปัดไปทางซ้ายหรือขวาจะเป็นการสลับฟิลเตอร์หรือโหมด ในขณะที่การปัดขึ้นหรือลงจะทำให้สลับไปมาระหว่างกล้องหน้าและกล้องหลัง หรือซูมเข้าหรือออกได้

เพื่อให้สีสันของภาพสวยงามเหมือนที่ดวงตาเรามองเห็น ซัมซุงจึงได้นำนวัตกรรมกล้องรูรับแสงคู่ (Dual Aperture Camera) ที่สามารถปรับเข้ากับแสงโดยรอบได้อัตโนมัติมาใส่ไว้ใน Galaxy S9 โดยกล้องรุ่นนี้ใช้เลนส์ F1.5/F2.4 ที่มอบความสว่างสูงสุดเท่าที่มีในสมาร์ทโฟนยุคนั้น พร้อมทั้งยังดูดซับแสงได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนหน้าถึง 28% นอกจากนี้ ในด้านฟีเจอร์ยังมาพร้อมกับ Super Slo-mo ที่ให้ผู้ใช้บันทึกวิดีโอที่ 960 เฟรมต่อวินาที และนำมาทำเป็น GIF ต่อเพื่อลงในโซเชียลมีเดียได้เลยทันที รวมถึงอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เป็นที่ฮืฮฮา อย่าง AR Emoji ที่เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องและเทคโนโลยี AR ทำให้สามารถสร้างร่วงอวตาร์ที่เลียนแบบสีหน้าท่าทางของผู้ใช้ได้แบบเรียลไทม์


ในปี 2019 ถือเป็นยุคเริ่มต้นของเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับเทรนด์นี้ ซัมซุงจึงได้เปิดตัว Galaxy S10 ที่มาพร้อมกับโหมด Super Steady เพื่อป้องกันการสั่นไหวของวิดีโอยามเมื่อทำคอนเทนต์ที่มีการเคลื่อนไหว เช่น ปั่นจักรยาน หรือวิ่งออกกำลังกาย พร้อมกันนี้ ยังอัพเกรดมาเป็น HDR10+ ที่มอบสีสันอันสมจริงยิ่งขึ้น รวมถึงยังเสนอกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่เก็บภาพด้วยความกว้างสูงถึง 123 องศาเช่นเดียวกับขอบเขตการมองเห็นของสายตามนุษย์

ประสิทธิภาพอันโดดเด่นของ Galaxy S20 ได้ยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนขึ้นไปอีกขั้น ด้วยกล้อง 108 ล้านพิกเซลบน Galaxy S20 Ultra และ 64 ล้านพิกเซลบน Galaxy S20 และ S20+ พร้อมอีกหนึ่งฟีเจอร์สุดว้าว อย่าง Space Zoom ซึ่งเป็นการเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Hybrid Optic Zoom และ AI-powered digital zoom ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถซูมภาพได้มากถึง 100 เท่า รวมถึงยังรองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ 8K อีกด้วย


และล่าสุดกับ Galaxy S21 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างสีสันครั้งใหม่แก่วงการด้วยกล้องระดับโปรที่ทำงานร่วมกับ AI โดย Galaxy S21 Ultra ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกับเลนส์เทเล 2 ตัว และกล้องมากถึง
5 กล้อง พร้อมฟีเจอร์สำหรับการทำวิดีโอคอนเทนต์ อย่าง Director's View ที่ช่วยให้ผู้ใช้เลือกมุมมองที่สมบูรณ์แบบสำหรับคอนเทนต์ของตน ด้วยการแสดงภาพตัวอย่างจากสามเลนส์กล้องให้เปรียบเทียบได้พร้อมกันในทีเดียว รวมถึงยังเอาใจสาย Vlog ด้วยการสร้างเนื้อหาวิดีโอจากสองมุมมองจากทั้งกล้องหน้าเซลฟี่และกล้องหลังเพื่อให้ได้คอนเทนต์อันน่าจดจำ ปิดท้ายด้วยเทคโนโลยี nona-binning ที่ให้ภาพสว่างสดใสแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยก็ตาม


กว่าทศวรรษอันแสนยิ่งใหญ่ของซัมซุง ทุกคนคงเห็นแล้วว่าซัมซุงคือผู้ที่สร้างและเป็นผู้นำวงการ ‘กล้องสมาร์ทโฟน’ อย่างแท้จริง ซึ่งเราไม่ได้เพียงแต่คิดค้นและพัฒนากล้องที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่เรายังคำนึงถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่เพื่อรองรับเทรนด์ที่กำลังจะมาถึง พร้อมทั้งยังสามารถตอบโจทย์การใช้งานจริงของผู้บริโภคได้อีกด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การพัฒนากล้องให้มอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ ไม่เว้นแม้แต่ ‘ที่แสงน้อยหรือยามค่ำคืน’

เตรียมออกจากกฎของกล้องกลางคืนที่ทุกคนรู้จัก เพื่อพบกับมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟน ในงาน Samsung Galaxy Unpacked ผ่านช่องทาง https://news.samsung.com/th/ หรือหากต้องการร่วมกิจกรรมไลฟ์เปิดตัวในประเทศไทย สามารถรับชมได้ผ่านทาง https://www.samsung.com/th/ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 22.00 น.

พิเศษ! ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ มูลค่า 7,099 บาท ฟรี! เพื่อรับ The New Galaxy ก่อนใคร พร้อม Samsung Care+ ประกันอุบัติเหตุที่ครอบคลุมถึงประกันจอแตกนาน 2 ปี ไม่มีชาร์จเพิ่ม และโปรโมชั่น Pre-order ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ - 9 กุมภาพันธ์ 2565 ติดตามรายละเอียดได้ที่


Comments